Forex คือ “Foreign exchange market” หรือที่สั้นๆที่เรียกกันว่า FX ซึ่งเป็นแหล่งการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Forex คือ ตลาดที่ให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับตัวนักลงทุนเอง โดยผ่านทางการซื้อขายค่าสกุลเงินต่างๆ ที่นักลงทุนคิดว่าจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ เช่นเดียวกับการลงทุนประเภทอื่นๆ อาทิ ทองคำ น้ำมัน หุ้น ที่ว่าเราจะกำไรก็ต่อเมื่อ เราซื้อถูกและขายแพง … ซึ่งการเทรด Forex ใช้หลักการนี้เหมือนกัน เพียงแต่สิ่งที่ลงทุนเป็นการลงทุนบนคู่สกุลเงินแทน
ถ้าใครเคยไปเที่ยวต่างประเทศ ยังไงก็ต้องมีส่วนร่วมกับตลาด Forex นี้ ! ก็เพราะว่า เวลาเราไปต่างประเทศเราก็ต้องแลกสกุลเงินประเทศที่เรากำลังไป
เช่น
ไปเที่ยวประเทศสหรัฐอเมริกา 5 วัน
ขาไป : เรทค่าเงินสหัรฐ เมื่อเทียบกับเงินบาท อยู่ที่ … 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
โดยคิดว่าจะแลกสัก 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินใช้สอยตอนอยู่นั่น
ซึ่งเราต้องใช้เงินบาททั้งสิ้น 30*1,000 = 30,000 บาท
โดยเรานำเงินบาทไปแลกที่ธนาคาร เพื่อแลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ (ขายเงินบาท เพื่อไปแลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ)
สมมติว่าระหว่างที่ไปเที่ยวที่สหรัฐอเมริกานั้นไม่ได้ใช้เงินเลย (แฟนใจดีจ่ายให้หมดเลย)
พอขากลับ : ค่าเงินบาทเราอ่อนค่าอย่างแรง ขึ้นไปสู่ระดับ 35 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเมื่อเรากลับมาที่ประเทศไทย เราเอาเงินดอลลาร์ที่เราแลกไว้ก่อนหน้าไปแลกคืนที่ธนาคาร … (ขายเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแลกกลับมาเป็นเงินบาท)
ดังนั้นเรากลับมาจะมีเงินเพิ่มขึ้นเป็น 35*1,000 = 35,000 บาท
ทั้งนี้ทำให้เรากำไรถึง 5,000 บาท จากการทำการแลกเปลี่ยนเงินตราในครั้งนี้ …
ซึ่ง ! การเทรด Forex ก็แค่นี้แหละครับ … ถ้าเราคาดการณ์ทิศทางราคาของคู่สกุลเงินต่างๆได้ เราก็จะสามารถสร้างกำไรจากการลงทุน Forex นี้ได้เช่นเดียวกัน
ข้อดีของการลงทุนในตลาด Forex
อันดับแรกเลย Forex ถือว่าเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆที่เทรดกัน ตลาด Forex เป็นตลาดที่จำนวนผู้เล่นและมูลค่าการซื้อขายในตลาดสูงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
ลองมาดูการเปรียบค่าเฉลี่ยของมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันของ ตลาดหุ้น กับ ตลาด Forex กันดู
จะเห็นได้ว่า ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาด Forex สูงกว่า ตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สูงในโลกอย่างสหรัฐฯ กว่า 200 เท่า !!
โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในตลาด Forex แต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐ … ฟังไม่ผิดนะครับ 5 ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ต่อวัน !
นี่แสดงถึงความมีประสิทธิภาพของตลาด เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นในลักษณะเดียวกัน … เรื่องนี้ Forex กินขาด
ข้อดีอันดับที่สอง คือ … ตลาด Forex เปิดให้เทรดตลอด 24 ชั่วโมง!!
หลายคงอาจจะสงสัย ว่าทำไมตลาดนี้ถึงเปิดให้ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ??
ก็เพราะว่าการเทรด Forex เป็นการเทรดในตลาดทั่วโลก ในขณะที่บางตลาดของประเทศนึงถูกปิดไป ในช่วงนั้นก็จะมีตลาดอีกประเทศนึงที่กำลังเปิดและให้เทรดอยู่
ศูนย์กลางการเทรด Forex หลักจะมีอยู่ 4 แห่ง
(ใช้ในการแบ่ง Trading session) คือ
- Sydney – ออสเตรเลีย
- Tokyo – ญี่ปุ่น
- London – อังกฤษ
- New york – สหรัฐ
ตลาด Forex เทียบตามเวลาบ้านเรา (ประเทศไทย)
ตอนตี 5 ตลาดที่ Sydney จะเปิดให้ทำการซื้อขาย จนถึง ประมาณบ่าย 2
ในระหว่างนั้น ช่วงเวลา 8 โมงเช้า ตลาดที่ Tokyo ก็เปิดทำการ จนถึง ประมาณ 4 โมงเย็น
เช่นเดียวกัน ช่วงเวลา บ่าย 3 ตลาดที่ London ก็เริ่มเปิดทำการ จนถึง ประมาณ 5 ทุ่ม
และ ในช่วง 2 ทุ่ม ตลาด New York ก็เปิดทำการ จนถึง ประมาณตี 5
(โดยจะปิดจริงๆ แค่ช่วงเสาร์ อาทิตย์ แค่นั้นเอง)
ซึ่งจะเห็นได้ว่า เมื่อตลาดนึงถูกปิดไป ก็มีตลาดที่เปิดขึ้นมา ไปเรื่อยๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
ทำให้เทรดเดอร์สามารถเทรดเมื่อไหร่ก็ได้ ตามเวลาที่เทรดเดอร์สะดวกเลย
จะเทรด Forex ต้องทำอย่างไร ?
ก็คล้ายกับการเล่นหุ้น อย่างแรกเราต้องมีพอร์ตในการเทรด Forex โดยต้องทำการเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยเรา มีโบรกเกอร์จำนวนมากที่มาให้บริการในด้านนี้ โดยโบรกเกอร์ที่นิยมในไทยก็อย่างเช่น XM , FBS , Pepperstone และ Exness เป็นต้น ซึ่งโบรกเหล่านี้ค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย เพราะเปิดให้บริการยาวนานมากว่า 10 ปี
วิธีการเทรด Forex
การเทรด Forex ต้องบอกว่าสามารถทำกำไรได้ทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ว่าจะเป็น “ขาขึ้น” หรือ “ขาลง” ขอเพียงแค่ให้เราวิเคราะห์ทิศทางของราคาให้ถูกต้อง ก็สามารถสร้างกำไรจากการเทรดได้แล้ว
โดยหลักๆ Forex จะมีคำสั่งซ์้อ-ขาย อยู่ 2 คำสั่งได้แก่
1. Long หรือ Buy
ถ้าเราคาดการณ์ว่าราคาจะ “ขึ้น” เราก็สั่งคำสั่ง Long
(ซื้อถูก ขายเพง = กำไร)
2. Short หรือ Sell
ถ้าเราคาดการณ์ว่าราคาจะ “ลง” เราก็สั่งคำสั่ง Short
(ขายแพง ซื้อถูก = กำไร)
และโดยส่วนมากโปรแกรมที่ใช้เทรด Forex ส่วนมากที่ใช้กัน คือ MT4 หรือที่ย่อมาจาก MetaTrader 4 นั่นเอง ซึ่งเป็นโปรแกรมเทรดโดยสากล ใช้กันทั่วโลก สามารถคีย์คำสั่งได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว โดยสั่งคำสั่งผ่านทางคอมพิวเตอร์ หรือมือถือก็ได้เช่นเดียวกัน
อีกทั้งถ้าเทรดเดอร์คนไหนมีความสามารถในการเขียนโปรแกรม สามารถเขียนโปรแกรมการเทรดอัตโนมัติลงบนโปรแกรมนี้ได้เลย หรือที่เรียกกันว่า “EA (Expert advisor) สามารถปล่อยให้โปรแกรมรันและเทรดตามคำสั่งที่เราเขียนไว้อัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องนั่งเฝ้าจอเลยทีเดียว
คู่สกุลเงินหลักในตลาด Forex
แม้ว่าคู่สกุลเงินจะทั่วโลกจะมีมากมาย แต่จะมีคู่สกุลเงินหลักๆที่เทรดกันจะมีเพียงไม่กี่คู่สกุลเงิน เทรดเดอร์ที่พึ่งเข้ามาใหม่ ที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มเทรดคู่สกุลเงินไหนดี ให้เริ่มจากคู่สกุลเงินหลัก หรือ “Majors” ด้วยเพราะว่าคู่สกุลเหล่านี้มีวอลุ่มการเทรดมหาศาล ครอบคลุมกว่า 72%! ของปริมาณการเทรด Forex ทั้งหมด โดยคู่สกุลเงินเหล่านี้จะมีการแกว่งตัวของราคาอยู่ตลอด ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าไปสร้างกำไรจากการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้
โดยคู่สกุลเงินหลักมีดังนี้
- EUR/USD หรือ ยูโร / ดอลลาร์สหรัฐฯ
- USD/JPY หรือ ดอลลาร์สหรัฐ / เยน (ญี่ปุ่น)
- GBP/USD หรือ ปอนด์ (อังกฤษ) / ดอลลาร์สหรัฐ
- USD/CHF หรือ ดอลลาร์สหรัฐ / ฟรังก์สวิส (สวิสเซอร์แลนด์)
- USD/CAD หรือ ดอลลาร์สหรัฐ / ดอลลาร์แคนาดา
- AUD/USD หรือ ดอลลาร์ออสเตรเลีย / ดอลลาร์สหรัฐ
- NZD/USD หรือ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ / ดอลลาร์สหรัฐ
วิธีคาดการณ์ทิศทางของราคาค่าเงินในตลาด Forex
หลักๆ จะมีอยู่ 3 รูปแบบในการวิเคราะห์ คือ
- เทรด Forex แบบดูกราฟวิเคราะห์ราคาจากรูปแบบของกราฟ (Technical Analysis)
- เทรด Forex แบบวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
- เทรด Forex แบบเล่นตามข่าว (Sentiment Analysis)
ซึ่งแต่ละวิธีการก็แตกต่างกันออกไป แต่ละวิธีสามารถทำกำไรได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบหรือถนันแบบไหนมากกว่าแค่นั้นเอง
รายได้จากการเทรด Forex
น่าจะ 100% เลยทีเดียวสำหรับคนที่เข้ามาเทรด Forex ก็เพราะว่า “อยากรวย เร็วๆ” ซึ่งต้องบอกความจริงก่อนเลยว่า … มีหลายคนจริงที่รวยจากตลาดแห่งนี้ แต่ก็มีหลายคนที่เจ๊งเช่นเดียวกัน … มันเหมือนกับการแข่งขันต่างๆที่ว่า คนที่ชนะ คือ คนที่ฝึกฝนมีดี ขยันตั้งใจฝึกซ้อม ทบทวนหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ส่วนคนที่แพ้ คือ คนที่ไม่ทำอะไรเลย อยากชนะ แต่ไม่พยายาม … ซึ่ง Forex ก็เหมือนกันครับ ถ้าอยากสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน ก็ต้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเราเก่งจนสามารถเอาชนะตลาดนี้ได้ครับ
โดยโลกการเทรดเราจะนับรายได้กันเป็น % บางคนก็ได้ 10% ต่อปี บางคนมีฝีมือหน่อยก็ 20-30% ต่อปี บางคนก็เทพเลยก็สามารถทำกำไรเกิน 50% ต่อปี ได้ก็มีครับ ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนว่าจะสามารถทำกำไรได้มากน้อยเพียงใด … โชคดีในการเทรดทุกครับนะครับ 🙂
ทีมงาน:Thaibrokerforex คิดถึง Forex คิดถึงเรา