Forex คือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราโลกที่ทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนค่าเงินหนึ่งเป็นอีกค่าเงินหนึ่ง ตัวอย่างที่จะเห็นได้ชัดเลยก็คือ สมมุติว่า คุณจะไปเที่ยวต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำคือ การแลกเงิน ไม่ว่าจะแลกที่สนามบิน หรือว่าแลกจากเมืองไทยไปก่อน นั่นก็ต้องแลกเงินทั้งนั้น คุณต้องมีเงินของประเทศอื่น ในกระเป๋าของคุณเพื่อนำไปจับจ่ายที่ต่างประเทศ

นั่นก็คือการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ดังนั้น  Forex คือ ตลาด Foreign Exchange ถ้าจะให้พูดแบบความหมายอย่างง่ายมันก็คือ ตัวกลางในการซื้อขายสินค้าหรือ บริการที่มีอยู่ในต่างประเทศนั่นแหละครับ ระบบเศรษฐกิจของประเทศแต่ละประเทศนั้นมีค่าเงินเป็นของตัวเอง ทำให้ค่าเงินนั้นมีความสำคัญในการแลกเปลี่ยน เพราะว่าเงินของแต่ละประเทศนั้นมีค่าไม่เท่ากัน

ตัวอย่างเช่น  การที่จะซื้อสินค้าในประเทศญี่ปุ่น เราก็ต้องใช้เงินเยนญี่ปุ่นในการซื้อสินค้าของเขา แต่ว่า ราคาสินค้าอย่างเดียวกันในประเทศญี่ปุ่นนั้นอาจจะถูกหรือแพงกว่าบ้านเราก็ได้ ตัวอย่างเช่น ราคาแฮมเบอร์เกอร์ขนาดเดียวกันและเหมือนกันกับประเทศไทยนั้นราคาจะไม่เท่ากันทั้งที่สินค้าเหมือนกันทั้ง 2 อย่าง นั่นก็เพราะว่าค่าเงินนั้นแข็งค่าและอ่อนค่าไม่เหมือนกัน ทำให้การแลกเปลี่ยนสินค้านั้นต้องดูช่วงเวลาที่ค่าเงินอ่อน หรือ แข็งค่าด้วยเช่นกัน

เมื่อคุณจะกลับบ้านและบินมาถึงเมืองไทยแล้วปรากฏว่า ค่าเงินไทยนั้นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินญี่ปุ่น ทำให้คุณเอาเงินเยนที่เหลือจากการไปเที่ยวญี่ปุ่นแลกเงินกลับมาเป็นเงินไทยปรากฏว่าได้เงินเยอะกว่าเดิม นี่ก็เรียกว่าเป็นการเทรด Forex รูปแบบหนึ่งแล้วหล่ะครับ

Forex คืออะไร

จากที่กล่าวข้างต้นว่า Forex คืออะไร เรารู้แค่ว่ามันคือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แต่ว่าแล้วตลาดมันอยู่ที่ไหนเหมือนกับการซื้อขายหุ้นหรือไม่ คือคำถามของส่วนนี้ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนนั้นไม่มีตลาดครับ เป็นตลาดกลางที่เรียกว่า Interbank Market ซึ่งไม่มีตลาดจริง ๆ โดยการส่งคำสั่งซื้อขาย มี 2 แบบคือไปซื้อที่ Over the Counter ก็คือไปแลกได้ที่ธนาคาร หรือจะส่งคำสั่งผ่าน Broker ก็ได้ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อแตกต่างกับตลาดหุ้นนั่นเอง

ฉะนั้นการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนที่เรียกว่า ตลาด Forex นั้น เราก็จะทำการส่งคำสั่งผ่าน Broker ซึ่งโบรคเกอร์ก็จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคล้าย คลึงกับโบรคเกอร์ในตลาดหุ้นและเราก็จะเสียค่าธรรมเนียมหรือว่าค่าคอมมิชชั่นด้วยเช่นกัน นอกจากตลาด Forex จะมีความคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นหลายอย่างแล้ว ความคาดหวังของลูกค้าที่เข้ามาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนนั้นยังมีหลายรูปแบบ

เนื่องจากว่าวัตถุประสงค์ของการซื้อขายค่าเงินในตลาด Forex คือการทำธุรกรรมชำระเงินสินค้า มันจึงทำให้มีตลาด Forex นั้นมีผู้เล่นมากหน้าหลายตา เช่น กลุ่มนักธุรกิจที่ทำการค้าขายระหว่างประเทศ ต้องนำเงินไปชำระสินค้า เมื่อมีการชำระสินค้าเป็นเงินต่างประเทศ การที่ค่าเงินแข็งหรืออ่อนค่าเขาต้องทำการสำรองเงินไว้ ทำให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเข้ามาบทบาท

นอกจากสินค้าแล้วก็ยังมีบริการ ตัวอย่างเช่น ธนาคาร หรือว่าบริษัทเงินทุน กองทุน ที่ซื้อบริการของธนาคารในต่างประเทศด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ประเทศออสเตรเลียที่ให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 4 – 8 % ต่อปี ก็จะทำให้สถาบันการเงินไทยนำเงินไปฝากที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะว่า รับฝากจากลูกค้าเมืองไทยและจ่ายดอกเบี้ยเพียง 0.5 % ต่อปี เป็นต้น ซึ่งธนาคารก็จะได้ส่วนต่างจากตรงนี้ไป ทำให้ความต้องการการถือครองเงินออสเตรเลียก็จะสูงขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ธนาคารกลางแต่ละประเทศก็จะเข้ามาแทรกแซงการแข็งค่า หรืออ่อนค่าของค่าเงิน โดยการกำหนดดอกเบี้ย เมื่อดอกเบี้ยลดก็จะทำให้เงินไหลออกไปสู่ที่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

คนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจลักษระนี้ก็เรียกตัวเองว่าเทรดเดอร์ ที่คาดการณ์การแข็งหรืออ่อนค่าของค่าเงิน โดยทำการพยากรณ์ โดยมีรูปแบบการพยากรณ์ราคาแบบต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งกลุ่มลูกค้าสถาบัน เช่น สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย ธนาคาร บริษัท และเทรดเดอร์รายย่อยอย่างพวกเรา ทุกกลุ่มต่างหวังที่จะเข้ามาทำกำไรจากส่วนต่างการเคลื่อนไหวของค่าเงินทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ทำให้ตลาดค่าเงิน มีกลุ่มคนประมาณ 2- 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มคนทำธุรกิจระหว่างประเทศ  กลุ่มนักลงทุนสถาบันการเงินต่าง ๆ กลุ่มเทรดเดอร์รายย่อย และ กลุ่ม ธนาคารกลาง  ถ้าเราเป็นเทรดเดอร์รายย่อยที่เหลือทั้งหมดก็คือ คู่มือที่เราร่วมโต๊ะพนันกับเขาว่าเราจะทำกำไรได้

ความเหมือนที่แตกต่างของตลาด Forex และตลาดหุ้น

ความเหมือนที่แตกต่างของตลาด Forex และตลาดหุ้น

ตลาด Forex กับตลาดหุ้นมีความคล้ายคลึงกัน แต่ว่าตลาด Forex นั้นซื้อขายแล้วถือครองไม่ได้ปันผลนะครับ ได้แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย เรียกว่า Swap ส่วนใหญ่ก็จะเปลี่ยนไปมา จนบางครั้งก็ขาดทุนได้เช่นกัน ซึ่งทำให้เทรดเดอร์ต้องศึกษาเงื่อนไขให้รอบคอบ นอกจากนี้การเทรดในตลาด Forex ยังมีปริมาณการซื้อขายมหาศาล เรียกว่า มากกว่าตลาดหุ้นไทย ถึง 1000 เท่าเลยทีเดียว ใหญ่ขนาดไหนก็ลองเปรียบเทียบระหว่างขนาดดวงอาทิตย์กับดาวโลก ที่มีขนาดแตกต่างกันเพียง 100 เท่า เท่านั้น นั่นทำให้ตลาด Forex นั้นมีความผันผวนสูงกว่าตลาดหุ้นมากนัก  เพราะว่าราคาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในตลาดหุ้นเราสามารถเทรด Time Frame เล็ก ๆ ได้แต่ราคาเคลื่อนไหวไม่บ่อยมากนัก แต่ว่าที่ตลาด Forex ราคาเคลื่อนไหวทุก นาทีเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใน 5 วันทำการ คือวันจันทร์ – วันศุกร์ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเปิดแค่ 10.30 – 16.30 น. ตลาด Forex จึงเป็นตลาดของเทรดเดอร์ผู้ไม่เคยหลับไหลนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมฉบับเต็ม

Forex คืออะไร (ข้อมูลฉบับละเอียด)

forex คือ อะไร และทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในตลาด forex อย่างยั่งยืน

ขอบคุณครับ

เขียนโดย

Alisa William

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon