บทคัดย่อ

  • Leverage: เครื่องมือช่วยเพิ่มพลังของเงินทุน โดยใช้เงินน้อยแต่สามารถเทรดสัญญาที่มีขนาดใหญ่ได้
  • เพิ่มพลังของเงินทุน: ด้วยการใช้เงินทุนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว แต่ในระหว่างเดียวกันอาจจะทำให้เสียหายได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน หากใช้ไม่ระมัดระวัง
  • มือใหม่ใช้เท่าไหร่ดี: 100:1 นับว่าเพียงพอต่อมือใหม่ ที่ใช้ภายใต้ความเสี่ยง 3% หรือ 1%

Leverage คืออะไร

ภาพตัวอย่างการใช้เลเวอเรจ 1000:1 ด้วยเงินทุน 100 เพิ่มพลังในการเทรดได้เสมือนมีเงิน 100,000

Leverage คือ คานงัดที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุน สำหรับเทรดเดอร์รายย่อยหรือผู้ที่มีทุนน้อย ในตลาด Forex หรือตลาด CFD ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ที่ทำให้เทรดเดอร์รายย่อย สามารถเข้าถึงสัญญาขนาดใหญ่ ได้โดยเงินเพียงเล็กน้อย

เช่น เทรด Forex 1 Lot Standard เดิมทีต้องใช้เงินทุนสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ แต่เมื่อใช้เลเวอเรจ 1:1000 จะสามารถเทรดได้โดยใช้ทุนเพียง 100 USD เท่านั้น

เป็นประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์รายย่อย ที่มีทุนน้อย และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรเพิ่ม แต่จะต้องผ่านกระบวนการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ผลจากการใช้เวเวอเรจ ย้อนกลับทำให้เกิดความเสียหายด้วยเช่นกัน

ถ้าไม่มี Leverage จะเกิดอะไรขึ้น

ตลาด Forex เดิมทีเป็นเกมคนรวย ที่ผู้เล่นรายใหญ่สามารถเข้าถึงได้เท่านั้น เพราะการเทรดจะต้องใช้ทุนเยอะ จึงเป็นที่นิยมสำหรับ บรรษัทข้ามชาติ สถาบันการเงิน กองทุนต่าง ๆ

ถ้าไม่ใช้เลเวอเรจ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ

  • ในคู่เงิน EUR/USD สมมุติราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.1000
  • เทรดเดอร์ ต้องการซื้อ 1 Lot Standard
  • หากไม่มีเลเวอเรจ หรือไม่ใช้ จะต้องใช้เงินที่ 110,000 USD (100,000 X 1.1000) เพื่อเปิดสถานะ

ถ้าใช้เลเวอเรจ 100:1

  • ในคู่เงิน EUR/USD สมมุติราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.1000
  • เทรดเดอร์ ต้องการซื้อ 1 Lot Standard
  • ใช้เลเวอเรจ 100:1 จะใช้เงินอยู่ที่ 1,100 USD (110,000/100) เพื่อเปิดสถานะ

สรุปได้ว่า…

ถ้าไม่ใช้เลเวอเรจ ต้องการเทรด 1 Lot Standard จะต้องใช้เงินสูงถึง 110,000 แต่เมื่อนำเลเวอเรจเข้ามาใช้ 100:1 ใช้เงินเพียง 1,100 ในการเทรด 1 Lot Standard เป็นการเพิ่มอำนาจในการซื้อขาย ร้อยเท่าในทันที

Leverage กับการจัดการความเสี่ยง

เราจะใช้เลเวอเรจเท่าไหร่ดี

การเลือกใช้เลเวอเรจให้เหมาะสม เป็นปัจจัยหนึ่งที่เทรดเดอร์จะต้องทำความเข้าใจ แม้บางโบรกเกอร์จะเปิดให้ใช้สูงเท่าไหร่ จะต้องเข้าใจด้วยว่า ยิ่งใช้เลเวอเรจสูง ก็จะสามารถเปิด Lot Size ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น เป็นการเพิ่มพลังให้กับเงินทุน

แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งหมดเท่าที่โบรกเกอร์ให้ เพราะนั่นจะต้องอยู่ภายใต้การจัดการความเสี่ยง เช่น เทรดเดอร์มีทุนอยู่ที่ 100 USD ใช้เลเวอเรจที่ 1:1000 จะสามารถเปิดออเดอร์ 1 Lot Standard

เมื่อคำนวนความเสี่ยงแล้ว เข้าออเดอร์เพียง 0.05 นั่นนับว่าเพียงพอต่อการเข้าเทรด ภายใต้ความเสี่ยงที่กำหนด นับว่าเพียงพอแล้ว

ตัวอย่างการใช้เลเวอเรจที่เหมาะสม หรือใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ตั้งไว้เยอะเกินไปเพื่อป้องกันการเทรดเกินกำลังโดยไร้การจัดการความเสี่ยง เพื่อเป็นการปกป้องพอร์ต และมือใหม่เทรดเริ่มต้นแนะนำเพียง 100:1 ก็เพียงพอสำหรับความเสี่ยงที่กำหนด

  • ไม่ใช้เกินความจำเป็น: เพื่อป้องกันการเข้าออเดอร์ เกินกว่าความเสี่ยงที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น
  • ปกป้องพอร์ต: ลดการเข้าโดยไร้เหตุผล ที่มาของการโอเวอร์เทรด
  • มือใหม่: ทุนน้อย เทรดอย่างปลอดภัยแนะนำเริ่มต้นเพียง 100:1 หรือ 200:1 เท่านั้น

มีวิธีจัดการความเสี่ยงอย่างไร

การจัดการความเสี่ยง คือการควบคุมความเสี่ยง ให้อยู่ภายใต้ที่กำหนด เช่น เทรดเดอร์มีเงินทุนอยู่ 1,000 USD สามารถเสี่ยงได้ 3% ต่อการเทรด เท่ากับว่าในทุกครั้งที่เทรด จะมีโอกาสเสียได้ไม่เกิน 30 USD

  • เลเวอเรจ: ใช้เริ่มต้นที่ 100: ก็เพียงพอ สำหรับบัญชี Standard
  • ความเสี่ยง 3%: ของเงินทุน 1000 USD เท่ากับ 30 USD
  • ระยะ SL: นำระยะ SL หน่วยที่เล็กที่สุดคือจุด หรือ points เช่น 500 จุด
  • สูตร: ความเสี่ยง 30/500= 0.06 Lot เข้าไม่เกินนี้ หากผิดพลาดโดน SL จะเสียไม่เกิน 30 USD

แม้โบรกเกอร์จะเสนอให้ใช้เลเวอเรจสูงถึง 3000:1 อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สูงขนาดนั้น โดยเลือกใช้เพียง 100:1 เป็นการควบคุมไม่ให้เผลอเข้าเกินกว่าที่กำหนด นี่คือวิธีการเทรดโดยปลอดภัย และอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่กำหนดคือ 3%

ใช้ Leverage อย่างไรไม่ Overtrade

Overtrade คือ การเทรดเกินความสามารถของเงินทุนที่มี อีกนัยหนึ่ง คือการเทรดเกินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น เทรดเดอร์กำหนดความเสี่ยงไว้ที่ 3% เมื่อมีออเดอร์ที่อยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่กำหนดแล้ว แต่ยังไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสในการเทรดใหม่ ๆ

จนกระทั่งพบกับคู่เงินที่มีจุดเข้าสวย ๆ จึงทำการเปิดออเดอร์เพิ่มเติม นั่นคือการเทรดเกินความเสี่ยงของพอร์ต หรืออีกนัยหนึ่ง กราฟวิ่งถูกทางจึงทำการเข้าออเดอร์เพิ่ม หรือในจังหวะที่โดนลาก ทำการเข้าออเดอร์เพิ่ม เพื่อเป็นการถัวเฉลี่ย

จึงทำให้ มีออเดอร์เกินความความเสี่ยงที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น นั่นคือการ Overtrade แต่การใช้เลเวอเรจ เป็นการเพิ่มความสามารถของเงินทุน ให้เทรดได้มากกว่าเงินทุนที่มี แม้จะใช้เวเวอเรจน้อยเพียงใด แต่เข้าออเดอร์เกินกว่าที่กำหนดไว้ ก็เป็นการ Overtrade อยู่ดี ดังนั้นกำหนดให้พอดี จะช่วยปกป้องเงินทุน ไม่ให้เสี่ยงทั้งหมดของเงินในพอร์ต

สไนเปอร์เทรด กับการใช้ Leverage

เลเวอเรจเป็นเครื่องมือหลัก สำหรับคนที่เทรดโดยใช้ทุนต่ำ คาดหวังกำไรสูง หรือการเทรดแบบสไนเปอร์ แต่มีวิธีการจัดการความเสี่ยงในรูปแบบสไนเปอร์

สไนเปอร์เทรด (Sniper Trading) คือ การเทรดโดยการใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ให้คุ้มค่า ทั้งเงินทุน เวลา และความสามารถของเงินทุน โดยการใช้เวเวอเรจสูงสุด เดิมพันด้วยเงินทั้งหมดของพอร์ต การเทรดรูปแบบสไนเปอร์ จะมีความคล้ายคลึงกับ Overtrade แต่แตกต่างด้วยเหตุผล ดังต่อไปนี้

  • วางแผนไว้เป็นอย่างดี: ก่อนเทรดทุกครั้ง จะต้องมีแผน โดยใช้ทุกความสามารถของเครื่องมือ และมีสัญญาณที่ชัดเจน มั่นใจว่าชัวร์เท่านั้น ไม่เข้าเทรดถ้าไม่มั่นใจ
  • ใช้เงินทั้งหมดที่มีในบัญชีเทรด: พร้อมเทหน้าตักทั้งหมดที่มี ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยส่วนใหญ่สไนเปอร์เทรด จะมีบัญชีเทรดที่แยกจากบัญชีทั่วไป และฝากเงินเข้าไว้เฉพาะที่พร้อมเสียได้เท่านั้น พร้อมเทหน้าตักหากผิดพลาด และพร้อมเก็บกำไรก้อนโตหากถูกทาง
  • ใช้เวเวอเรจเต็มกำลัง: ใช้เงินน้อย ไปแลกเงินก้อนโต จะทำได้ก็ต้องใช้เลเวอเรจเต็มกำลัง กดให้หนักเท่าที่จะกดได้ แต่จะต้องแน่ใจว่ากดแล้ว กราฟจะวิ่งในทันที เพราะถ้าผิดทางก็อาจจะล้างพอร์ตได้เช่นกัน
  • มีวิธีจักการความเสี่ยง: คือการกำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หากเสียไปไม่เสียดาย หรือไม่เดือดร้อน เช่น บัญชีนี้จะใช้ยิงสไนเปอร์ โดยกำหนดเงินทุนไว้ 1,000 บาท ต่อการกดหนึ่งครั้ง
  • ไม่เทรดตามอารมณ์: เข้าใจว่าตลาด มีขึ้นมีลง อาจจะมีความผิดพลาดได้เสมอ ใช้หลักสถิติของความแม่นยำ 50% แม้ผิดพลาดครั้งนี้ ครั้งหน้าย่อมมีโอกาส ใช้เหตุผลในการตัดสินใจเสมอ

ตัวอย่าง เทรดเดอร์คนหนึ่ง ต้องการทำกำไรในตลาด Forex ด้วยเทคนิคสไนเปอร์ โดยกำหนดความเสี่ยงไว้ ถ้าผิดพลาดจะยอมเสียได้ 30 USD ต่อครั้ง

จึงทำการแยกบัญชีเทรด โดยฝากเงินเข้า 30 USD ใช้เวเวอเรจ 2000:1 จะสามารถกดสูงสุดได้ถึง 0.6 lot Standard นับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยสำหรับทุนเพียง 30 USD

แน่นอนว่าจะถ้าผิดพลาดจะเสียเพียง 30 USD แต่ถ้าถูกทาง สามารถรันยาว ๆ หรือเท่าที่จะพอใจ อาจจะทำให้พอร์ตโตได้ถึง 20-30 เท่าก็เป็นได้ แม้จะผิดทาง 5 ครั้ง จะเสียทุนอยู่ที่ 150 USD แต่ถ้าถูกทางเพียง 1 ครั้ง แต่เก็บกำไรสูงถึง 30 เท่า จะได้กำไรราว ๆ 900 USD นับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย

ใช้ Leverage สูงสุดได้เท่าไหร่

ในหลาย ๆ โบรกเกอร์ จะต้องกำหนดเวเวอเรจตั้งแต่ขั้นตอนในการเปิดบัญชีเทรด แต่อย่างเช่น

  • โบรกเกอร์ Exness เป็นโบรกเกอร์ที่ให้ความยืดหยุ่นในการใช้ Leverage มาก ๆ โดยสามารถปรับเปลี่ยน Leverage ได้ภายหลัง และมีเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:ไม่จำกัด

ในหลาย ๆ โบรกเกอร์ ให้สูงสุดอยู่ที่ 1000:1 หรือ 2000:1 แม้จะให้สูงเพียงใด แนะนำว่าให้เลือกใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

อยากรู้ไหมว่าโบรกเกอร์ Forex เจ้าไหนให้ Leverage สูงสุด เท่าไหร่?  มีตั้งแต่ Exness ที่ให้เลเวอเรจแบบไม่จำกัด ไปจนถึงโบรกเกอร์เจ้าอื่นๆ ที่ให้เลเวอเรจสูงถึง 1:10000 เลยทีเดียว คลิกดู อันดับโบรกเกอร์ Forex เรียงตาม Leverage มากที่สุด

มือใหม่ใช้เท่าไรดี

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ แนะนำไม่เกิน 100:1 นับว่าเพียงพอต่อการใช้งาน เช่น

  • เทรดเดอร์มีทุน 1,000 USD: ใช้ความเสี่ยงอยู่ที่ 3% ต่อการเทรด เท่ากับทุกครั้งที่เทรดจะใช้ความเสี่ยงไม่เกิน 30 USD
  • ใช้เลเวอเรจ 100:1: 1000X100 = 100,000 จะสามารถเทรดได้ประมาณ 1 lot Standard
  • เทรดภายใต้ความเสี่ยงที่กำหนด: โดยทุกครั้งจะใช้ความเสี่ยงไม่เกิน 30 USD ตัวอย่างเช่น
    • ใช้ความเสี่ยง 30 USD หารด้วยระยะจากจุดเข้าไป SL ใช้หน่วยที่เล็กที่สุด เช่น 300 จุด จะได้ 0.1
    • เข้าไม่เกิน1 lot หากผิดพลาดจะเสียไม่เกิน 30 USD
  • เลเวอเรจ: 100:1 นับว่าเพียงพอต่อการเทรด

ข้อดี ข้อเสียของเลเวอเรจ

ตัวอย่างข้อดีข้อเสีย ของการใช้เลเวอเรจ แม้จะเพิ่มพลังในการเทรดให้เสมือนมาทุนจำนวนมาก ทำกำไรได้เร็ว แต่ยังเป็นเสมือนมีดสองคม ที่จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน การใช้อย่างมีสติและมีแผนในการจัดการความเสียงที่เหมาะสม จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ข้อดี

  • เปิดโอกาส: ให้เทรดเดอร์รายย่อยเข้าถึงตลาด และเทรดสัญญาที่มีขนาดใหญ่
  • ใช้เงินทุน: อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่นการเทรดสไนเปอร์ ที่ใช้ทุนน้อย คาดหวังกำไรสูง
  • ถ้าไม่มี: เงินทุนไม่พอ จะไม่สามารถเทรดอะไรได้เลย

ข้อเสีย

  • ใช้เกินความจำเป็น: อาจจะนำไปสู่ความผิดพลาด ถึงขั้นล้างพอร์ตได้
  • โบรกเกอร์: ในหลาย ๆ โบรกเกอร์ที่ให้ใช้เลเวอเรจสูง ๆ ส่วนใหญ่เป็นโบรกเกอร์ประเภท B-book
  • เลเวอเรจ: คือมีดสองคม ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ในระหว่างเดียวกันก็เพิ่มโอกาสในการเสียหายได้เช่นกัน

สรุป

Leverage คือ เครื่องมือเพิ่มโอกาสในการเทรดและทำกำไร สำหรับเทรดเดอร์รายย่อย ที่จะสามารถเข้าถึงตลาด Forex ที่มีสัญญาการเทรดขนาดใหญ่ได้

เป็นโอกาสในการเข้าทำกำไรตลาดการเงินระดับโลก ผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ ที่เปิดให้ใช้เลเวอเรจ