Wire Transfer หรือ Bank Transfer คืออะไร

  • Wire Transfer หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่า Bank Transfer ระหว่างประเทศ คือการโอนเงินจากบัญชีธนาคารในประเทศไทยไปยังบัญชีธนาคารของบุคคลหรือองค์กรในต่างประเทศ 
  • โดยระบบที่ใช้กันทั่วไปคือ SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) ซึ่งเป็นเครือข่ายการสื่อสารระหว่างธนาคารทั่วโลก
  • การโอนเงินด้วย Wire Transfer มีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าการโอนเงินภายในประเทศแบบพร้อมเพย์หรือสแกน QR Code เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบตัวตนและรายละเอียดของทั้งผู้โอนและผู้รับอย่างเคร่งครัด 
  • โดยทั่วไปจะใช้เวลา 1–5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับธนาคารและประเทศปลายทาง
  • การใช้งาน Wire Transfer จะใช้ในกรณีดังนี้
    • ฝากเงินเข้าบัญชีโบรกเกอร์ต่างประเทศ เช่น สำหรับการลงทุนหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือคริปโต
    • ส่งเงินให้ญาติหรือครอบครัวในต่างประเทศ
    • ซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทต่างประเทศที่ไม่รองรับบัตรเครดิตหรือ e-wallet
  • ข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ในการโอนเงินผ่าน Wire Transfer ได้แก่
    • ชื่อบัญชีผู้รับ (Account Name)
    • เลขบัญชีปลายทาง (Account Number)
    • รหัส SWIFT/BIC ของธนาคารผู้รับ
    • ชื่อและที่อยู่ของธนาคารปลายทาง
    • ประเทศและสกุลเงินที่ต้องการโอน เช่น USD, EUR, GBP

ตัวอย่างที่เคยเจอจริง

ครั้งหนึ่งต้องโอนเงินเข้าบัญชีโบรกเกอร์ที่ประเทศอังกฤษเพื่อเปิดบัญชีเทรดฟอเร็กซ์ เราต้องไปที่ธนาคารในประเทศไทยและขอทำ Wire Transfer โดยกรอกแบบฟอร์มพร้อมใส่รายละเอียดสำคัญ เช่น ชื่อบริษัทโบรกเกอร์ เลขบัญชีปลายทาง รหัส SWIFT และเลือกสกุลเงินที่ต้องการ เมื่อทำธุรกรรมเสร็จ เจ้าหน้าที่จะออกสลิปซึ่งเราต้องถ่ายรูปหรือสแกนส่งให้โบรกเกอร์เพื่อยืนยันการชำระเงินอีกครั้ง

ภาพแสดงถึงขั้นตอนการทำ Wire Transfer เป็นการโอนเงินผ่านไปยังธนาคารต่างประเทศ โดยใช้เวลาดำเนินการ 1-3 วัน แน่นอนเลยว่าจะมีเอกสารที่ใช้มากมาย แต่มีข้อดีคือหลักฐานการโอนเงินนั้นครบ ปลอดภัย

ขั้นตอนการทำ Wire Transfer ทำอย่างไร

เริ่มจากการติดต่อธนาคาร

โดยเราสามารถทำรายการโอนเงินผ่าน Wire Transfer ได้ผ่าน 2 ช่องทางหลักคือ

  • ผ่านแอปธนาคาร 

หากธนาคารของคุณมีบริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบออนไลน์ เช่น KBank (K PLUS), SCB Easy, Krungthai NEXT ก็สามารถทำรายการได้ด้วยตนเองผ่านแอปบนมือถือ ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไปสาขา

  • ไปที่สาขาโดยตรง 

หากไม่มั่นใจในข้อมูลที่ต้องใช้ หรือโอนเงินจำนวนมาก การไปที่ธนาคารจะช่วยให้คุณสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนดำเนินการโอนจริงได้ ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดและสามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ 

กรอกแบบฟอร์มหรือแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ช่วย

คุณจะต้องเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการโอนเงิน ได้แก่

  • ชื่อบัญชีผู้รับ (Beneficiary Name) 
    • ต้องสะกดให้ตรงตามเอกสารทางราชการ เช่น หนังสือเดินทางหรือทะเบียนบริษัท
  • เลขที่บัญชีธนาคารปลายทาง (Account Number)
    • ควรตรวจสอบให้แน่ชัด เพราะหากกรอกผิด เงินอาจไม่เข้าบัญชี
  • รหัส SWIFT หรือ BIC ของธนาคารผู้รับ 
    • เป็นรหัสประจำธนาคาร เช่น “HSBCGB2L” สำหรับ HSBC UK หรือ “DBSSSGSG” สำหรับ DBS Bank Singapore
  • ชื่อและที่อยู่ของธนาคารปลายทาง
    • บางธนาคารต้องการที่อยู่ของสาขาหรือสำนักงานใหญ่ด้วย
  • ประเทศและสกุลเงินที่บัญชีปลายทางใช้
    • ระบุให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยนโดยไม่จำเป็น
  • ตัวอย่างการโอนเงินไปต่างประเทศ
    • Beneficiary Name: ABC Securities Pte. Ltd.
    • Account Number: 1234567890
    • Bank Name: DBS Bank Ltd
    • SWIFT Code: DBSSSGSG
    • Address: 12 Marina Boulevard, Singapore 018982

ระบุจำนวนเงินและสกุลเงินที่ต้องการโอน

  • ธนาคารไทยส่วนใหญ่ให้เลือกโอนเป็น THB, USD, EUR, AUD หรืออื่น ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายธนาคาร และความต้องการของปลายทาง
  • ต้องตรวจสอบก่อนว่าโบรกเกอร์ปลายทางต้องการรับเป็นสกุลเงินใด เพราะถ้าโอนผิด อาจมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอีก

ค่าธรรมเนียมการโอน

  • โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 300–1,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร
  • บางครั้งยอดเงินที่ถึงบัญชีปลายทางน้อยกว่าที่เราโอน เนื่องจากอาจถูกหักค่าธรรมเนียมเพิ่มในปลายทาง 
  • บางธนาคารมีตัวเลือก ได้แก่
    • OUR: ผู้ส่งเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมทั้งหมด
    • SHA: แบ่งค่าธรรมเนียมระหว่างผู้ส่งและผู้รับ
    • BEN: ผู้รับเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมทั้งหมด

ระยะเวลาการโอนเงิน

  • ในส่วนใหญ่เงินจะถึงปลายทางภายใน 1–5 วันทำการ
  • ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้
    • ความเร็วของธนาคารต้นทางและปลายทาง
    • วันหยุดของประเทศปลายทาง
    • ความซับซ้อนของระบบภายในของโบรกเกอร์ ซึ่งบางรายอาจใช้เวลาแม้เงินจะถึงบัญชีแล้ว

จากประสบการณ์: 

ครั้งหนึ่งเคยโอนเงินจากธนาคารกสิกรไทย (KBank) ไปยังบัญชี Interactive Brokers ใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการกว่ายอดจะปรากฏในพอร์ตจริง เพราะฝั่ง IB ต้องตรวจสอบสลิปและเอกสารยืนยันการโอนก่อนเครดิตเงินเข้าบัญชีเทรด

เมื่อเปรียบเทียบกับการโอนเงินช่องทางใหม่ ๆ แล้ว Wire Transfer ยังคงเน้นเรื่องความปลอดภัยสูงสุด เพราะผ่านระบบธนาคารโดยตรง

ข้อดีของการโอนเงินแบบ Wire Transfer

  • มีความปลอดภัยสูง
    • เนื่องจากใช้ระบบของธนาคารที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น การยืนยันตัวตนแบบหลายชั้น (Two-Factor Authentication), ระบบตรวจสอบธุรกรรมผิดปกติ และการเข้ารหัสข้อมูล
  • ให้ความเป็นทางการ
    • ธุรกรรมผ่าน Wire Transfer สามารถใช้เป็นหลักฐานทางการเงินหรือเอกสารอ้างอิงในทางกฎหมายได้ จึงเหมาะสำหรับการโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้า บริการ หรือการลงทุนที่ต้องการความชัดเจนและตรวจสอบย้อนหลังได้
  • รองรับการโอนข้ามประเทศอย่างครอบคลุม
    • ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ไม่รองรับ e-wallet หรือบัตรเครดิต Wire Transfer ก็ยังสามารถใช้ได้ เพราะครอบคลุมธนาคารทั่วโลกที่อยู่ในระบบ SWIFT
  • มีความน่าเชื่อถือในธุรกรรมระดับธุรกิจ
    • องค์กรหรือบริษัทต่างประเทศจำนวนมากนิยมใช้ Wire Transfer เป็นช่องทางหลักในการรับเงินจากต่างชาติ เพราะสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้โอนและรายละเอียดบัญชีได้ครบถ้วน
  • สามารถเลือกวิธีชำระค่าธรรมเนียมได้
    • ผู้โอนสามารถเลือกรูปแบบค่าธรรมเนียมได้ (OUR, SHA, BEN) ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนของธุรกรรมได้ตามความต้องการ
  • รองรับหลายสกุลเงิน
    • สามารถโอนเงินเป็นสกุลต่างประเทศ เช่น USD, EUR, GBP, AUD ได้โดยตรง และบางธนาคารสามารถแปลงสกุลเงินให้อัตโนมัติก่อนโอน

ตัวอย่างแบบฟอร์มการรับโอนเงินจากต่างประเทศ ซึ่งจะต้องกรอกเลข SWIFT ของธนาคารปลายทางให้ถูกต้องด้วย

ข้อจำกัดและข้อควรระวังของ Wire Transfer

  • ค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง
    • โดยทั่วไปธนาคารในไทยเก็บค่าธรรมเนียม 300–1,000 บาทต่อครั้ง และอาจมีค่าธรรมเนียมซ่อนเร้นจากธนาคารปลายทาง ทำให้ยอดเงินที่ผู้รับได้รับอาจน้อยกว่าที่โอนจริง
  • ต้องกรอกข้อมูลอย่างถูกต้อง 100%
    • ชื่อบัญชี, เลขบัญชี, รหัส SWIFT, ที่อยู่ธนาคารปลายทาง ฯลฯ ต้องถูกต้องทุกตัวอักษร หากผิดพลาดแม้แต่น้อย ธนาคารอาจไม่สามารถดำเนินการต่อ หรือเงินอาจถูกตีกลับโดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
  •  ใช้เวลานานในการดำเนินการ
    • โดยเฉลี่ยใช้เวลา 2–5 วันทำการ และอาจล่าช้าเพิ่มขึ้นในกรณีที่ติดวันหยุดราชการหรือธนาคารปลายทางอยู่ในประเทศที่ระบบล่าช้า
  • ยกเลิกหรือแก้ไขธุรกรรมได้ยากมาก
    • เมื่อทำการโอนแล้ว ธุรกรรมไม่สามารถยกเลิกหรือแก้ไขได้ทันที หากข้อมูลผิดพลาด อาจใช้เวลาหลายวันในการขอคืนเงิน และในบางกรณีอาจไม่สามารถเรียกเงินกลับคืนได้เลย
  • ไม่เหมาะกับธุรกรรมเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน
    • หากคุณต้องการโอนเงินแบบทันที เช่น ภายในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง Wire Transfer จะไม่ตอบโจทย์เท่ากับวิธีอื่น เช่น PayPal หรือบริการโอนเงินผ่านแอป
  • การตรวจสอบอาจล่าช้าในปลายทาง
    • แม้เงินจะถึงธนาคารแล้ว แต่ปลายทางอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น ในกรณีของโบรกเกอร์หรือบริษัทที่มีระบบตรวจสอบความปลอดภัย ทำให้ผู้รับอาจยังไม่สามารถใช้เงินได้ทันที

ภาพสรุปข้อดี, ข้อเสีย ที่ยกประเด็นสำคัญ เกี่ยวกับการใช้ Wire Transter

ทำไมโบรกเกอร์บางแห่งยังใช้ Wire Transfer

  • เหตุผลด้านกฎหมายและความปลอดภัย
  • การโอนผ่านบัญชีธนาคารทำให้โบรกเกอร์สามารถตรวจสอบตัวตนของลูกค้าได้ชัดเจน ป้องกันการแอบอ้างหรือการเปิดบัญชีปลอม
  • รองรับได้หลายประเทศทั่วโลก
    • บางประเทศยังไม่มีระบบ e-wallet หรือช่องทางชำระเงินออนไลน์ที่ครอบคลุม Wire Transfer จึงเป็นทางเลือกที่ยังใช้งานได้เสถียร
  • ช่วยป้องกันการฟอกเงิน
    • เนื่องจากการโอนผ่านธนาคารต้องผ่านการตรวจสอบจากทั้งธนาคารต้นทางและปลายทาง จึงช่วยคัดกรองธุรกรรมผิดปกติได้ดี
  • ลดความเสี่ยงจากตัวกลางทางการเงิน หรือ Third-party Payment
    • การใช้ e-wallet หรือบัตรเครดิต อาจมีความเสี่ยงเรื่องการปฏิเสธรายการย้อนหลัง (Chargeback) ทำให้โบรกเกอร์เสียหายทางการเงิน โอนผ่านธนาคารจึงมั่นใจกว่า

4 เหตุผลหลัก ๆ ที่โบรกเกอร์ยังใช้ Wire Transfer โดยเน้นเรื่องความปลอดภัย และ นโยบายการป้องกันการฟอกเงินเป็นหลัก

เปรียบเทียบ Wire Transfer กับช่องทางการโอนเงินสมัยใหม่

ตารางที่ 1 แสดงถึงการเปรียบเทียบ Wire Transfer กับช่องทางการโอนเงินสมัยใหม่ (เช่น Wise, PayPal, Crypto)

จุดเปรียบเทียบWire Transferช่องทางใหม่ (Wise, PayPal, Crypto)
ความเร็วช้า (ใช้เวลา 1–5 วันทำการ)เร็ว (โอนเสร็จภายในไม่กี่นาที หรือภายใน 1 วัน)
ค่าธรรมเนียมสูง (อาจมีค่าธรรมเนียมจากหลายธนาคาร)ต่ำ (บางแพลตฟอร์มอาจไม่คิดค่าธรรมเนียมเลย)
ความปลอดภัยสูง (มีระบบธนาคารควบคุมเข้มงวด)ปานกลางถึงสูง (ขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์ม)
ความยุ่งยากยุ่งยาก (ต้องใช้ข้อมูลหลายอย่าง)สะดวก (แค่มีอีเมลหรือเบอร์โทรก็โอนได้)
ความน่าเชื่อถือน่าเชื่อถือ (ธนาคารรับรองทั่วโลก)ขึ้นอยู่กับระบบ (บางคนยังไม่มั่นใจในความมั่นคง)

ควรเลือกใช้ Wire Transfer หรือไม่ในปีนี้

  • Wire Transfer เหมาะกับการโอนเงินจำนวนมากที่ต้องการความปลอดภัยและความเป็นทางการ
  • ดีสำหรับธุรกรรมกับโบรกเกอร์หรือบริษัทที่ไม่รองรับช่องทางโอนเงินสมัยใหม่
  • มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะผ่านการตรวจสอบจากธนาคารทั้งต้นทางและปลายทาง
  • ไม่เหมาะกับการโอนเงินจำนวนเล็กน้อย เพราะค่าธรรมเนียมสูง
  • ใช้เวลานานกว่า ช่องทางโอนเงินสมัยใหม่ เช่น Wise หรือ PayPal
  • ยุ่งยากกว่า ต้องกรอกข้อมูลธนาคารละเอียดและบางครั้งต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร
  • ควรพิจารณาจำนวนเงิน วัตถุประสงค์ และความสะดวกก่อนเลือกใช้ Wire Transfer ในปีนี้
    • ต้องการฝากเงินเข้าระบบการเงินระหว่างประเทศที่เชื่อถือได้
    • โอนเงินจำนวนมาก และต้องการหลักฐานทางการ
    • ทำธุรกรรมกับโบรกเกอร์ที่ไม่รองรับช่องทางอื่น

ภาพแสดงถึงความเหมาะสมว่า ควรจะเลือกใช้ช่องทางการ Wire Transfer จะเหมาะสมกับใครบ้าง แต่ถ้าหากว่าคุณมีเงินก้อนโต และ ไม่รีบร้อนก็แนะนำครับ เพราะมันปลอดภัยกว่าช่องทางอื่น ๆ

คลิปที่น่าสนใจ

  • ขอแนะนำคลิปที่อธิบายเรื่อง Wire Transfer คืออะไร เข้าใจง่ายภายใน 46 วินาที จากช่อง Market Forex Elite
  • Wire Transfer คืออะไร?

สรุป

  • แม้การเงินดิจิทัลจะเติบโต แต่ Wire Transfer ยังสำคัญสำหรับธุรกรรมบางประเภท
  • โบรกเกอร์และบริษัทระดับสากลยังเลือกใช้ Wire Transfer เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยสูง
  • Wire Transfer เหมาะกับการโอนเงินจำนวนมากและธุรกรรมที่ต้องการความเป็นทางการ
  • สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่โอนเงินจำนวนน้อย อาจเลือกใช้ช่องทางโอนเงินออนไลน์หรือ e-wallet ที่สะดวกและค่าธรรมเนียมต่ำกว่า
  • ควรพิจารณาค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจใช้ Wire Transfer
  • การเลือกใช้ช่องทางใดขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะของธุรกรรมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

อ้างอิง

FAQ- Wire Transfer หรือ Bank Transfer คืออะไร ทำไมบางโบรกยังต้องใช้ช่องทางนี้

Wire Transfer เป็นการโอนเงินข้ามประเทศ ต้องใช้รหัส SWIFT และข้อมูลธนาคารปลายทาง ไม่ได้เร็วเหมือนพร้อมเพย์
เพราะบางโบรกเน้นความปลอดภัยและการยืนยันตัวตน ซึ่ง Wire Transfer มีระบบตรวจสอบที่ละเอียดกว่า
เงินอาจถูกตีกลับหรือค้าง ต้องใช้เวลาติดต่อธนาคารและอาจเสียค่าธรรมเนียม
โดยทั่วไป 1–5 วันทำการ ขึ้นกับประเทศและระบบของธนาคารที่เกี่ยวข้อง
ค่อนข้างสูง เฉลี่ย 300–1,000 บาท และปลายทางอาจถูกหักเพิ่มโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen