การเลือก Forex Broker สำหรับคนที่ต้องการที่จะเริ่มต้นกับการเทรด Forex มีปัจจัยอะไรบ้างที่สำคัญและควรพิจารณา โดยบทความนี้จะกล่าวเป็นข้อ ๆ เรียงลำดับความสำคัญและข้อมูลที่สำคัญควรจะพิจารณาก่อน ซึ่งเนื่องจาก Forex โบรคเกอร์ที่เกิดขึ้นมาใหม่ มีเยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด ออกมาเต็มไปหมด บางแห่งตั้งสำนักงานในประเทศไทย บางแห่งไม่ได้ตั้งสำนักงานแต่มีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย ความนิยมของการเทรด Forex มาจากคนที่ต้องการรวยทางลัด แต่ว่าไม่รู้เลยว่า Forex นั้นมีความเสี่ยงแบบไหน จะสามารถสร้างผลตอบแทนทางการเงินอย่างที่คาดไว้ได้หรือไม่

ภาพที่ 1 การเลือก Forex Broker – โบรคเกอร์ที่มีในตลาด

การเริ่มต้นที่ถูกต้อง การเลือก โบรคเกอร์ที่ถูกต้องจึงมีบทบาทสำคัญมากในการเทรด และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเปลี่ยนมาบ่อย หรือบางครั้งโบรคเกอร์มีปัญหาก็จะสามารถทำให้แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยปัจจัยที่เราจะใช้ในการเลือกโบรคเกอร์เรียงลำดับตามความสำคัญของโบรคเกอร์มีดังต่อไปนี้

  1. ความน่าเชื่อถือ

ความน่าเชื่อถือของโบรคเกอร์จะช่วยเรื่องความมั่นใจในการฝากเงิน ความมั่นใจในการที่โบรคเกอร์จะไม่ปิดบริษัทแล้วเชิดเงินเราหนีไป หลาย ๆ แห่งอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ หลายคนอาจจะไม่เคยคิดว่า ถ้าหากว่าเทรดเดอร์เสียชีวิตแล้วเงินที่ฝากอยู่ในนั้นจะหายไปไหน นั่นเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกโบรคเกอร์ต้องหาความน่าเชื่อถือของโบรคเกอร์ให้มาก แล้วเราจะดูได้อย่างไร สิ่งแรกเลย คือการดู Review โบรคเกอร์ ซึ่งเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ คอยให้บริการ รีวิวโบรคเกอร์ ทั้งเว็บไทยและเว็บฝรั่ง แต่นั่นอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ การ Review โบรคเกอร์ส่วนใหญ่จะเป็นการ reviews เพราะว่า คนเหล่านั้นกำลังเชียร์โบรคเกอร์ให้สมัครต่อดาวน์ไลน์เนื่องจากได้คอมมิชชั่นจากการเชียร์นั้น ดังนั้น การอ่านรีวิว ก็ต้องดูทั้งกระแสตอบรับจากผู้ใช้ โดยอาจจะทำการถามจาก Google ถึงว่า โบรคเกอร์นี้ดีหรือไม่ ไปหาข้อมูลจากคนที่เคยใช้จริง

ภาพที่ 2 การเลือกโบรคเกอร์ – โบรคเกอร์ไหนดี

ภาพตัวอย่างเป็น ตัวอย่าง keywords ในการหาดูว่าผลตอบรับของผู้ใช้คนไทยเกี่ยวกับการใช้บริการ Forex โบรคเกอร์ของประเทศไทย เป็นอย่างไรและคนไทยให้ความสนใจกับโบรคเกอร์ที่ไหนบ้าง ซึ่งการอ่านข้อมูลแบบนี้ไม่มีข้อมูลจากการให้คะแนนโบรคเกอร์ Forex ที่ได้ให้ค่าคอมมิชชั่นคนรีวิวมาปนแน่

ภาพที่ 3 การเลือก Forex Broker – การลงทะเบียนโบรคเกอร์

อีกส่วนหนึ่งของเรื่องความน่าเชื่อถือ ของโบรคเกอร์ Forex เราสามารถดูได้จากหน่วยงานที่ให้การกำกับดูแลโบรคเกอร์เพราะว่า โบรคเกอร์ที่ดีควรจะมีการลงทะเบียนไว้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศที่เขาได้ลงทะเบียนจัดตั้งธุรกิจไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ลงทะเบียนในไทยและไม่ได้มีผลในกฏหมายไทย เพราะประเทศไทยไม่ได้อนุญาตให้บุคคลธรรมดาซื้อขายค่าเงิน แต่ต่างประเทศก็เพิ่มความน่าเชื่อถือ แม้ว่าจะไม่สามารถประกันเงินที่เราลงทุนไว้ได้ก็ตาม การดูหน่วยงานเราก็สามารถหาข้อมูลได้จากเว็บของโบรคเกอร์ทั่วไป หรือเว็บที่ให้การรีวิวโบรคเกอร์ก็ได้เช่นกัน

  1. ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ

อีกปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเลือกโบรคเกอร์ คือ การที่คุณจะเลือกโบรคเกอร์ คุณต้องรู้แล้วว่าคุณจะเทรดอะไร เช่น การเทรดค่าเงิน เทรดหุ้น เทรดทองคำ บางโบรคเกอร์มีผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการจำกัด การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้เทรดได้หลากหลายแม้อาจจะดีก็จริง แต่ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ บางโบรคเกอร์มีผลิตภัณฑ์ในการให้บริการน้อยมาก เพียงแต่ว่า ตรงเป้าหมายมากกว่า เช่น มี CFD ของหุ้นไทย เป็นต้น ซึ่งโบรคเกอร์ส่วนใหญ่จะไม่มีบริการแบบนั้น

นอกจากประเด็นเรื่องของความเฉพาะของบริการแล้ว สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ คือ ความหลากหลาย แม้ว่าหลายคนจะมีกลยุทธ์ในการเทรดไม่มาก แต่บ่อยครั้งที่โอกาสของการลงทุนนั้นมาแบบไม่ได้ตั้งตัวและเรามองเห็นโอกาสนั้น จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่ผลิตภัณฑ์ของโบรคเกอร์ที่นำเสนอเราจะต้องมีความหลากหลาย ตัวอย่างเช่น การเห็นโอกาสในการ Short Cryptocurrency ซึ่งการ Short Crypto Currency นั้นไม่สามารถทำกำไรได้จากขาลง จากการเทรดในโบรคเกอร์ Cryptocurrency ปรกติ การกระทำดังกล่าวก็สามารถกระทำผ่านโบรคเกอร์ของการเทดรค่าเงิน โดยโบรคเกอร์เทรดค่าเงินบางโบรคนั้นให้บริการการเทรด CFD ของ Crypto Currency ซึ่งผมสามารถยกตัวอย่างโบรคเกอร์ที่มีชื่อเสียงและให้บริการการเทรด Crypto Currency ไว้หนึ่งตัวอย่างได้แก่ โบรคเกอร์ Etoro ดังนี้

ภาพที่ 4 การเลือกโบรคเกอร์ – Cryptocurrency

ข้อดีของการเทรด Crypto ที่ etoro คือมีจำนวน Crypto ให้เทรดมาก อันนี้ผมหมายถึงเฉพาะ CFD นะครับ ที่นี่อนุญาตให้ใช้ Leverage 1:2 ซึ่งเราสามารถใช้มันเป็น Derivative ในการเทรด เพิ่มความได้เปรียบได้ อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายโบรคเกอร์ที่ให้บริการการเทรด Crypto currency แบบนี้ โดยที่มี Cryptocurrency จำนวนไม่มากนัก แต่ถ้าหากเทรดเดอร์ไม่ได้เทรดสกุลเงินพิศดาร ก็จะมีสกุลหลัก ๆ เช่น Bitcoin ให้เทรดอยู่แล้ว ซึ่งที่อื่นจะให้ Leverage เยอะกว่านี้ บางที่อาจจะให้ Leverage สูงถึง 1:20 หรือ 1:10 เท่า ซึ่งเพิ่มความได้เปรียบในการเทรดมากกว่า นอกจากนี้บางโบรคเกอร์ยังให้บริการฝากถอนเป็น Crypto currency อีกด้วย

  1. ต้นทุนการให้บริการ

ปัจจัยที่ 3 ที่มีความสำคัญในการเลือกค่าเงิน เป็นปัจจัยที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แต่ก็อยู่ท้าย ๆ ถ้าเพราะว่าถ้า 2 ข้อแรกไม่ผ่านก็ไม่สามารถกำหนดอะไรได้ ดังนั้น การดูต้นทุนบริการนี้จะต้องดูต้นทุนด้านไหนบ้างเรามาดูกัน

ต้นทุนค่าคอมมิชชั่น – ต้นทุนค่าคอมมิชชั่นในการเทรดนี้ ส่วนใหญ่แล้วเทรดเดอร์รายย่อยจะไม่เจอเพราะว่า การเปิดบัญชีจะมีแบบที่ให้เราเลือกว่าจะมี commission หรือไม่ เพราะว่า ต้นทุนค่าคอมมิชชั่นนั้น ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับประเภทบัญชี ECN ซึ่งมีการส่งออเดอร์เข้าไปในตลาด การส่งออเดอร์เข้าไปในตลาดทำให้เราได้ราคาที่ได้จากตลาด แต่ว่า Broker ไม่ได้ส่วนต่างจากตรงนั้นจึงมีการคิดค่าธรรมเนียมการให้บริการ ซึ่งSpread จะต่ำและสะท้อนความเป็นจริงในตลาดมากกว่า แต่ก็มีค่าคอมมมิชชั่น เราต้องทำการเปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่นในตลาดว่าแต่ละที่แตกต่างกันเท่าไหร่ โบรคเกอร์ที่ไหนที่คิดค่าคอมมิชชั่นน้อย

ต้นทุนค่า Spread – ต้นทุนค่า Spread เป็นอีกต้นทุนหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะว่า ต้นทุน Spread จะกำหนดกลยุทธ์ของการเทรดของเรา การเทรด Scalping จะต้องใช้โบรคเกอร์ที่มีการคิดค่าคอมมิชชั่นน้อย เพราะว่า ถ้าหากมี Spread กว้าง การปิดออเดอร์ของการเทรดระยะสั้นมาก ๆ จะทำให้ยาก เพื่อให้กลยุทธ์ของเรามีความหลากหลายยิ่งขึ้น การคิดต้นทุน Spread จึงมีความสำคัญในการเทรด

ภาพที่ 5 การเลือก Forex Broker – เปรียบเทียบ Spread

โดยการเลือก Spread เราสามารถใช้เครื่องมือของโบรคเกอร์ที่ให้บริการการเปรียบเทียบ Spread โดยเราสามารถเลือกดูได้หลาย ๆ แห่งทำให้การเลือกโบรคเกอร์สามารถทำได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง

ต้นทุนค่า Swap – ตัวสุดท้ายสำหรับการเลือกต้นทุน คือ Swap ซึ่ง Swap เป็นอีกปัจจัย บางคนถือค่าเงินแล้วต้องเสีย Swap มากกว่า อีก โบรคเกอร์หนึ่งซึ่งตัวนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับการเปรียบเทียบ Spread เรามีเครื่องมือที่สามารถเปรียบเทียบ Swap ของแต่ละโบรคเกอร์ในรายค่าเงินได้เลย และสามารถใชก้ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ต้นทุน 3 อย่างนี้ต้องได้รับการเปรียบเทียบและควรให้ความสำคัญในการเทรด เพื่อเลือกโบรคเกอร์ที่เราจะเทรดและฝากความวางใจในการเก็บเงินและบริหารจัดการเงินของเรา

  1. บริการเสริมและการช่วยเหลือ

ข้อสุดท้าย เป็นบริการเสริมที่ต้องมี นั่นคือ การตอบ Chat แบบ 24 ชั่วโมง โดยมากการมีสำนักงานใหญ่ในไทยอาจจะไม่ได้มีผลเท่าไหร่แต่ว่าถ้าหากคนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ นั่นเป็นอุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาพอร์ทลงทุน การดูแลลูกค้าส่วนนี้จึงมีความสำคัญ Forex Broker ที่มีเอเจนซี่สามารถโต้ตอบภาษาไทยได้ย่อมสามารถแก้ปัญหาของคนไทยได้ตรงจุด มีความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen