การเทรด Forex นั้นเป็นมากกว่าการซื้อขายสกุลเงินเพื่อหากำไร แต่เป็นการเดินทางสู่การเป็นมืออาชีพที่ต้องอาศัยความรู้และทักษะหลากหลาย ดังนั้นแล้วถ้าหากอยาก เทรด forex เป็นอาชีพแล้วล่ะก็ จะต้องเรียนรู้ทั้งในด้านพื้นฐานต่างๆ การบริหารความเสี่ยง การจัดการอารมณ์ และอื่นๆอีกมายมายที่ทางเราสรุปมาไว้ให้ใน 10 เรื่องดังต่อไปนี้

รูปที่ 1 3 อันดับเรื่องแรกที่ต้องรู้ก่อนก้าวเข้าสู่การเทรด forex เป็นอาชีพ

เรื่องที่ 1 ทำความเข้าใจกับตลาด Forex อย่างลึกซึ้ง

จุดเริ่มต้น การเรียนรู้ขั้นพื้นฐานของตลาด Forex คืออะไร

  • Forex คืออะไร?
    • Forex ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศ
    • การทำกำไรจากตลาด Forex เกิดจากการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน
    • การเทรดในตลาด Forex มีการซื้อขายแบบ คู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เป็นต้น
  • เวลาทำการของตลาด Forex
    • ตลาด Forex เปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
    • ตลาดแบ่งเป็น 4 ช่วงเวลาหลัก: ตลาดซิดนีย์, ตลาดโตเกียว, ตลาดลอนดอน, และตลาดนิวยอร์ก
    • เวลาที่ตลาดเปิดและปิดมีผลต่อความผันผวนและโอกาสในการทำกำไร
  • CFD (Contract for Difference)
    • CFD คือสัญญาซื้อขายส่วนต่างที่อนุญาตให้เทรดเดอร์ทำกำไรจากความเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง
    • เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้ทั้งเมื่อราคาขึ้นและราคาลง โดยใช้การ Long (ซื้อ) หรือ Short (ขาย) ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของตลาด
    • CFD มีสินทรัพย์หลากหลายให้เลือกเทรด ไม่เพียงแต่คู่สกุลเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงดัชนี หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอร์เรนซี
    • ข้อดีของ CFD คือสามารถใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกันหากตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

การทำความเข้าใจสภาพคล่องและปัจจัยที่มีผลต่อกราฟของ Forex

  • สภาพคล่องของตลาด Forex
    • ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมตลาดจากทั่วโลกทั้งนักลงทุนรายย่อย ธนาคารกลาง และกองทุนใหญ่
    • สภาพคล่องสูงช่วยลดความเสี่ยงในการที่ราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในระยะเวลาสั้น ๆได้
    • คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/USD, USD/JPY มักมีสเปรดที่แคบกว่า
  • ปัจจัยที่มีผลต่อสภาพคล่อง
    • ข่าวสารทางเศรษฐกิจ: ข่าวเศรษฐกิจ เช่น การประกาศดัชนีเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย และอัตราการว่างงานส่งผลต่อความผันผวนของตลาด
    • นโยบายธนาคารกลาง: การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสามารถส่งผลโดยตรงต่อการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของสกุลเงิน
    • เหตุการณ์ทางการเมือง: ความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การประท้วง หรือสงคราม สามารถทำให้ตลาดผันผวน

เรื่องที่ 2 การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมก็สำคัญ

  • ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียง เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), หรือ CySEC (ไซปรัส)
  • ค่า Spread และค่าธรรมเนียม เลือกโบรกเกอร์ที่มีค่า Spread ต่ำ เพื่อลดต้นทุนการซื้อขายลงไปได้เยอะ…แต่ต้องสมเหตุสมผล
  • ประเภทบัญชี เลือกบัญชีที่ตรงกับระดับประสบการณ์และสไตล์การเทรดของคุณเอง
  • แพลตฟอร์มการเทรด โบรกเกอร์ควรมีแพลตฟอร์มการเทรดที่ทันสมัยและใช้งานง่าย เช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) เป็นต้น
  • การฝากถอนเงิน ตรวจสอบว่ามีช่องทางการฝากและถอนเงินที่สะดวกและรวดเร็ว
  • การสนับสนุนลูกค้า เลือกโบรกเกอร์ที่มีฝ่ายบริการลูกค้าที่สามารถตอบคำถามและแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว มี
  • รีวิวและความเห็นจากผู้ใช้งาน อ่านรีวิวและความคิดเห็นจากเทรดเดอร์ที่เคยใช้บริการโบรกเกอร์นั้น ๆ เพื่อทราบถึงประสบการณ์จริง

เรื่องที่ 3 ต้องพัฒนากลยุทธ์การเทรดให้มีประสิทธิภาพ

การพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน เพราะความสำเร็จในการเทรดขึ้นอยู่กับการวางแผนที่ดีและการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพตลาด บทความนี้จะสรุปแนวทางและปัจจัยสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ที่ใช้งานได้จริงและสม่ำเสมอ ดังนี้

  • กำหนดเป้าหมายในการเทรด กำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวที่ชัดเจน เช่น การทำกำไรต่อเดือน หรือการเพิ่มพอร์ตการลงทุน
  • เลือกสไตล์การเทรดที่เหมาะสม เช่น Scalping การเทรดในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือ Day Trading การเปิดและปิดคำสั่งในวันเดียว เป็นต้น
  • ฝึกวิเคราะห์เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เช่น ใช้เครื่องมือเช่น Moving Averages, RSI, MACD เพื่อช่วยวิเคราะห์แนวโน้มและสัญญาณการซื้อขาย เป็นต้น
  • ฝึกการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานให้เป็น เช่น ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ เช่น การประกาศตัวเลข GDP, อัตราการว่างงาน เป็นต้น
  • การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ควรตั้งค่า RR ที่เหมาะสม เช่น 1:2 หรือ 1:3 เพื่อให้ได้กำไรมากกว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
  • บันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรด พัฒนากลยุทธ์ให้ต่อเนื่องโดยใช้ข้อมูลจากการบันทึกการเทรดเพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
  • ทำการทดสอบกลยุทธ์ (Backtest) ก่อนเสมอ ใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มการเทรดที่มีฟีเจอร์ Backtest เพื่อทดสอบกลยุทธ์กับข้อมูลตลาดในอดีต
  • การปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ตามสภาพตลาดให้ทัน ตลาด Forex เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ควรปรับกลยุทธ์ของคุณให้เหมาะสมกับสภาพตลาดอยู่เสมอ

รูปที่ 2 3 อันดับถัดมาที่จำเป็นต้องรู้ไม่ว่าจะเป็นการบริหารความเสี่ยง การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด เป็นต้น

เรื่องที่ 4 ควรบริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ

การบริหารความเสี่ยงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยปกป้องเงินทุนของคุณในตลาด Forex หากคุณต้องการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในการเทรด การจัดการความเสี่ยงที่ดีจะช่วยลดโอกาสขาดทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาวได้ ลองมาดูวิธีการบริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพดังนี้ครับ

  • การใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง Leverage สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล
  • การจัดการความเสี่ยงโดยใช้ Diversification (การกระจายการลงทุน) อย่าลงทุนทั้งหมดในคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์เดียว ควรกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยง
  • กำหนดขนาดการเทรดที่เหมาะสม (Lot) การคำนวณขนาด Lot ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้เป็นอย่างดี
  • การควบคุมอารมณ์ในการเทรด อย่าปล่อยให้อารมณ์ เช่น ความกลัวหรือความโลภ เข้ามาควบคุมการตัดสินใจในการเทรด
  • การศึกษาและพัฒนาความรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยง ศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคและแนวทางใหม่ ๆ ในการบริหารความเสี่ยง เช่น การใช้เครื่องมือเสริมในการคำนวณความเสี่ยง

เรื่องที่ 5 การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด

ผิดเป็นครู ?….ข้อผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ในการเทรด Forex แม้แต่นักเทรดที่มีประสบการณ์ก็ต้องเผชิญกับความล้มเหลวหรือการขาดทุนในบางครั้ง การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถพัฒนาและปรับปรุงการเทรดได้อย่างต่อเนื่อง และนี่คือวิธีการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ยอมรับว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด
    • ไม่มีใครสามารถทำกำไรจากการเทรดได้ทุกครั้ง แม้แต่นักเทรดที่มีประสบการณ์ก็ต้องพบกับการขาดทุน
    • ยอมรับว่าข้อผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ อย่ากลัวหรือโทษตัวเองมากเกินไป
  • วิเคราะห์ข้อผิดพลาดเพื่อหาสาเหตุ
    • เมื่อเกิดข้อผิดพลาด ให้วิเคราะห์สาเหตุอย่างละเอียด ว่ามาจากการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องหรือการวิเคราะห์ตลาดผิดพลาด
    • ตรวจสอบว่ามีปัจจัยทางเทคนิคหรือพื้นฐานที่คุณมองข้ามไปหรือไม่ และ หาวิธีปรับปรุงในการเทรดครั้งต่อไป
  • ปรับปรุงกลยุทธ์ตามผลการวิเคราะห์ เมื่อวิเคราะห์ข้อผิดพลาดเสร็จแล้ว ให้นำข้อมูลนั้นมาปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณอีกครั้งและควรทำ Backtest อย่างสม่ำเสมอ

เรื่องที่ 6 การจัดการอารมณ์ให้ได้เป็นสิ่งสำคัญในตลาด Forex

การจัดการอารมณ์ในตลาดเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จในการเทรด การที่อารมณ์เข้ามาครอบงำมักทำให้การตัดสินใจไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ การเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์จะช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดที่ผิดพลาดไดซึ่งสามารถปฎิบัติได้ดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงความโลภ ความโลภสามารถทำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์มากเกินไป หรือไม่ปิดคำสั่งเมื่อถึงเป้าหมายกำไร…ควรยึดตามกลยุทธ์ที่วางไว้เสมอ
  • จัดการความกลัว ความกลัวอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่ดีในการเข้าเทรด หรือปิดคำสั่งก่อนเวลา ควรฝึกการวิเคราะห์และเชื่อมั่นในกลยุทธ์
  • ควบคุมอารมณ์เมื่อขาดทุน อย่าปล่อยให้ความโกรธเข้ามาครอบงำเมื่อเกิดการขาดทุน ควรยอมรับข้อผิดพลาดและใช้เวลาทบทวนเพื่อแก้ไข
  • ฝึกใช้วินัยในการเทรด ปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ เช่น การใช้ Stop Loss หรือ Take Profit ตามแผนการเทรดที่วางไว้ หลีกเลี่ยงการเทรดนอกแผนเพราะอารมณ์

รูปที่ 3 4 อันดับสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝน ติดตามข่าวสาร หรือ การพัฒนาตนเอง เป็นต้น

เรื่องที่ 7 การฝึกฝนและทดลองใช้บัญชีเดโม

บัญชีเดโมเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพในการทดลองกลยุทธ์ใหม่ ๆ โดยไม่เสี่ยงเสียเงินจริง การใช้บัญชีเดโมสามารถช่วยให้คุณคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการเทรดและพัฒนาทักษะได้อย่างปลอดภัยมากเลยทีเดียวครับ

  • ทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม ใช้บัญชีเดโมในการทดลองใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ของแพลตฟอร์มการเทรด
  • ทดสอบกลยุทธ์การเทรดผ่านบัญชีเดโม่ ทดลองใช้กลยุทธ์การเทรดใหม่ๆ ผ่านบัญชีเดโม่ จะทำให้สามารถปรับปรุงและเรียนรู้จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

เรื่องที่ 8 การติดตามข่าวสารในตลาด

ข่าวสารและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด Forex อย่างมาก การติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถทำการตัดสินใจที่ดีขึ้นและเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ มีหลายครั้งที่กลยุทธิ์ไม่สามารถชนะข่าวสารในตลาดได้

  • ติดตามประกาศเศรษฐกิจสำคัญ เช่น การประกาศตัวเลข GDP, อัตราดอกเบี้ย, และดัชนีการว่างงาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสกุลเงินต่าง ๆ
  • การวิเคราะห์ผลกระทบจากข่าวสาร เรียนรู้ที่จะวิเคราะห์ผลกระทบของข่าวสารและเหตุการณ์ต่อการเคลื่อนไหวของตลาด เพื่อปรับกลยุทธ์การเทรดตามสถานการณ์

เรื่องที่ 9 การประยุกต์ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มในตลาด Forex การใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร เช่น

  • Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ใช้ Moving Averages เพื่อติดตามแนวโน้มในระยะสั้นและระยะยาว เช่น SMA, EMA เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคา
  • Fibonacci Retracement ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่มีโอกาสเป็นจุดกลับตัวของราคา เป็นต้น

เรื่องที่ 10 การเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดเวลา

การเทรด Forex เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด เนื่องจากตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างแน่นอน

  • อ่านหนังสือและบทความเกี่ยวกับ Forex  ศึกษาแนวคิดและกลยุทธ์ใหม่ ๆ ผ่านหนังสือและบทความจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ Forex
  • เข้าร่วมสัมมนาและเวิร์กช็อป การเข้าร่วมสัมมนาและเวิร์กช็อปที่เกี่ยวกับการเทรด Forex จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และสร้างเครือข่ายกับนักเทรดคนอื่น ๆ
  • ทดลองกลยุทธ์ใหม่ ๆ อย่าหยุดพัฒนากลยุทธ์การเทรด ทดลองวิธีการใหม่ ๆ หรือแนวคิดที่ยังไม่เคยลอง เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณเอง

สรุป

การเทรด Forex เป็นการเดินทางที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง การจัดการอารมณ์และการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดข้อผิดพลาดในการเทรดได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารและการประยุกต์ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้นแล้วการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและพัฒนาตนเองอยู่เสมอจะทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่แข็งแกร่งขึ้นแล้วก้าวสู่การเป็นมืออาชีพได้อย่างแน่นอน