• Renko Chart เป็นตัวช่วยที่โดดเด่นสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการมองเห็นภาพแนวโน้มตลาดที่ชัดเจนและตัด “สัญญาณรบกวน” (Noise) ออกไป
  • ใช้การเคลื่อนไหวของราคา (Price Movement) เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างกราฟ ต่างจากกราฟแบบเดิมที่มักอ้างอิงเวลา (Time) หรือปริมาณการซื้อขาย (Volume)
  • Renko Chart สามารถตัด Noise จากความผันผวนระยะสั้นในตลาด และโฟกัสกับแนวโน้มหลักของตลาดได้อย่างมั่นใจ
  • Renko Chart ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การติดตามแนวโน้ม (Trend Following) หรือการเทรดที่เน้นการวิเคราะห์ระยะยาว
  • บทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานของ Renko Chart, เรียนรู้การปรับใช้กับกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม, และเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและการตัดสินใจในตลาด

Renko Chart ทำงานยังไง?

หลักการสร้างกราฟ Renko

Renko Chart ถูกสร้างขึ้นจาก “อิฐ” (Bricks) โดยแต่ละอิฐจะถูกวาดเมื่อราคามีการเคลื่อนไหวถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เรียกว่า Brick Size ซึ่งอาจตั้งค่าเป็นจำนวนจุด (Points/Pips) หรือเปอร์เซ็นต์ของราคาก็ได้

  • อิฐสีเขียว (หรือขาว): บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น
  • อิฐสีแดง (หรือดำ): บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง

การตั้งค่า Brick Size ให้เหมาะสม

  • Brick Size เล็กเกินไป : แสดงข้อมูลมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิด Noise
  • Brick Size ใหญ่เกินไป : ลดรายละเอียดของการเคลื่อนไหวและอาจทำให้คุณพลาดโอกาสซื้อ-ขาย

รูปที่ 1 หน้าตาของ Renko Chart indicator ในยุค 2025 เป็นต้นไป ซึ่งหน้าต่างอาจจะมีเปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา

ตัวอย่าง:

  • คู่เงิน EUR/USD อาจตั้งค่า Brick Size ที่ 10-20 Pips
  • ตลาดหุ้น เช่น S&P 500 อาจตั้งค่า Brick Size ที่ 10 จุด

ข้อได้เปรียบของ Renko Chart สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

  • การลดสัญญาณหลอก หรือ False Signals : ด้วยการสร้างอิฐเฉพาะเมื่อราคามีการเคลื่อนไหวถึงระดับที่กำหนด… นอกจากนี้ Renko Chart ยังช่วยลดความผันผวนเล็กน้อยที่ไม่สำคัญ ทำให้สัญญาณมีความชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น
  • การระบุแนวโน้มหลัก : Renko Chart ช่วยให้เรามองเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น โดยสามารถระบุแนวโน้มขาขึ้น ขาลง และช่วงพักตัว (Consolidation) ได้อย่างง่ายขึ้นในระดับหนึ่งเลยครับ
  • การกำหนดจุดเข้า-ออกที่มีประสิทธิภาพ : การเปลี่ยนสีของอิฐเป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการระบุจุดเข้า (Entry Point) และจุดออก (Exit Point) และเมื่อใช้งานร่วมกับอินดิเคเตอร์เสริม เช่น Moving Average หรือ RSI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรดมากขึ้นด้วยนะ

“การเทรดไม่ใช่เรื่องของความสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเรื่องของการจัดการความเสี่ยงและการรักษากำไร”

กลยุทธ์การเทรดด้วย Renko Chart สำหรับมืออาชีพ

Trend Following Strategy

  • ใช้ Renko Chart เพื่อจับแนวโน้มหลักของตลาด
  • เพิ่ม Moving Average (เช่น EMA 50 และ EMA 200) เพื่อช่วยยืนยันแนวโน้ม
  • ตัวอย่างกลยุทธ์
    • เข้า Buy Position เมื่อ อิฐ เปลี่ยนเป็นสีเขียว และ ราคาปิดอยู่เหนือ EMA
    • เข้า Sell Position เมื่อ อิฐ เปลี่ยนเป็นสีแดง และ ราคาปิดต่ำกว่า EMA

Breakout Strategy

  • Renko Chart เหมาะสำหรับการจับ Breakout เนื่องจากโครงสร้างกราฟจะตัดผ่านระดับแนวรับ-แนวต้านได้อย่างชัดเจน
  • ตั้งค่า Brick Size ให้เหมาะสมกับตลาด เช่น 20 Pips สำหรับคู่เงินหลัก
  • ตัวอย่างการใช้งาน
    • เข้า Buy Position เมื่อราคาทะลุแนวต้าน (Resistance) และมีอิฐสีเขียวต่อเนื่อง
    • วาง Stop Loss ใต้แนวรับล่าสุด

รูปที่ 2 เทคนิคการดู Divergence และการหาจุดเข้าไม้ Buy

Divergence Strategy

  • ใช้ Renko Chart ร่วมกับ Oscillator เช่น MACD หรือ RSI เพื่อจับ Divergence ระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์
  • ตัวอย่าง
    • หาก RSI แสดง Divergence ขาขึ้นในขณะที่ Renko Chart เปลี่ยนเป็นอิฐเขียว อาจเป็นสัญญาณซื้อ

“จงรอจังหวะที่ดีที่สุด อย่ารีบร้อนเข้าตลาดเพียงเพราะกลัวพลาดโอกาส เพราะโอกาสใหม่ ๆ จะมาเสมอ”

ข้อควรระวังในการใช้ Renko Chart

  • การตั้งค่า Brick Size ที่ไม่เหมาะสม : การตั้งค่าที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่การวิเคราะห์ที่คลาดเคลื่อน ควรทดสอบค่าที่เหมาะสมกับสินทรัพย์ที่เทรด ดังนั้นให้ Backtest และหาค่าที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เราเทรดอยู่จริง ๆ
  • ไม่เหมาะกับการเทรดระยะสั้นมาก : Renko Chart มักเหมาะกับการเทรดระยะกลางถึงยาว เนื่องจากการสร้างอิฐใหม่ต้องการการเคลื่อนไหวของราคาที่มากพอ
  • ไม่แสดงข้อมูลเวลาและปริมาณ : Renko Chart ไม่แสดงเวลาและปริมาณการซื้อขาย ซึ่งอาจเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับบางกลยุทธ์ที่ต้องอาศัยข้อมูลเหล่านี้

รูปที่ 3 ตัวอย่างกลยุทธ์ Renko + RSI ในการเทรด

การปรับแต่ง Renko Chart สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

  • ใช้ Renko กับ Multi-Timeframe Analysis : ใช้ Renko Chart ร่วมกับกราฟแท่งเทียนใน Timeframe ที่สูงกว่าเพื่อจับภาพรวมตลาดที่คมขึ้น
  • ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์เสริม เช่น ใช้คู่กับ Moving Average เพื่อช่วยระบุแนวโน้ม หรือ ใช้คู่กับ RSI และ MACD เพื่อช่วยจับสัญญาณ Overbought/Oversold และ Divergence
  • Average True Range (ATR): ใช้คำนวณ Brick Size ให้เหมาะสมตามความผันผวนของตลาด

ของแจกจาก MQL5

ของแจกจาก Indicatorspot

สรุป

Renko Chart เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดอย่างชัดเจน โดยเน้นการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญ แทนที่จะเน้นข้อมูลที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม การตั้งค่า Brick Size และการผสานกับอินดิเคเตอร์เสริม เช่น EMA หรือ RSI จะช่วยเพิ่มความคมในการวิเคราะห์และการตัดสินใจทางการเทรด

“หากคุณเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพที่มองหาความชัดเจนในการวิเคราะห์ตลาด Renko Chart อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเทรดอย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น”

 

อ้างอิง

 

เขียนโดย

Rattapoom Jitjaroen

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon