บัญชี STP คืออะไร?

  • บัญชี STP (Straight Through Processing) คือบัญชีที่คำสั่งซื้อขายถูกส่งตรงจากนักเทรดไปยังผู้ให้บริการ Liquidity (เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงิน) โดยตรง
  • โบรกเกอร์ไม่ควบคุมราคาหรือประมวลผลคำสั่งเอง แต่ส่งไปยังผู้ให้บริการ Liquidity ที่มีราคาตลาดจริง
  • เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความโปร่งใสและการดำเนินการที่รวดเร็ว

วิธีการทำงานของบัญชี STP ในการเทรด Forex

  • คำสั่งจากนักเทรดจะถูกส่งไปยังผู้ให้บริการ Liquidity โดยตรง
  • โบรกเกอร์ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งไปยังตลาด
  • คำสั่งจะได้รับการประมวลผลอย่างรวดเร็วโดยไม่ผ่านการจัดการของโบรกเกอร์

ภาพนี้แสดงให้เห็นถึง กระบวนการทำงานของระบบ STP (Straight Through Processing) ในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในตลาด Forex โดยระบบ STP ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่รับคำสั่งซื้อขายจากนักลงทุนรายใหญ่ โบรกเกอร์ และธนาคาร จากนั้นส่งคำสั่งนั้นโดยตรงไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่อง

ความแตกต่างของบัญชี STP/Market Maker/ECN

ตารางที่ 1 ข้อมูลการเปรียบเทียบบัญชีเทรด: STP vs Market Maker vs ECN

ข้อมูลเปรียบเทียบSTPMarket MakerECN
การส่งคำสั่งส่งตรงถึง LPโบรกเกอร์ถือคำสั่งเองจับคู่ในเครือข่าย
สเปรดลอยตัวคงที่ หรือ ลอยตัวลอยตัว ต่ำมาก (บางที 0)
ค่าคอมมิชชันไม่มี หรือ ต่ำไม่มีมี (แต่สเปรดต่ำมาก)
รีโควตแทบไม่มีเจอบ่อยไม่มีแน่นอน
ความโปร่งใสปานกลางต่ำสูงสุด
เหมาะกับใครเทรดเดอร์ทั่วไปมือใหม่มืออาชีพ / Scalper
จุดเด่นส่งเร็ว, ไม่ต้องจ่ายคอมฯควบคุมง่าย, เสถียรโปร่งใส, ค่าธรรมเนียมต่ำจริง
  • STP (Straight Through Processing): เหมือน “ท่อตรง” ที่ส่งคำสั่งของคุณไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่อง (LP) รายเดียวหรือหลายรายที่โบรกเกอร์เชื่อมต่ออยู่โดยตรง ไม่ได้จับคู่ในเครือข่ายแบบ ECN
  • ECN (Electronic Communication Network): เหมือน “ตลาดกลาง” ที่รวบรวมคำสั่งซื้อขายจากหลายๆ คน (นักเทรด, ธนาคาร, LP อื่นๆ) มาจับคู่กันเองโดยตรงในเครือข่าย ทำให้เห็นราคา Bid/Ask จากผู้เล่นหลายราย (มี Depth of Market ให้ดูเชิงลึก)
  • Market Maker (MM): เหมือน “เคาน์เตอร์รับซื้อขายของโบรกเกอร์เอง” ที่ไม่ได้ส่งคำสั่งคุณผ่าน “ท่อตรง” (STP) หรือเข้าไปใน “ตลาดกลาง” (ECN) แต่โบรกเกอร์จะ “รับคำสั่งไว้เอง” เป็นคู่สัญญาฝั่งตรงข้ามกับคุณโดยตรง และเสนอราคาซื้อขายที่พวกเขากำหนดขึ้นมาเอง (ซึ่งอ้างอิงจากตลาดใหญ่อีกที) 

ข้อดีของการใช้บัญชี STP ในการเทรด

  • ความโปร่งใส: คำสั่งถูกส่งไปยังตลาดจริง โดยไม่มีการบิดเบือนจากโบรกเกอร์
  • การดำเนินการที่รวดเร็ว: คำสั่งได้รับการประมวลผลทันที
  • ต้นทุนต่ำ: สเปรด มักจะแคบกว่าบัญชีอื่น ๆ และค่าคอมมิชชันต่ำ
  • ไม่มีการขัดแย้งผลประโยชน์: โบรกเกอร์ไม่ทำกำไรจากการแพ้ของลูกค้า

ข้อเสียของบัญชี STP ที่ควรระวัง

  • ค่าคอมมิชชันสูงในบางโบรกเกอร์: บาง โบรกเกอร์อาจเก็บค่าคอมมิชชัน ในการเปิดหรือปิดคำสั่ง
  • ความผันผวนของสเปรด: สเปรดอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด
  • การไม่มีการป้องกันคำสั่ง: คำสั่งอาจไม่ได้รับการดำเนินการตามที่ตั้งใจไว้ในบางช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

หลักการทำงานของ โบรกเกอร์แบบ STP (Straight Through Processing) โดยเฉพาะในด้านการจับคู่ราคาจากผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) เพื่อส่งราคาที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

5 โบรกเกอร์ ที่ให้บริการ บัญชี STP พร้อมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแต่ละโบรกเกอร์

  1. VT Markets
    • ชื่อบัญชี STP: บัญชี Standard STP 
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $100
    • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: MT4, MT5, WebTrader Plus, แอปมือถือ 
    • รายละเอียดเพิ่มเติม: บัญชีนี้เหมาะสำหรับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ มีสเปรดที่แข่งขันได้และการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว
  2. Doo Prime
    • ชื่อบัญชี STP: บัญชี Standard STP
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $1
    • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: Doo prime: Online Forex Trading, MT4, MT5
    • รายละเอียดเพิ่มเติม: บัญชีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการการซื้อขายที่โปร่งใสและรวดเร็ว
  3. ZFX (Zeal Capital Market)
    • ชื่อบัญชี STP: บัญชี Standard STP 
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $50 
    • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: ZFX MT4 (PC, Mac, iOS, Android) 
    • รายละเอียดเพิ่มเติม: บัญชีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกประเภท มีความปลอดภัยสูงและราคาที่ดีที่สุด  
  4. Vantage
    • ชื่อบัญชี STP: Standard STP และ Cent Standard STP
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $50 USD
    • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5), แอปมือถือของ Vantage
    • รายละเอียดเพิ่มเติม: Vantage เป็น โบรกเกอร์ประเภท A-Book ที่ส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง 
  5. FP Markets
    • บัญชี STP: บัญชี Standard STP 
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $100
    • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: MT4, MT5, WebTrader, แอปมือถือ 
    • รายละเอียดเพิ่มเติม: บัญชีนี้มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips และเลเวอเรจสูงสุด 1:500 

*หมายเหตุ

สำหรับ Vantage และ Vt Markets ค่อนข้างมีความย้อนแย้งของการเป็นโบรกเกอร์ STP เพราะในช่วงการ ประกาศข่าวเศรษฐกิจ นั้นค่าสเปรดไม่ถ่างเลย ซึ่งดูดีแต่แปลกมาก ผิดธรรมชาติของตลาดจริง (Interbank / LP) เวลาเจอข่าวแรง ก็เป็นไปได้หลายสาเหตุ ทั้งการใช้ Virtual Pricing หรือเป็น Hybrid Model ที่ปรับระบบให้ “ไม่ส่งคำสั่งคุณไปตลาดจริงในช่วงนั้น”

ภาพแสดงถึงโบรกเกอร์ชั้นนำ ที่มีบัญชี STP แน่นอนเลยว่าจะมีจุดเด่นเรื่องการส่งออเดอร์ไปสู่ตลาดโดยไม่ผ่านคนกลาง

แนะนำโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง และ น่าใช้งาน 5 อันดับ

คลิปที่น่าสนใจ

คลิปแนะนำจากช่อง GeminiCap Thailand  อธิบายเรื่องของ โบรกเกอร์ STP-ECN คืออะไร? เป็นคลิปสั้น ๆ ที่อธิบายได้ดี เข้าใจง่ายมาก 

  • 0.13| การแบ่งประเภทของโบรกเกอร์ 
  • 0.24| เผยถึงโบรกเกอร์ STP และ ECN 
  • 0.35| อธิบายถึงกระบวนการเทรด และ การส่งคำสั่งเข้า เซิฟเวอร์ 

สรุป

  • บัญชี STP (Straight Through Processing) คือบัญชีที่คำสั่งซื้อขายถูกส่งไปยังผู้ให้บริการ Liquidity โดยตรง โดยไม่มีการควบคุมราคาจากโบรกเกอร์ ทำให้การดำเนินการคำสั่งรวดเร็วและโปร่งใส
  • ต่างจาก บัญชี Market Maker ที่โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดราคา และ บัญชี ECN ที่คำสั่งจะถูกส่งไปยังเครือข่ายผู้ให้บริการ Liquidity หลายราย
  • บัญชี STP เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และต้องการการดำเนินการที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำ
  • การเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ควรพิจารณาเรื่องสเปรด, ค่าคอมมิชชัน, ความน่าเชื่อถือ, และบริการลูกค้า

อ้างอิง

FAQ – บัญชี STP คืออะไร? ความแตกต่างจากบัญชีอื่นในตลาด Forex

ไม่มีทางรู้ 100% ถ้าไม่ใช่คนในระดับหัวจ่าย เพราะเราไม่มีทางเห็นระบบหลังบ้าน แต่มีวิธีตรวจสอบและประเมินความน่าเชื่อถือได้ คือ

  • อ่าน Execution Policy ที่แปะอยู่ในหน้าเว็บ (มองหาคำว่า STP, NDD)
  • ต้องมีหน่วยงานกำกับดูแล (Regulation) Rank A Top-Tier เช่น FCA หรือ ASIC
  • ไม่มี Requote แต่จะเกิด Slippage แทน
  • เทรดช่วงข่าวแรงแล้วเจอ Slippage, ดีเลย์ออเดอร์ หรือสเปรดถ่าง = มีแนวโน้มส่งจริง
  • ใช้แพลตฟอร์มแบบ cTrader / FIX API / ECN Bridge ที่ไม่เอื้อให้ “ควบคุมราคา”
ไม่มีทุกโบรกเกอร์ และที่น่ากลัวคือบางโบรกเกอร์ แอบเนียนใช้ชื่อบัญชีว่า “STP” หรือ “ECN” แต่จริง ๆ แล้วหลังบ้านคือ B-book หรือ Hybrid ถ้าเป็นโบรกเกอร์ต่างประเทศใหญ่ ๆ ที่จริงจัง จะระบุชัดเจนว่า บัญชีไหนเป็น STP/ECN และส่งออเดอร์อย่างไร มี execution policy ที่ชัดเจน ไม่ซ่อนให้เราเหนื่อยนั่งหา
การเกิด Slippage เป็นเรื่องปกติของตลาด STP/ECN โดยเฉพาะช่วงความผันผวนสูง ลองนึกภาพ สั่งซื้อ/ขายในราคา A แต่ราคามีคน Fill ไปก่อน ระบบหาคู่ราคาใหม่ที่ใกล้เคียงที่สุด เกิด Slippage แต่ถ้าเกิดบ่อยจนผิดปกติก็ไม่ใช่แล้ว ต้องดู Execution Speed กับ Liquidity ด้วย
ไม่มีช่องทางลับ ถ้าเป็นโบรกเกอร์ STP แท้ๆ จะทำเงิน 100% จาก “การเทรดของคุณเยอะ ๆ” ไม่ใช่จาก “การที่คุณแพ้” โดยรายได้หลักจะมาจากการ Markup บนสเปรดที่จะบวกกำไรส่วนเพิ่มเล็กน้อยเข้าไปในสเปรดที่ได้รับมาจาก LP ก่อนส่งมาให้เรา หรือบางโบรกฯก็คิดตรงๆเป็นค่าคอมมิชชั่น โดยถ้าโบรกฯมีปริมาณซื้อขายมาก ๆ ก็จะได้รับ Volume Rebates/Incentives จาก LP ด้วย เลยเป็นที่มาของไอเดียการให้รายได้ IB และ White Label Partner ที่สร้างเครือข่ายเทรดเดอร์มาหมุน
แตกต่างในทางเทคนิค แต่รายย่อยส่วนใหญ่แทบไม่รู้สึก ทั้ง STP และ ECN เป็น Non-Dealing Desk (NDD) ที่ให้ความเร็วและความโปร่งใสสูงกว่า Market Maker อย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเอามาเทียบกันเองแล้วก็แทบไม่ต่าง จุดที่ ECN เหนือกว่าในทางทฤษฎีคือการมี Depth of Market (เห็นคำสั่งซื้อขายในระบบ) คำว่า ECN หรือ STP จึงกลายเป็นแค่ “คำขาย” ที่โบรกเอามาแข่งกันในหลายกรณี สิ่งที่ควรดูมากกว่าคือ ความน่าเชื่อถือของโบรกฯ และ “หลังบ้าน” ว่าให้ rate และ execution แบบไหนต่างหาก

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon