1.มีวินัยในการเทรดอย่างสม่ำเสมอ

  • ไม่ใช่แค่เปิดกราฟทุกวัน แต่คือการยึดมั่นกับระบบของตัวเอง ไม่หวั่นไหว เมื่อเห็นคนอื่นกำไรเยอะกว่า
  • ถ้าเคยมีช่วงที่เทรดตามอารมณ์ วันไหนมั่นใจมากเกินไปก็เพิ่มลอตเข้าไปเอง สุดท้ายพอร์ตเสียหายหนักจน Stop Out สิ่งที่ช่วยให้กลับมาได้คือการยึดตามแผนเดิมทุกวัน ไม่ว่าตลาดจะวิ่งยังไง วินัยคือหัวใจ
  • ความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตามแผนเทรด จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในระยะยาว
  • วินัยไม่ได้หมายถึงการไม่ผิดพลาดเลย แต่คือการกลับเข้าสู่ระบบให้เร็วที่สุดเมื่อหลุดออก

2.บริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี

  • ไม่มีใครรู้ว่าไม้ไหนจะชน หรือไม้ไหนจะวิ่ง แต่ถ้ารู้จักจำกัดความเสี่ยงไว้ก่อน ยังไงก็ไม่เจ็บหนัก
  • เคยเทหมดพอร์ตกับ ข่าว Non-Farm เพราะมั่นใจเกินเหตุ ตั้งแต่นั้นมาวาง Stop Loss ไว้ทุกครั้ง และจำกัดความเสี่ยงต่อไม้ให้ชัดเจน เช่น ไม่เกิน 1%
  • รู้ว่าควรเสี่ยงเท่าไรต่อพอร์ต และไม่ Overtrade แม้จะเจอจังหวะน่าเข้าแค่ไหนก็ตาม
  • การแบ่งทุนออกเป็นส่วน ๆ และวางแผนให้เสี่ยงในระดับที่รับได้คือรากฐานของการอยู่รอด

เทรดเดอร์มากมายที่พยายามอวดกำไรบนสื่อต่าง ๆ แน่นอนเลยว่านั่นจะเป็นเรื่องจริง หรือ หลอก Day Trader ต้องไม่คล้อยตาม ยึดมั่นในระบบของตัวเองเอาไว้ ว่าจะกำไร หรือ ขาดทุนวันละเท่าไหร่

3.ตัดสินใจรวดเร็วแม่นยำ

  • จังหวะในตลาดบางครั้งมีแค่ไม่กี่วินาที ต้องมั่นใจพอที่จะกดเข้าเทรด หรือไม่ก็ต้องกล้าตัดออกให้ไว
  • สมัยเริ่มต้นเคยลังเลจนพลาดจุดเข้าดีๆ หรือปล่อยให้ลบยืดเยื้อเพราะคิดว่ามันจะกลับตัว สุดท้ายเจ็บทั้งกำไรและเวลา
  • ตอนนี้ฝึกวางแผนก่อนตลาดเปิด ถ้าเข้าเงื่อนไขก็ไม่ต้องคิดมาก กดตามระบบเท่านั้น
  • การฝึกซ้ำและการจำลองสถานการณ์ (Backtest หรือ Replay) จะช่วยให้การตัดสินใจเร็วขึ้นโดยไม่ขาดความแม่นยำ

4.มีแผนการเทรดที่ชัดเจน

  • ทุกวันเริ่มด้วยการวิเคราะห์ Timeframe ใหญ่ แล้วไล่ลงมาดูจุดเข้าใน Timeframe ย่อย
  • แผนการเทรดที่เขียนไว้ล่วงหน้าช่วยให้ไม่หลุดโฟกัส และรู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร
  • วันไหนเทรดนอกแผน ส่วนใหญ่จบไม่สวย ทบทวนแล้วมักมาจากความใจร้อนและอยากได้เร็วเกินไป
  • แผนเทรดไม่ควรซับซ้อนเกินไป แต่ต้องชัดเจนพอให้ปฏิบัติตามได้จริง

การจัดการเงินที่ดี ต้องมีการบริหารความเสี่ยง หากคุณมีเงินทุน $100 เสี่ยงได้แค่ 1-2% ($5) ส่วนอีกมุมหนึ่งคือ หากว่าคุณกำลังได้กำไร ก็บริหารความเสี่ยงนำ SL มากั้นหน้าทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยง

แผนการเทรดแบบ Day Trade ที่ชัดเจน

วิเคราะห์แนวโน้มก่อนเทรด

  • ดูกราฟ H4 หรือ D1 เช็กว่าตลาดกำลังเทรนด์ขึ้น ลง หรือไซด์เวย์
  • ขีดแนวรับแนวต้านสำคัญไว้ก่อนทุกครั้ง

รอโอกาสในกรอบแผน

  • เข้า TF15 หรือ TF5 มองหาสัญญาณเข้า เช่น Breakout / Rejection / Pin Bar
  • ไม่เข้าเทรดถ้ายังไม่ครบเงื่อนไข

วาง SL/TP ชัดเจนทุกไม้

  • SL ใต้แนวรับหรือเหนือแนวต้าน (ประมาณ 10-20 Pips)
  • TP อย่างน้อย R:R 1:2

เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ต่อไม้

  • พอร์ต 10,000 USD เสี่ยงได้ไม่เกิน 100-200 USD ต่อไม้
  • แพ้ติด 2 ไม้ พักทันที

สรุปทุกเทรดหลังจบวัน

  • เขียนเหตุผลเข้าออก / อารมณ์ตอนเทรด / อะไรทำได้ดีหรือพลาด
  • ใช้ปรับปรุงวันต่อไป

5.ควบคุมอารมณ์ได้ดี

  • วันไหนที่เทรดด้วยอารมณ์ จะมองตลาดผิดทุกครั้ง เพราะมองจากความคาดหวัง ไม่ใช่ความจริง
  • เคยลากออเดอร์จนลบหนัก Margin Call ก็แล้ว เพราะไม่ยอมรับความผิดพลาด สุดท้ายหมดพอร์ต
  • เรียนรู้ว่าการเทรดที่ดีคือการตัดสินใจอย่างเยือกเย็น ไม่ใช่ตอบสนองจากอารมณ์
  • ฝึกสังเกตอารมณ์ตัวเองทุกครั้งที่เข้าเทรด เพื่อรู้ว่าเราเทรดด้วยเหตุผลหรือความอยาก

(1) เริ่มดู Timeframe ใหญ่ คือ Day
(2) ย่อยลงมาคือ 4H หรือ แท่งเทียนทุก 4 ชั่วโมง
(3) ดู H1 เพื่อเช็ค Timeframe ย่อย ก่อนเข้าเทรดต้องรู้จักเทรนด์ของตลาด 

6.มุ่งมั่นในการเรียนรู้และพัฒนา

  • ตลาดเปลี่ยนทุกวัน เทรดเดอร์ที่หยุดเรียนรู้จะกลายเป็นเป้าของคนที่พัฒนาอยู่ตลอด
  • ช่วงขาดทุนหนักเริ่มกลับมาทบทวนกลยุทธ์ ปรับระบบใหม่ และศึกษาจากบันทึกการเทรดตัวเอง
  • ทุกครั้งที่ได้ความรู้ใหม่ จะรู้สึกเหมือนได้อาวุธใหม่ไว้ต่อสู้กับตลาด
  • เรียนรู้ได้จากหนังสือ, คอร์สออนไลน์, หรือกลุ่มเทรดที่มีคุณภาพ อย่าหยุดที่จุดเดิม หรือ การศึกษา รีวิวโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมข้อมูลใหม่ ๆ และ การได้เปรียบในการเทรด 

7.รู้จักเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าออก

  • ตลาด Forex เปิด 24 ชั่วโมงก็จริง แต่จุดที่เคลื่อนไหวแรงๆ มักอยู่ในช่วงข่าว หรือตลาดลอนดอนกับนิวยอร์ก
  • เคยพยายามเทรดทั้งวันจนหมดแรง แต่พอเริ่มโฟกัสแค่ช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวชัด กลับเทรดดีขึ้น กำไรชัดเจน
  • การเลือกเวลาให้เหมาะกับกลยุทธ์ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ และลดความเหนื่อยล้าในการเฝ้ากราฟ

8.มีความรู้ด้านวิเคราะห์เทคนิค

  • ไม่ต้องเก่งทุกอินดิเคเตอร์ แต่ต้องเข้าใจว่าแต่ละเครื่องมือช่วยอะไร และรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะกับตลาด
  • ระบบที่ใช้ตอนนี้เน้น Price Action คู่กับ EMA เพื่อดูแนวโน้ม และใช้โซนแนวรับแนวต้านวางแผนเข้าออก
  • เมื่อมีความเข้าใจเชิงเทคนิค จะทำให้เทรดด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่ความเดา
  • ฝึก Backtest เทคนิคที่ใช้บ่อย เพื่อเข้าใจข้อดีข้อจำกัดของแต่ละกลยุทธ์

ใช้เทคโนโลยีที่ซัพพอร์ตเราในปัจจุบันก็คือ การตั้งแจ้งเตือนราคาเมื่อถึงโซนที่จะเทรดนั่นเอง โดยใน TradingView นั้นไม่ยากเลย เพียงแค่กด Alert เอาไว้ ณ ราคาที่ต้องการ ก็จะมีการแจ้งเตือนแล้ว 

9.เข้าใจภาพรวมของตลาด

  • วันไหนมีข่าวสำคัญ หรือแนวโน้มใหญ่กำลังจะกลับตัว ถ้าไม่ดูภาพใหญ่ก็อาจพลาดได้
  • เคยเปิดออเดอร์สวนเทรนด์ใหญ่ เพราะเห็นสัญญาณเล็ก ๆ ใน TF5 นาที สุดท้ายโดนลากไปจนหมดพอร์ต
  • ตอนนี้เริ่มจากกราฟ Day ก่อนเสมอ แล้วค่อยไล่ลงมา เพื่อให้เข้าใจว่าตลาดกำลังอยู่ในจังหวะไหน
  • การมองภาพรวมช่วยให้เลือกกลยุทธ์ได้เหมาะกับสภาพตลาด เช่น เทรนด์ หรือ Side Way

10.มีเป้าหมายที่ชัดเจน

  • เป้าหมายรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ต้องชัด เพื่อวัดผลและรักษาโฟกัส
  • เคยเทรดไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่ากำลังจะไปถึงไหน สุดท้ายเหนื่อยแต่ไม่เห็นผล
  • เมื่อกำหนดเป้าหมายเป็นเปอร์เซ็นต์จากพอร์ต และมีเป้าหมายหยุดเทรดเมื่อได้หรือเสียตามแผน ทำให้มีวินัยมากขึ้น
  • เป้าหมายช่วยกำหนดจังหวะพักผ่อน และลดการเทรดเกินจำเป็น

11.ไม่ยึดติดกับการเทรดที่ผิดพลาด

  • ความผิดพลาดคือครูที่โหดที่สุดในตลาด แต่ให้บทเรียนที่ชัดเจนที่สุด
  • มีหลายครั้งที่ต้องยอมรับว่ามองตลาดผิด และรีบตัดขาดทุนเพื่อรักษาพอร์ต
  • การไม่ฝืนเทรดแก้มือ แต่ใช้เวลาไปปรับแผน คือสิ่งที่ทำให้ไม่วนลูปเจ็บซ้ำ

วิธีแก้ กับ การเทรดที่ผิดพลาด ทำยังไง ?

  • หยุดเทรดทันที — อย่าเทรดต่อเพื่อเอาคืน พักเพื่อเรียกสติ
  • ทบทวนว่าแพ้เพราะอะไร — ใช้อารมณ์? เข้านอกแผน? หรือประมาทข่าว?
  • กลับไปอ่านแผนเทรด — ทบทวนระบบตัวเอง และยึดให้แน่นกว่าเดิม
  • เริ่มใหม่ด้วย Lot ที่เล็กลง — เทรดเบา ๆ เพื่อเน้นวินัย ไม่ใช่กำไร
  • จดบันทึกทุกจุดพลาด — เพื่อดูพฤติกรรมตัวเองและไม่ทำซ้ำ
  • ให้อภัยตัวเอง แล้วเริ่มใหม่ — ความผิดพลาดคือบทเรียน ไม่ใช่จุดจบ

หากคุณเองเทรดผิดพลาดบ่อย ๆ ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณเป็นคนที่เก่งมากขึ้น เพราะทุกการเทรดที่ผิดพลาดมีวิธีแก้ แน่นอนมันไม่ใช่ความล้มเหลวนะ แต่มันคือบทเรียนที่จะทำให้คุณเก่งขึ้นต่างหาก 

12. ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือให้เป็นประโยชน์

  • ง่าย ๆ ใช้ Excel บันทึกอัตโนมัติ เช่น entry, SL, TP, result และ screenshot เอาไว้ 
    • บันทึกเป็นลักษณะ “ไดอารี่-รายไม้” ช่วยให้เห็นรูปแบบพฤติกรรมของตัวเอง 
  • ตั้ง Alert บนแอปเทรด เพื่อแจ้งเมื่อเข้าเงื่อนไขเด็ด
    • ใช้ฟังก์ชัน Alert จาก TradingView หรือ MetaTrader เพื่อไม่ต้องนั่งเฝ้าจอทั้งวัน
    • ตั้งเงื่อนไขแบบเฉพาะเจาะจง เช่น “ราคาทะลุ High เดิม พร้อม RSI > 60”

13. มีความอดทนและไม่เร่งรีบ

  • ให้เวลาเปรียบเสมือนพักรอความชัดเจนในตลาด
    • ไม่ใช่ทุกวันจะมี “จังหวะสวย” การรอคือเครื่องมือกรองที่ดีที่สุด
    • มองการรอไม่ใช่การเฉื่อย แต่คือการรักษาทุนและสติ
  • ถ้าไม่มีสัญญาณที่ตรงระบบ  หยุดเทรด 
    • อย่าคิดว่า “ต้องหาเทรดให้ได้” เพราะนั่นคือทางลัดสู่ Overtrade
    • ฝึกจิตให้นิ่ง พอใจแม้วันนี้ไม่ได้เข้าไม้ใดเลย
  • จำไว้ว่า “เทรดที่เลือก” ดีกว่า “เทรดทุกจังหวะ”
    • ประสบการณ์จากหลายคน  วันไหนที่ใจร้อน เทรดมั่ว สุดท้ายจะจบด้วยการแก้มือจนพัง
    • การเลือกเทรดเฉพาะจังหวะมั่นใจ จะช่วยให้ความแม่นสูง และลดอารมณ์ติดลบหลังพลาด

14. บันทึกและทบทวนการเทรดเสมอ

  • ทำ weekly review ทุกวันศุกร์ ก่อนปิดตลาด
    • เขียนบันทึกทั้งเรื่องตัวเลข และอารมณ์ เช่น รู้สึกมั่นใจไหมก่อนเข้าไม้? มีสัญญาณลวงไหม?
    • ใช้เวลา 30 นาทีสรุปภาพรวมทั้งสัปดาห์ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับตลาด
  • สรุปทุกไม้เทรด: กำไร/ขาดทุน, เหตุผล, เทคนิค, อารมณ์, และสิ่งที่เรียนรู้
    • ตัวอย่างบันทึกที่ดี: “เข้าเพราะ Breakout, แต่รีบเกินไป ไม่รอ Retest, จึงโดน SL  แก้ไขโดยรอ confirmation เพิ่มในครั้งหน้า”
    • อารมณ์ที่บันทึกช่วยให้เข้าใจ pattern ความผิดพลาด เช่น FOMO หรือ Revenge Trade
  • ทำกราฟ Performance: เทียบผลจริงกับเป้าเพื่อปรับปรุงระบบ
    • สร้างกราฟรายสัปดาห์ว่า Win Rate เป็นยังไง
    • วิเคราะห์ว่าไม้ที่กำไรเยอะมาจาก Timeframe ไหน กลยุทธ์ไหน และช่วงเวลาใด
    • ใช้เพื่อปรับ Focus ไปที่จุดแข็ง และลดความเสี่ยงจากจุดอ่อนที่ทำให้เสีย

ตัวอย่างแพลตฟอร์มการบันทึกการเทรดแบบง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณมีวินัยในการเทรดมากขึ้น บอกได้ถึงความรู้สึกก่อนการเข้าเทรด และ ผลลัพทธ์ที่กลับมาทำให้คุณกลายเป็นคนที่คิดก่อนทำมากขึ้นนั่นเอง 

15. มีทัศนคติเชิงบวกและยืดหยุ่นกับสถานการณ์

  • มองขาดทุนอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้คำว่า “ค่าเทอมการเทรด”
    • ทุกไม้ที่ลบคือค่าประสบการณ์ อย่ามองว่าตัวเองล้มเหลว
    • เมื่อเปลี่ยนมุมคิดว่า “กำไรคือรางวัล / ขาดทุนคือบทเรียน” จะไม่มีวันล้ม
  • พักเมื่อต้องการ: บางวันที่ชาร์จไฟใหม่เร็วกว่าเทรดต่อ
    • ถ้ารู้สึก Burnout / เครียดจากไม้ก่อนหน้าให้พักทันที
    • การเว้นจากจอ 1 วันอาจทำให้ระบบคิดกลับมาเป็นกลาง
  • เปิดรับการเปลี่ยนแปลง เช่น เมื่อเจอโอกาสในตลาดที่เปลี่ยนแผน
    • อย่าให้แผนกลายเป็นกรอบคุมตัวเอง หากสถานการณ์ชัดว่า “ตลาดเปลี่ยน”
    • เช่น ถ้าระบบเน้น Trend แต่ตลาด Sideway หนักหลายวัน ก็อาจต้องปรับเป็น Scalping ชั่วคราว
    • ความยืดหยุ่นคือสิ่งที่ทำให้เทรดเดอร์มืออาชีพอยู่รอดในทุกภาวะตลาด

คลิปที่น่าสนใจ

ขอแนะนำคลิปที่อธิบายถึงเรื่อง เล่นหุ้นแบบ Day Trade รวยได้จริงหรือไม่? จากช่อง THE MONEY COACH อธิบายว่าต้องมีวินัยดีมาก ๆ มีการบริหารจัดการเงินได้เป็นอย่างดี 

สรุป

ถ้าอยากเป็น Day Trader ที่ดี ต้องมีวินัยและแผนชัดเจน รู้จักบริหารความเสี่ยงไม่ให้เกินที่กำหนด ตัดสินใจเร็วตามระบบ ไม่เทรดตามอารมณ์ ใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ รอจังหวะที่มั่นใจและเหมาะสม บันทึกการเทรดทุกครั้งเพื่อนำมาปรับปรุง และมีทัศนคติเชิงบวกพร้อมปรับตัวกับสถานการณ์ตลาดเสมอ แบบนี้จะช่วยให้เทรดได้ดีและยั่งยืนมากขึ้น

อ้างอิง:

FAQ — 15 คุณสมบัติการเป็น Day Trader ที่ประสบความสำเร็จ

ควร “หยุดเทรดทันที” ที่มือใหม่พลาดกันเยอะมาก คือการฝืนเทรดต่อทั้งที่ใจพัง แล้วให้โฟกัส 2 อย่าง คือ 1. ทบทวนแผนการเทรด หรือ journal ว่าที่แพ้เป็นเพราะอะไร? เป็นไปตามระบบมั้ย? ถ้าใช่.. แสดงว่าตลาดไม่เข้ากับระบบ ให้รอต่อไป (และทุกครั้งที่พลาด แปลว่ามีโอกาสที่จะถูกมากขึ้นไปเรื่อย ๆ) ถ้าไม่ใช่ คืออันตรายแล้ว แสดงว่าผิดวินัย ฝืนเทรดนอกแผน 2. ลดขนาด Lot ลง ให้เทรดด้วย Lot ที่เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป้าหมายไม่ใช่การเอาคืนหรือทำกำไร แต่เพื่อ “สร้างสถิติชนะ” เล็กๆ ขึ้นมาใหม่ 1-2 ไม้ เพื่อเรียกความมั่นใจ + ให้จิตใจกลับมาคุ้นเคยกับการคุมวินัย แล้วค่อยๆ กลับมาใช้ lot ปกติ

ต้องแยก “ความเร็ว” กับ “ความอดทน” ให้ออก มือใหม่จะโฟกัสที่ความเร็ว คอยเก็บเศษเหรียญที่ตกหน้ารถบรรทุกไปเรื่อย ๆ (ซึ่งไม่ผิด ถ้าพลังไหว และมั่นใจว่ายังไงก็ตุ้ม ไม่มีทางโดนชนแน่นอน) แต่มืออาชีพจะสนใจแค่การเลือกเทรดในจังหวะที่ดีที่สุด

  • ความอดทน — ใช้ตอน “รอ” ให้ตลาดเข้ามาในจุดที่เราวางแผน ซุ่มไว้เฉยๆ การนั่งทับมือในวันที่ไม่มีสัญญาณที่ชัดเจน คือการเทรดที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะเป็นการรักษาเงินทุน “เทรดที่เลือก ดีกว่า เทรดทุกจังหวะ” 
  • ความเร็ว — ใช้ตอน “ลงมือล่า” เมื่อโอกาสมาถึงตามแผนที่วางไว้ ต้องกล้าตัดสินใจ take action เพราะจังหวะในตลาดอาจมาให้แค่ไม่กี่วินาที 
ตัวเลขกำไรขาดทุนเป็นแค่ผลลัพธ์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจดบันทึกคือ “เหตุผลและสภาวะอารมณ์” ในขณะที่ตัดสินใจเข้าเทรด ให้ลองถามตัวเองแล้วจดลงไปว่า ทำไมถึงเข้าไม้นี้??? เข้าเพราะครบเงื่อนไขตามแผนทุกอย่าง? เข้าเพราะกลัวตกรถ (FOMO)? เข้าเพราะหงุดหงิดอยากเอาคืนตลาด? การบันทึกอารมณ์และความคิด จะทำให้เห็นรูปแบบพฤติกรรมที่ผิดพลาดของตัวเอง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการขาดทุน

ต้องแยกช่วงเวลาวิเคราะห์ กับ ช่วงเวลาตัดสินใจ ออกจากกัน

  • ช่วงวิเคราะห์ (ก่อนตลาดเปิด) — นี่คือเวลาที่จะคิดเยอะเท่าไหร่ก็ได้ คิดมากให้เต็มที่ วิเคราะห์ภาพใหญ่, ตีแนวรับ/ต้าน, วางแผนจุดเข้า/ออก (SL/TP) ให้ชัดเจน 
  • ช่วงตัดสินใจ (ตอนตลาดเปิด) — เมื่อราคาวิ่งมาถึงจุดที่วางแผนไว้ สิ่งที่ควรจะทำ จะไม่ใช่การคิด แต่คือการทำตามแผนเท่านั้น ถ้าเข้าเงื่อนไขก็กด ถ้าไม่เข้าก็รอ ถ้ายังไม่มั่นใจ ก็ต้องซ้อมบ่อยๆ (Backtest) ทำตามแผนซ้ำๆ จนไม่มีความลังเล 
ทั้งดีและไม่ดี คือคนที่สำเร็จจากแนวคิดนี้ก็มี แต่แนวคิดนี้ก็ทำลายเทรดเดอร์มานับไม่ถ้วนเช่นกัน เพราะความสำเร็จเต็มไปด้วยปัจจัยมากมายที่อยู่เบื้องหลัง แต่ถ้ามองไปที่ core แล้ว การคิดแบบนี้คือคือการทิ้ง “วินัย” และ “การบริหารความเสี่ยง” ซึ่งเป็น 2 ใน 15 คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดไป รากฐานของการอยู่รอดคือการบริหารความเสี่ยง เช่น จำกัดความเสี่ยงต่อไม้ไว้ที่ 1-2% ของพอร์ต เพราะไม่มี Setup ไหนในโลกที่การันตีกำไร 100% ตลาดสามารถพลิกได้เสมอ ทั้งจาก invisible hand หรือ ปัจจัยที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาเฉย เชื่อมั่นในโชคชะตาพลิกชีวิตจากไม้เดียว เป็นเรื่องที่ดี แต่เชื่อมั่นในการเทรดที่ยั่งยืน ทำได้ต่อเนื่องในระยะยาว เป็นวิธีที่ทำให้คนสำเร็จได้มากกว่า

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon