ทำความเข้าใจว่า Forex คืออะไร
- Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ
- ตลาดนี้เปิด 24 ชั่วโมงต่อวัน จันทร์ถึงศุกร์ เทรดกันทั่วโลกแบบออนไลน์
- ซื้อขายเป็น คู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD หมายถึง ซื้อยูโรขายดอลลาร์
- ราคาขึ้นลงตามปัจจัยพื้นฐาน ข่าวเศรษฐกิจ และอารมณ์นักลงทุนทั่วโลก
- ไม่ใช่การเล่นการพนัน แต่เป็นการซื้อขายทรัพย์สินทางการเงินที่มี ความเสี่ยง ถ้าเข้าใจระบบดี ก็ทำกำไรได้ยาว ๆ
- Forex ไม่ใช่แค่การแลกเงิน แต่คือ “สนามจิตวิทยา” ที่ใครควบคุมอารมณ์ได้มากกว่า คนนั้นจะอยู่รอด
- ควรเข้าใจว่าเงินที่เรากำลังเทรด มันสะท้อนพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลก ถ้าเราดูกราฟเป็น ก็คือเราเข้าใจพฤติกรรมของฝูงชน
- ตลาดนี้ไม่มีเจ้ามือแบบคาสิโน แต่มีกลไกจากฝั่งสถาบันใหญ่ ที่เราต้อง “ตามเกม” ให้ทัน
การเทรด Forex ต้องเตรียมอะไรบ้าง
- มีอินเทอร์เน็ตที่เสถียร กับมือถือหรือคอมฯ เครื่องเดียวก็เริ่มได้
- ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับรู้จักคำศัพท์พวก
- เงินทุนเริ่มต้นนั้น ไม่ต้องเยอะก็ได้ หลักร้อยหรือ บัญชี Demo ก็เพียงพอสำหรับฝึก
- Mindset ที่ชัดเจน เพราะเข้ามาเรียนรู้ ไม่ใช่เข้ามารวยเร็ว
- ต้องรู้ว่าเทรดคือธุรกิจ ไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวยแบบข้ามคืน
- อย่ามองแค่เครื่องมือหรือเงินทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “แรงขับภายใน” ว่ากำลังจะมาเทรดเพื่ออะไร
- เทรดเพื่อเรียนรู้ หรือเทรดเพื่อหนีปัญหาชีวิต? ถ้าตอบคำถามนี้ได้ชัด จะมีภูมิคุ้มกันเวลาเจอพอร์ตติดลบ
- การมี “เพื่อนร่วมทาง” เช่น กลุ่มเทรดเล็ก ๆ ที่ไว้ใจได้ จะช่วยให้ไม่โดดเดี่ยว
การเทรด Forex เป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ เงินยูโร เปลี่ยนกับ เงินดอลลาร์ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน เป็นราคาซื้อ กับ ราคาขาย
เปิดบัญชีเทรด Forex อย่างไรให้ปลอดภัย
- สมัครกับโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตชัดเจน เช่น FCA, ASIC, CySEC
- เตรียมเอกสารยืนยันตัวตน KYC เช่น บัตรประชาชน กับใบแจ้งหนี้ที่แสดงที่อยู่
- กรอกข้อมูลตามจริงเพื่อป้องกันปัญหาตอนถอนเงิน
- แนะนำให้เริ่มจากบัญชี Demo ก่อนเพื่อดูว่าแพลตฟอร์มใช้งานง่ายไหม
- โบรกเกอร์ที่ดี ไม่ใช่แค่ใบอนุญาต แต่ต้องดู “ประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง” ผ่านรีวิวและกลุ่มเทรด
- ควรทดลองถอนเงินก่อนใส่เงินจริงเยอะ ๆ มีคนเทรดเก่งแต่พอร์ตโดนระงับเพราะเอกสารไม่ชัดเจน
- ระบบฝากถอนอัตโนมัติมีข้อดี แต่ต้องเช็กว่า Support ตอบไวแค่ไหนตอนมีปัญหา
เลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะกับมือใหม่
- โบรกเกอร์ที่ระบบฝากถอนง่าย รองรับบัญชีธนาคารไทย
- มี Support ภาษาไทย คุยง่าย ตอบไว
- Spread ต่ำ ไม่กินกำไรตอนเข้าออเดอร์
- มี บัญชี Cent หรือบัญชี Demo สำหรับฝึกเทรดโดยไม่เสี่ยง
- ระบบหลังบ้านต้องเสถียร เช่น มีพื้นที่จัดการบัญชีบนเว็บ ชัดเจน
- บางโบรกเกอร์มีโปรโมชั่นที่ดูน่าสนใจ แต่แฝงข้อจำกัด เช่น ต้องเทรดครบ 10 Lot ถึงถอนได้ ควรอ่านเงื่อนไขละเอียด
- ระบบ Copy Trade หรือ Social Trading ที่บางโบรกมีให้ ก็ช่วยมือใหม่ได้ ถ้าเลือกตามเทรดเดอร์ที่มีประวัติเทรดยาวนาน
ภาพอธิบายถึงโบรกเกอร์ต่าง ๆ จะต้องมีการกำกับดูแล พร้อมทั้งตรวจสอบใบอนุญาตจากหน่วยงานเหล่านั้นได้ โดย ASIC และ FCA เป็นหน่วยงานอันดับแรก ๆ หรือ จัดอยู่ใน Rank A น่าเชื่อถือสูงมาก
รู้จักประเภทบัญชีเทรดและวิธีเลือกให้เหมาะกับตัวเอง
- บัญชี Cent: เหมาะกับมือใหม่ เพราะความเสี่ยงต่ำ คิดเงินเป็นเซ็นต์
- บัญชี Standard: เทรดเงินจริง Lot ปกติ เหมาะกับคนเริ่มมั่นใจ
- บัญชี Raw Spread หรือ ECN: Spread ต่ำ ค่าคอมชัดเจน เหมาะกับสาย Scalping
- เลือกตามสไตล์การเทรดและเงินทุน ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากบัญชีใหญ่
- แนะนำให้เทรดบัญชี Cent หรือบัญชีเงินน้อยไปก่อน ไม่ใช่เพราะเสี่ยงน้อย แต่เพราะช่วยฝึกความอดทน
- เวลาใช้บัญชีจริง ความรู้สึกจะเปลี่ยนจากตอนเทรด Demo ทันที เพราะ “เงินจริง” มีอารมณ์แทรกเสมอ
แพลตฟอร์มเทรดที่นิยมใช้ และการติดตั้งใช้งานเบื้องต้น
- MetaTrader 4 (MT4): คลาสสิก ใช้ง่าย รองรับทุกโบรกเกอร์
- MetaTrader 5 (MT5): ฟีเจอร์เยอะขึ้น กราฟไหลลื่นกว่า MT4
- cTrader: เหมาะกับสายเทรดมืออาชีพ Interface สะอาด สั่งออเดอร์เร็ว
- ปัจจุบันมี Trading View ที่บางโบรกเกอร์สามารถเทรดบนแพลตฟอร์มนี้ได้เลย
- ติดตั้งได้ทั้งบนมือถือและคอม มีแอปพลิเคชันให้โหลดใน App Store และ Google Play
- เปิดแอปพร้อมทั้งล็อกอินด้วยบัญชีจากโบรกเกอร์ และพร้อมเทรดทันที
ภาพเปรียบเทียบถึงบัญชี Cent /Micro เมื่อเปรียบเทียบกับบัญชีประเภท Standard หรือ Pro แล้ว มีความแตกต่างตามประสบการณ์เทรด แน่นอนเลยว่า บัญชี Pro อาจจะใช้ชื่ออื่น ๆ เช่น Raw Spread หรือ ECN
ศึกษาเรื่อง Lot, Leverage, Margin และวิธีคำนวณ
- Lot: ขนาดของออเดอร์
-
- 1 Lot = 100,000 หน่วย
- Mini Lot = 0.1, Micro Lot = 0.01
- Leverage: ตัวคูณเงินทุน เช่น 1:100 หมายถึง เงิน $100 เทรดได้เหมือนมี $10,000
- Margin: เงินที่ถูกล็อกไว้ตอนเปิดออเดอร์
- Pip: หน่วยวัดความเปลี่ยนแปลงของราคา 1 pip = 0.0001 ในคู่เงินหลัก
- ต้องคำนวณเพื่อบริหารความเสี่ยง ไม่เทรดเกินตัว
- Lot ไม่ได้แปลว่าใหญ่คือดี เล็กคือแย่ แต่ต้องสัมพันธ์กับทุนและแผนเทรด
- Leverage สูงเกินไปจะเหมือนถือระเบิดไว้ในพอร์ต เหมาะกับ Scalper ที่คุมเกมได้
- ควรฝึกใช้เครื่องคิดเลข Margin Calculator ของโบรกเป็นนิสัย จะช่วยให้ไม่เปิดออเดอร์เกินตัว
รูปแบบการเทรดในตลาด Forex มีกี่แบบ
- Scalping: เปิดปิดออเดอร์เร็วในไม่กี่นาที กำไรเล็กแต่บ่อย
- Day Trading: เทรดในวันเดียว ไม่ถือข้ามวัน
- Swing Trading: จับเทรนด์ ถือออเดอร์หลายวันหรือเป็นสัปดาห์
- Position Trading: ถือยาวตามปัจจัยพื้นฐาน ไม่สน Noise รายวัน
- เลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ เช่น ทำงานประจำ อาจเหมาะกับ Swing หรือ Position
- เทรดแบบไหนไม่สำคัญเท่ากับ “รู้หรือยังว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง”
- คนที่ทำ Scalping เก่ง มักจะมีวินัยสูง คุมอารมณ์เก่ง ไม่ใช่แค่เปิดปิดเร็วแล้วกำไร
- ลองทุกแบบแล้วจดบันทึกผลลัพธ์ จะค่อย ๆ รู้ว่าตัวเองควรเป็นเทรดเดอร์แบบไหน
หมายเลข 1 คือ ราคาคู่เงิน Market Watch, หมายเลข 2 คือ หน้าต่างการตั้งค่ากำหนด indicator,หมายเลข 3 คือ Indicator ที่เปิดใช้งาน, หมายเลข 4 คือ กราฟราคา ที่มี indicator ร่วมด้วย, หมายเลข 5 คือ เครื่องมือที่ใช้ในการขีดเขียน ตีเส้น ขยายเข้า-ออก, หมายเลข 6 กรอบเวลาในการเทรด, หมายเลข 7 ราคาปัจจุบันของผลิตภัณฑ์
วิธีวิเคราะห์ตลาด: พื้นฐาน vs เทคนิค
- ก่อนที่จะหาเงินได้จากตลาดนี้ควรเข้าใจพื้นฐาน พร้อมกับ เทคนิคในการวิเคราะห์ตลาดซะก่อน
- ตลาดการเงิน Forex มีหลายปัจจัยมากที่จะทำให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เราคิด
- ทุกการเทรดไม่มีการคาดเดาแบบไม่มีเหตุผล ไม่ใช่การพนัน แต่มันคือการวิเคราะห์จนตกผลึก
- ทุกๆ การเคลื่อนไหวของราคา คือ พฤติกรรมของตลาดที่ให้เราวิเคราะห์
วิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
- ใช้กราฟ ดู แนวรับแนวต้าน อินดิเคเตอร์
- เครื่องมือยอดฮิต
วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
- ติดตามข่าวเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย ตัวเลขจ้างงาน
- ใช้ในคู่เงินที่อ่อนไหวต่อข่าว เช่น USD, JPY
- บางคนใช้ทั้งสองแบบผสมกัน เพื่อให้มุมมองแม่นยำขึ้น
- อย่าติดกับดักเครื่องมือเยอะ แต่ไม่เข้าใจวิธีใช้ เช่น มี RSI, MACD, Stochastic พร้อมกัน แต่ไม่รู้จะฟังเสียงใคร
- บางจุด “Price Action” เพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว เช่น Breakout หรือ Pin Bar
- ข่าวใหญ่ เช่น FOMC หรือ Non-Farm จะเปลี่ยนเทรนด์ในกราฟได้แบบพลิกมือ ต้องระวังถ้าเทรดสั้น
วางแผนการเทรดและการบริหารความเสี่ยง
- วางแผนก่อนเทรดทุกครั้ง ว่าเข้าเพราะอะไร ออกตรงไหน
- ตั้ง Stop Loss และ Take Profit ให้ชัด ไม่ใช้อารมณ์
- เสี่ยงต่อเทรดไม่เกิน 1–2% ของพอร์ต
- ไม่เพิ่มล็อตเพื่อ “เอาคืน” ถ้าแพ้
- เขียน Trading Journal บันทึกทุกออเดอร์เพื่อเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
- การไม่วางแผนเทรด คือแผนที่จะขาดทุนแบบไม่รู้ตัว
- เวลาแพ้ อย่าถามแค่ว่า “แพ้เพราะอะไร” อย่างเดียว แต่ให้ถามด้วยว่า “พอหรือยังที่จะหยุดวันนี้”
- ใครที่ใช้สูตร Risk:Reward 1:2 หรือ 1:3 สม่ำเสมอ จะมีพอร์ตที่นิ่งในระยะยาว แม้จะชนะน้อยกว่าครึ่ง
ฉายา และ รูปแบบของการเทรดในตลาด Forex ถ้าหากว่าคุณชอบการเทรดแบบกำไรระยะสั้น Scalping ก็จะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด แต่ถ้าหากเป็นคนใจเย็น เน้นกำไรก้อนโต การเทรดแบบ Position Trading ก็เยี่ยมไปเลย
เริ่มต้นเทรดด้วยบัญชี Demo ก่อนลงเงินจริง
-
- บัญชี Demo = เงินปลอม ให้ฝึกเทรดได้เหมือนของจริง
- ใช้ฝึกวางแผน เข้าออกออเดอร์ ใช้เครื่องมือ
- ทดสอบระบบเทรดที่ออกแบบไว้ก่อนใช้เงินจริง
- อย่ามองข้าม เพราะ Demo จะช่วยลดโอกาสล้างพอร์ตได้จริง
- ใช้ Demo ให้เหมือนจริงที่สุด อย่าปล่อยออเดอร์มั่วเพราะเป็นเงินปลอม
- ฝึกวางแผนรายวัน ตั้งเป้า Stop/Profit เสมือนจริง เพื่อสร้างวินัยก่อนเทรดบัญชีจริง
- หาก Demo ล้างพอร์ต ยังถือว่า “โชคดี” เพราะยังไม่เสียเงินจริง
- นักเทรดหลายคนมองว่าเสียเวลา แต่การเริ่มต้นอย่างปลอดภัย และ มีความรู้ ยังไงก็อยู่รอดได้ยาวในตลาดนี้
ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักเจอ และวิธีหลีกเลี่ยง
-
- เทรดเยอะเกินไป ไม่รู้จักคำว่า “พอ”
- ไม่ตั้ง Stop Loss ปล่อยให้อารมณ์พาไป
- เลือก Leverage สูงโดยไม่เข้าใจ
- เทรดตามคนอื่น โดยไม่วิเคราะห์เอง
- หลงเชื่อระบบ “สูตรลับ” หรือ “Bot รวยเร็ว” ที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน
- ไม่ควรอิงกับอารมณ์ เช่น แพ้แล้วเพิ่มล็อต หรือกำไรแล้วลืมปิดออเดอร์ แบบนั้นเรียกว่า Overtrade
- วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ: เขียน Check-list ก่อนเทรดทุกครั้ง
- วิธีแก้ให้ฝึกจดบันทึก ฝึกใจให้เย็น เรียนรู้ต่อเนื่อง อย่าหยุดแค่พื้นฐาน
สร้างวินัยการเทรด เพื่อพัฒนาเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ
- ตั้งเวลาเทรด ไม่เทรดมั่วตามอารมณ์
- อ่านกราฟให้เป็น ไม่เน้นเดาสุ่ม
- มองเทรดเป็นธุรกิจ ไม่ใช่การพนัน
- พัฒนาระบบเทรดของตัวเองให้ชัดเจน เข้าใจว่า “ความเสี่ยง” คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
- เน้นเรียนรู้ระยะยาว ไม่ต้องรีบรวย
- วินัยไม่ได้สร้างในวันเดียว แต่เริ่มได้จาก “ยอมรับความผิดพลาด”
- เทรดเดอร์ที่รอดมาได้นาน มักเป็นคนที่แพ้บ่อย แต่แพ้อย่างมีกลยุทธ์
- สร้างกรอบเวลาเทรด เช่น เทรดเฉพาะ 13.00–16.00 เท่านั้น เพื่อไม่ให้ตลาดควบคุมชีวิตเรา
ภาพอธิบายถึงเทรนด์ของกราฟราคา XAU/USD ที่เป็นเทรนด์ใหญ่ขาขึ้น กรอบสีแดงคือ แนวต้าน กรอบสีเขียวคือ แนวรับ เป็นจุดเข้า Buy และ เข้า Sell ตามแผน แน่นอนเลยว่าถ้ากำหนดแผนแบบนี้ รวย! เส้นหมายเลข 1 กับ หมายเลข 2 เป็นแนวที่กำหนดว่าเราจะเทรดในโซนไหน ?
คลิปที่น่าสนใจ
- ขอแนะนำคลิปจากช่อง Lucid Trader อธิบายขั้นตอนง่าย ๆ การเทรด FOREX กับคลิป 4 ขั้นตอน เริ่มเทรด Forex สำหรับมือใหม่
- เลือกโบรกเกอร์ 0:50
- ยืนยันตัวตน 5:55
- โปรแกรมเทรด 7:52
- เลือกสไตล์การเทรด 10:12
สรุป
- ถ้าอยากเป็นหมอ ก็ต้องเรียนตำราหมอ อยากเป็นเทรดเดอร์ก็เช่นเดียวกันครับ ต้องศึกษาพื้นฐานให้เข้าใจแบบตกผลึก
- เลือกโบรกเกอร์ที่ตรงกับสไตล์การเทรด โดยโบรกเกอร์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และ การช่วยเหลือมือใหม่น่าใช้งาน
- ฝึกเทรดในบัญชี Demo ก่อนที่จะลงสนามจริง เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของราคา แล้วจะรู้ว่าตลาดโหดร้าย หรือ ใจดีกับเรามากขนาดไหน
- สร้างแผนในการเทรดอย่างชัดเจน ว่าจะเป็น DayTrader หรือ Scalping แน่นอนเลยว่าจุดนี้คุณเองก็เลือกได้กับการเทรด Forex
- เรื่องสำคัญคือ วินัยในการเทรด มั่นใจในแผน และ ต้องมีการควบคุมอารมณ์ขั้นสูงสุด
- ไม่มีใครเริ่มต้นแล้ว “โปร” ทันที ทุกคนเริ่มจาก Demo ทุกคนเคยล้างพอร์ต หรือ คนอื่นอาจจะไม่เคยแต่ก็นะ
- คนที่อยู่รอดไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ “รู้จักปรับตัว” และ “ไม่ยอมแพ้”
อ้างอิง
- How to Start Forex Trading: https://www.home.saxo/learn/guides/forex/how-to-start-forex-trading
- How To Start Forex Trading: A Guide To Making Money with Forex: How To Start Forex Trading: A Guide To Making Money with FX
- How To Trade Forex?: https://www.avatrade.com/forex/how-to-trade-forex
FAQ — วิธีเทรด Forex เริ่มต้นยังไง เทรดแบบไหนได้บ้าง step-by-step