บทคัดย่อ

  • Pip กับ Point: คือหน่วยนับการเคลื่อนที่ของราคา เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงการใช้คำนวนในการจัดการความเสี่ยง
  • โบรกเกอร์ จุดทศนิยม 4 ตำแหน่งและ 5 ตำแหน่ง: ในตำแหน่งที่ 4 นับเป็น Pip และในตำแหน่งที่ 5 นับเป็น Point หรือจุด
  • วิธีจัดการความเสี่ยงโดยใช้ Point: การความคุมความเสี่ยง โดยใช้ Point ในการคำนวน

Pip กับ Point คืออะไร

Pip กับ Point คือหน่วยนับการเคลื่อนที่ของราคา มักถูกใช้ใน ตลาด Forex และสินค้าโภคภัณฑ์ ใช้เพื่อวัดระยะในการเคลื่อนที่ของแต่ละสกุลเงิน

โดยเป็นพื้นฐานในการจัดการความเสี่ยง เช่น การวัดระยะ SL ควบคุมให้ความเสี่ยงคงอยู่ในระดับที่รับได้ หรือการคำนวนหาเป้ากำไร โดยเข้าใจก่อนว่าทุกการเคลื่อนที่มีมูลค่าเท่าไหร่ และเป้ากำไรอยู่ที่กี่ Pip เพียงเท่านั้น ก็จะทราบผลกำไรล่วงหน้า

ทำไมจะต้องทำความเข้าใจ Pip กับ Point

การคำนวนหรือการวัดระยะ Pip กับ Point เป็นส่วนหนึ่งในการจัดการความเสี่ยง รวมถึงการวัดระยะในการวางแผนการเทรด เป้าทำกำไร ที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุน จะต้องทำความเข้าใจ

ตัวอย่างของความไม่เข้าใจ

ครั้งหนึ่งเคยคิดว่า แค่เปิดปิดออเดอร์ให้ได้กำไรก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงชนะบ่อยครั้ง แต่เงินทุนกลับลดน้อยลง สาเหตุก็เพราะ

  • ชนะตลาด: แม้จะชนะได้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยคำนวนให้เห็นเป็นตัวเลข ได้กำไรเพียงเล็กน้อยก็คิดว่าชนะ
  • แพ้ตลาด: แม้อัตราการแพ้จะน้อย แต่ทุกครั้งที่เสีย กลับเสียในปริมาณมาก ๆ
  • เวลาผ่านไป: ทุนที่มีจะค่อย ๆ น้อยลง แม้อัตราชนะสูง แต่ทุกครั้งที่ชนะเก็บกำไรไดเพียงน้อยนิด แต่เวลาเสีย กลับเสียทุนไปอย่างมากมาย
  • สาเหตุ: เพราะไม่มีการวางแผน และจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

พื้นฐานของการจัดการความเสี่ยง

  • จำกัดความเสี่ยง: กำหนดทุกครั้งก่อนเข้าเทรดว่า จะยอมรับความเสี่ยงอยู่ที่เท่าไหร่ เช่น 1% หรือ 3% แล้วทุกครั้งที่เทรดจะต้องเทรดไม่เกินนี้
    • สมมุติว่ามีทุน 1000 USD ใช้ความเสี่ยง 1% จะเท่ากับ 10 USD โดยทุกครั้งที่เทรด จะใช้ความเสี่ยงไม่เกินนี้
    • นำระยะ SL มาคำนวน เช่น ระยะห่างจากจุดเข้า ไปถึง SL 300 จุด Point คือ 10/300 = 0.03 จะเข้าออเดอร์ได้ไม่เกิน 0.03 Lot
    • แม้ผิดทาง จะเสียไม่เกิน 10 USD เป็นวิธีควบคุมความเสี่ยง กำหนดไว้ไม่เกิน 1%
    • แม้ผิดพลาด ทุนต่ำลง หรือถูกทางเงินทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น การกำหนดความเสี่ยงเช่นนี้ ก็จะยิ่งทวีคูณผลกำไรเช่นกัน คล้ายกับดอกเบี้ยทบต้น แต่นี่คือวิธีทำกำไรทบต้น
  • Risk-Reward Ratio: กฎอีกข้อหนึ่ง หากอยากอยู่ได้และมีกำไรจากสงครามแห่งการลงทุน คือสัดส่วนของกำไร ขาดทุน โดยมีวิธีใช้ง่าย ๆ คือ
    • คาดหวังกำไร มากกว่าความเสี่ยง: ก่อนเข้าเทรดทุกครั้ง ให้ดูความน่าจะเป็นก่อนว่า มีโอกาสได้กำไร มากกว่าความเสี่ยงหรือไม่ เช่น ถ้าเทรดนี้ ดูจากระยะหรือแผนการเทรดแล้ว ถ้าถูกทางจะได้ 100 USD และผิดทางก็จะเสีย 100 USD เช่นกัน เท่ากับว่าผลแพ้ชนะ 50:50 แบบนี้ไม่ควรเทรด แม้จะมีสัญญาณชัดเจนแค่ไหน
    • สาเหตุเพราะ: ตลาด Forex มีขึ้นมีลง แพ้ชนะ 50:50 ก็ไม่ต่างจากการพนัน ที่มีโอกาสแพ้ชนะเท่ากัน
    • ให้มองหาสัญญาณที่: มีโอกาสได้กำไรมากกว่าเสีย ได้ต้องคุ้มเสียเช่น เทรดนี้วิเคราะห์แล้วถ้าได้กำไรจะได้ 100 USD แต่ถ้าแพ้ จะเสียไม่เกิน 50 USD
    • ให้อยู่ภายใต้กฎ 1:2 : ทุกครั้งที่เทรด มีโอกาสได้กำไรมากกว่าขาดทุน 2 เท่าขึ้นไป นับว่าเป็นการเทรดที่คุ้มเสี่ยง เพราะต่อให้วางแผนผิดพลาด Win Rate 50:50 แต่ทุกครั้งที่เทรดได้กำไรมากกว่า 2 เท่า ระยะยาวพอร์ตก็จะโต
    • กฎคือกฎ: ให้ตั้งกฎนี้ไว้ประจำแผนการเทรด ถ้าหากไม่เข้าเงื่อนไข หรือไม่สามารถคาดหวังผลกำไรได้มากกว่า 2 เท่า จะไม่เทรด โดยรอให้ทุกครั้งครบถ้วนสมบูรณ์ จึงจะทำการเข้าเทรด

นอกจากจะต้องควบคุมความเสี่ยง ให้อยู่ในจุดที่พอใจหรือรับได้ และการเพิ่มกฎ Risk-Reward Ratio หรือสัดส่วนของการคาดหวังในการทำกำไรเพิ่มมากขึ้น

ทุกอย่างล้วนมีพื้นฐานมากจาก การวัดระยะและการเข้าใจเรื่องของ Pip เราจะมาเรียนรู้เรื่องนี้โดยละเอียด

Pip แตกต่างจาก Point อย่างไร

ภาพแสดง ข้อแตกต่างระหว่าง Pip และ Point

Pips จะอยู่ในตำแหน่งที่ 5 นับจากซ้ายมือ เช่น 1.35002 ไป 1.35025 จะนับเป็น 2.3 Pips ไม่ใช่ 23 Pips ทั้งนี้ บางโบรกเกอร์อาจจะแสดงราคาในหน่วยทศนิยมเพียง 4 หน่วยทศนิยม

ในปัจจุบัน โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ ได้ปรับจำนวนทศนิยมจาก 4 เป็น 5 และจาก 2 เป็น 3 เพื่อให้นักลงทุนใช้เงินน้อยลงในการลงทุน โดยหน่วยที่เล็กกว่า Pip คือ Points หรือ 1 Pip = 10 Points นั่นเอง

Points เป็นหน่วยที่เล็กกว่า Pips เช่น 1.35002 ไป 1.35025 เท่ากับ 23 points หรือที่หลาย ๆ คนเรียก “จุด”

วิธีนับ Pip และ Point

  • ราคาของ EUR/USD อยู่ที่ 1.10000 เคลื่อนที่ไปเป็น 1.10050 เท่ากับว่าราคาเคลื่อนที่ขึ้นมา 5 Pip หรือ 50 Point หรือเรียกอีกอย่างว่า 50 จุด
  • ราคาของ USD/JPY อยู่ที่ 000 เคลื่อนที่ไปเป้น 132.150 เท่ากับว่าราคาเคลื่อนที่ขึ้นมา 115 Pip หรือ 1150 Point หรือ 1150 จุด

ตำแหน่งของ Pip กับ Point ในสกุลเงิน

ภาพแสดงตำแหน่ง Pip และ Point ในคู่สกุลเงินที่มีจุดทศนิยม 5 ตำแหน่ง และจุดทศนิยมที่มี 3 ตำแหน่ง

สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้นั่นก็คือ…

ticks เป็นหน่วยที่ใช้เรียกสินค้า CFD สำหรับ Forex หน่วยที่ใช้เรียกคือ Pips ต่อการเคลื่อนที่ต่อหน่วย แต่ในส่วนของ CFD จะมีการเคลื่อนที่แตกต่างกัน เช่น ถั่วเหลือง จะเคลื่อนที่ทุก 0.25 เช่น ราคา 500.50 ไป 50.75 เท่ากับ 1 tick

หมายความว่า ในทุก ๆ การเคลื่อนที่ จะไม่ได้เริ่มต้น 1.00001 เหมือนกับสกุลเงิน แต่ สินค้าโภคภัณฑ์ แต่ละสินค้า จะมีการเคลื่อนที่แตกต่างกัน

Pip value คืออะไร

ภาพแสดงความหมายของ Pip Value คือมูลค่าการเคลื่อนที่ของกราฟในแต่ละ Pip มูลค่าขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีที่เลือกใช้ และขนาด Lot

Pip value คือ มูลค่าของการเคลื่อนที่ โดยในทุก ๆ การเคลื่อนที่ จะมีมูลค่าขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีที่เลือกใช้ การเทรดผ่านโบรกเกอร์ในปัจจุบัน โดยแต่ละโบรกเกอร์ จะมีชื่อเรียกประเภทบัญชีและขนาดสัญญาที่แตกต่างกัน แต่โดยหลักแล้ว จะแบ่งบัญชีออกเป็น 3 รูปแบบ

  • Standard: 1 standard lot = 100,000 units of base currency
  • Mini: 1 Mini lot = 10,000 units of base currency
  • Micro: 1 Micro lot = 1,000 units of base currency

units of base currency คือขนาดสัญญาที่เป็นตัวกำหนดมูลค่า เช่น 1 Lot standard ขนาดสัญญาณ 100,000 units of base currency ถ้าจะเทรดโดยใช้บัญชีดังกล่าว จะต้องใช้เงินทุนสูงถึง 100,000 USD โดยประมาณ

มูลค่า Pip

  • บัญชี standard หากราคาเคลื่อนที่ไป 1 Pip จะมีมูลค่า 10 USD
  • ทุก ๆ การเคลื่อนที่ จะมีมูลค่าตามขนาดและประเภทสัญญา
  • อยากรู้เป้ากำไรหรือขาดทุน ให้นำเอาระยะ Pip มาคูณกับมูลค่าของการเคลื่อนที่
    • เช่น ระยะ 20 Pip จากจุดเข้าถึง TP และเปิดออเดอร์ 1 Lot จะมีมูลค่าถึง 200 USD

เครื่องมือคำนวณ Pip

ภาพแสดงเครื่องมือคำนวน Pip เป็นเครื่องมือของทาง myfxbook สามารถเข้าใช้งานได้ฟรี https://www.myfxbook.com/th/forex-calculators/pip-calculator

เครื่องมือคำนวน Pip เครื่องมือหนึ่งที่แนะนำ นั่นก็คือ myfxbook ที่เทรดเดอร์และนำลงทุน สามารถเข้าใช้งานได้ฟรี เพียงเลือกสกุลเงินหลักของบัญชี เลือกขนาดการเทรด และลองใส่ตัวอย่างการเคลื่อนที่ เช่น 1 Pips ก็จะเห็นมูลค่าของแต่ละคู่เงินในแต่ละประเภทบัญชีเช่น ล็อตมาตรฐาน ล็อตมินิ ล็อตไมโคร และราคาของสกุลเงิน และมูลค่า Pip ในทุกการเคลื่อนที่ทุก ๆ 1 Pip ตามที่กำหนดไว้

เป็นเครื่องมือที่ง่าย ใช้เพื่อดูมูลค่าและคาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคา เป็นสิ่งที่ต้องรู้และวางแผนก่อนการเข้าเทรดทุกครั้ง

เทรดแบบไม่สน Pip กับ Point เลยได้ไหม

ภาพแสดงข้อสงสัย ที่เทรดเดอร์หลายคนมองข้าม การคำนวน Pip แม้ว่าจะสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีและเทรดเดอร์มืออาชีพทุกคนไม่ทำ

แน่นอนว่าทำได้ พอร์ตเรา ตังค์เรา จะทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก ถ้าอยากเทรดดีมีกำไร

  • Pip กับ Point: คือการวัดระยะการเคลื่อนที่ ที่สามารถใช้คำนวนหาเป้าทำกำไร หรือจัดการความเสี่ยง ไม่ให้เกินกว่าที่กำหนด
  • แผนการเทรด: ล้วนจะต้องกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่า จะใช้ความเสี่ยงเท่าไหร ตั้ง SL ที่ตรงไหน ระยะเท่าไร มี TP ที่ต้องไหน หากไม่มีเท่ากับว่าเทรดโดยไม่มีการวางแผน
  • ควบคุมความเสี่ยง: วิธีที่ดีที่สุดนั่นก็คือ ไม่ให้ความเสี่ยงเกินกว่าที่กำหนด เช่น กฎ 1% ระยะจะห่าง หรือใกล้ ก็ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง และจุดที่กราฟไม่อาจย้อนกลับคืน
  • ทำความเข้าใจ แต่ละประเภทสินทรัพย์: แต่ละสกุลเงิน หรือแต่ละประเภทสินทรัพย์ ล้วนมีวิธีการนับระยะที่แตกต่างกัน ไม่ใช่นึกจะเทรดอะไรก็ได้ แต่จะต้องทำความเข้าใจกับคู่สกุลเงินนั้น หรือประเภทสินทรัพย์ว่า มีการเคลื่อนที่อย่างไร

พื้นฐานที่สำคัญ ที่จะทำให้เทรดเดอร์อยู่รอดได้ในตลาด Forex จะต้องมาจากการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และส่วนหนึ่งนั่นก็คือ หน่วยในการวัดระยะการเคลื่อนที่ คือเรื่องของ Pip นั่นเอง

คำถามที่พบบ่อย

  • Pip คืออะไร: หน่วยนับการเคลื่อนที่การลงทุน ในตลาด Forex จะใช้นับสกุลเงินในตำแหน่งทศนิยมที่ 4 และที่ 2 หรือ ลับดับที่ 5 เมื่อนับจากซ้ายมือ
  • Point คืออะไร: คือหน่วยที่เล็กกว่า Pip บางคนเรียกว่า “จุด” จะอยู่ในตำแหน่งทศนิยมที่ 5 และที่ 3 ของสกุลเงิน หรือลำดับที่ 6 เมื่อนับจากซ้ายมือ
  • 1 Pip เท่ากับ: เทียบระหว่าง Pip กับ Point เท่ากับ 1 Pip เท่ากับ 10 Point หรือ 10 จุด
  • Pip และ Point ใช้ทำกำไร: วัดระยะการเคลื่อนที่ ที่เป็นพื้นฐานสำหรับการตั้งเป้ากำไรหรือขาดทุน ใช้วางแผนในการกำหนดความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การเทรดเป็นไปอย่างมีระบบ

สรุป

Pip กับ Point คือ หน่วยนับการเคลื่อนที่ของสินทรัพย์ ที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุน จะต้องเข้าใจวิธีการนับ เพื่อนำไปสู่การจัดการความเสี่ยง หรือคำนวนหรือเป้าราคา และทุก ๆ การเคลื่อนที่จะมีมูลค่า ตามหน่วยนับของแต่ละประเภทบัญชี รวมไปถึง Lot size คือขนาดสัญญาที่ทำการเข้าเทรด

โดยทุกเรื่องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน เป็นพื้นฐานที่ เทรดเดอร์ ใช้ในการกำหนดความเสี่ยง ตั้งเป้าทำกำไร วัดผลแพ้ชนะและสัดส่วนในการคาดหวังผลกำไรขาดทุน ใช้ตัวเลขในการคำนวนอย่างเหมาะสม มากกว่าการกำหนดด้วยตาที่ใช้ความรู้สึก

Pip กับ Point จึงเป็นพื้นฐานของการเคลื่อนที่และการคำนวนทั้งหมด ที่เทรดเดอร์และนักลงทุน จะมองข้ามไปไม่ได้ ด้วยประการทั้งปวง

แหล่งอ้างอิงข้อมูล