Interbank Market คืออะไร?

ประวัติและวิวัฒนาการของตลาด Interbank

  • ตลาด Interbank เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อการค้าระหว่างประเทศขยายตัว
  • จากเดิมที่ธนาคารติดต่อกันด้วยระบบโทรศัพท์และเอกสาร เปลี่ยนมาใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และเครือข่ายดิจิทัล
  • ตลาดนี้เติบโตอย่างรวดเร็วพร้อมกับการเปิดเสรีทางการเงินและ การลอยตัวของอัตราแลกเปลี่ยนในปี 1970
  • ปัจจุบันตลาด Interbank เป็นศูนย์กลางการซื้อขายสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ทำไมตลาดนี้ถึงสำคัญต่อระบบการเงินโลก?

  • เป็นแหล่งสภาพคล่องหลักของสกุลเงินโลก ทำให้การซื้อขายเงินตราระหว่างประเทศมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนกลางที่ใช้อ้างอิงใน ตลาด Forex และการทำธุรกรรมการเงินทั่วโลก
  • ช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนข้ามชาติ

ใครคือผู้เล่นหลักในตลาด Interbank?

  • ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ระดับโลก เช่น JPMorgan, Citi, HSBC
  • ธนาคารกลางแต่ละประเทศที่ควบคุมเสถียรภาพระบบการเงิน
  • กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ต้องการบริหารความเสี่ยงหรือเก็งกำไร
  • บริษัทขนาดใหญ่ที่ทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ
  • ผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) ซึ่งช่วยสนับสนุนความต่อเนื่องของตลาด

ภาพแสดงเส้นทางการเคลื่อนไหวของคำสั่งเทรดจากนักลงทุนรายย่อย สู่ตลาด Interbank ผ่านตัวกลาง

โครงสร้างและกลไกการทำงานของ Interbank Market

ระบบ OTC คืออะไร และทำงานอย่างไรในตลาดนี้?

  • OTC (Over-The-Counter) คือรูปแบบการซื้อขายที่ไม่มีตลาดกลางหรือกระดานซื้อขายหลักทรัพย์
  • ธนาคารจะทำธุรกรรมซื้อขายโดยตรงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือโทรศัพท์
  • ความยืดหยุ่นสูง เพราะราคาสามารถเจรจาต่อรองกันได้ตามความต้องการของคู่สัญญา
  • มีการบันทึกธุรกรรมและชำระเงินผ่านระบบสากล เช่น SWIFT

บทบาทของเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อธนาคาร

  • เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยให้การติดต่อซื้อขายระหว่างธนาคารรวดเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาด
  • ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น EBS และ Reuters เป็นแพลตฟอร์มหลักในการเสนอราคาและจับคู่คำสั่ง
  • การใช้ AI และ Machine Learning ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์
  • ระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและระบบป้องกันการโจมตีไซเบอร์

วิธีการตั้งราคาและการเจรจาต่อรองระหว่างธนาคาร

  • ธนาคารเสนอราคา Bid (ซื้อ) และ Ask (ขาย) ตามความต้องการและสภาพคล่องที่มี
  • ราคาจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานสกุลเงินในช่วงเวลานั้น
  • การเจรจาต่อรองจะพิจารณาถึงปัจจัยเศรษฐกิจ ข่าวสาร และนโยบายการเงิน
  • การตั้งราคาแบบ Real-time ทำให้ตลาดมีความโปร่งใสและตอบสนองต่อเหตุการณ์โลกทันที

ประเภทของธุรกรรมใน Interbank Market

FX Trading กับการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร

  • การแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างธนาคารเพื่อใช้ในการชำระเงินระหว่างประเทศ
  • ธนาคารใช้ตลาดนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging)
  • เทรดเดอร์ ในธนาคารทำหน้าที่เก็งกำไรหรือบริหารพอร์ตเพื่อเพิ่มรายได้
  • ธุรกรรม FX มีทั้ง Spot (ซื้อขายทันที) และ Forward (ซื้อขายล่วงหน้า)

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าและอนุพันธ์ทางการเงินในตลาด

  • Forward Contracts: ข้อตกลงซื้อขายสกุลเงินในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันที่กำหนด
  • Swaps: การแลกเปลี่ยนเงินตราหรืออัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยง
  • Options: สิทธิในการซื้อหรือขายสกุลเงินในอนาคตโดยไม่บังคับ
  • ใช้สำหรับบริหารความเสี่ยงและเก็งกำไรในตลาด

ธุรกรรมเงินกู้ระยะสั้นและการจัดการสภาพคล่อง

  • ธนาคารให้กู้ยืมระยะสั้นระหว่างกันเพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบ
  • ธุรกรรม Overnight และ Term Deposits เป็นตัวอย่างของเงินกู้ระยะสั้นในตลาด
  • ช่วยให้ธนาคารบริหารเงินทุนหมุนเวียนและตอบสนองต่อความต้องการเงินสดฉุกเฉินได้

บทบาทของธนาคารกลางและสถาบันการเงินในตลาด Interbank

กลยุทธ์ของธนาคารกลางในการรักษาเสถียรภาพ

  • การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบ
  • การเข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อคุมค่าเงินให้เสถียร
  • การปล่อยสินเชื่อระยะสั้นแก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อเสริมสภาพคล่อง
  • การใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เช่น การซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล

ธนาคารพาณิชย์กับการเป็นผู้ให้สภาพคล่อง

  • ให้บริการซื้อขายสกุลเงินแก่ลูกค้าและในตลาด Interbank
  • เสนอราคาซื้อ-ขายเพื่อให้ตลาดมีความต่อเนื่องและสภาพคล่องสูง
  • บริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตและตลาดของตนเอง

ความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางในวิกฤตการณ์ทางการเงิน

  • การร่วมมือกันระหว่างธนาคารกลางเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์
  • ตัวอย่างเช่น การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (Currency Swap Lines)
  • การประสานนโยบายการเงินและการสนับสนุนสภาพคล่องระหว่างประเทศ

ภาพแสดงการเปรียบเทียบระหว่าง Interbank Market กับ Money Market ซึ่งมีความต่างกันในด้าน วัตถุประสงค์,ผู้เล่นหลัก

ผลกระทบของ Interbank Market ต่อเศรษฐกิจโลก

อัตราแลกเปลี่ยนกับการค้าระหว่างประเทศ

  • อัตราแลกเปลี่ยนส่งผลโดยตรงต่อราคาสินค้าและบริการระหว่างประเทศ
  • ค่าเงินที่แข็งหรืออ่อนจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
  • ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออกต้องบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

ผลกระทบต่อตลาดทุนและการลงทุนทั่วโลก

  • การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุน
  • ตลาดหุ้นและพันธบัตรได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนในอัตราแลกเปลี่ยน
  • ตลาด Interbank ช่วยให้เกิดสภาพคล่องและลดความผันผวนของตลาดทุน

บทบาทของตลาด Interbank ในวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ

  • ตลาดนี้เป็นช่องทางในการกระจายและบริหารความเสี่ยงในระบบการเงิน
  • ในวิกฤตการณ์ตลาด Interbank อาจเผชิญความตึงเครียดและสภาพคล่องลดลง
  • ธนาคารกลางและรัฐบาลมักจะใช้มาตรการช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูความมั่นใจ

ความเสี่ยงและข้อจำกัดในการทำธุรกรรมใน Interbank Market

วิเคราะห์ความเสี่ยงเครดิตและวิธีบริหารจัดการ

  • ความเสี่ยงที่คู่สัญญาไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อตกลงได้
  • ธนาคารใช้ระบบประเมินเครดิต (Credit Scoring) และการตั้งวงเงินเครดิต
  • การทำประกันความเสี่ยง เช่น Credit Default Swap (CDS)

ความท้าทายของสภาพคล่องในช่วงวิกฤต

  • สภาพคล่องในตลาดอาจลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงความไม่แน่นอน
  • ผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อขายและราคาสินทรัพย์
  • ธนาคารกลางเข้ามาช่วยเติมสภาพคล่องผ่านนโยบายการเงินผ่อนคลาย

ผลกระทบของความผันผวนต่อผู้เล่นในตลาด

  • ความผันผวนสูงทำให้เกิดความเสี่ยงในการทำกำไรและขาดทุน
  • ต้องมีระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง
  • นักลงทุนรายย่อยอาจได้รับผลกระทบมากกว่าสถาบัน

เทคโนโลยีและแนวโน้มอนาคตของตลาด Interbank

AI และ Machine Learning กับการซื้อขายอัตโนมัติ

  • ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคา
  • Machine Learning ช่วยปรับกลยุทธ์ซื้อขายตามสภาพตลาดแบบเรียลไทม์
  • ลดข้อผิดพลาดจากการตัดสินใจของมนุษย์และเพิ่มความแม่นยำ

Blockchain: โอกาสและความท้าทายในตลาด Interbank

  • Blockchain ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดต้นทุนในการทำธุรกรรม
  • การใช้ Distributed Ledger Technology (DLT) ในการชำระเงินและทำสัญญาอัจฉริยะ
  • ความท้าทายเรื่องมาตรฐาน กฎระเบียบ และการยอมรับจากสถาบันการเงิน

ระบบชำระเงินข้ามประเทศยุคใหม่

  • การพัฒนาระบบ Payment Hub ที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น
  • การร่วมมือระหว่างธนาคารกลางเพื่อเชื่อมต่อระบบชำระเงินทั่วโลก
  • เทคโนโลยี Real-Time Gross Settlement (RTGS) ที่ลดเวลาการโอนเงิน

ภาพแสดงถึงเทคโนโลยี กับ แนวโน้มในอนาคตตของ Interbank ที่จะใช้ AI กับ ระบบ Blockchain มาช่วยในเรื่องของความโปร่งใส และ ธุรกรรมทางการเงิน

แนวทางการใช้งาน Interbank Market สำหรับนักลงทุน

วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อมกับ Interbank Market

เทคนิคการบริหารความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนรายย่อย

  • กำหนดขนาดการลงทุนและการตั้ง Stop Loss ให้เหมาะสม
  • ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดอย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เช่น Options หรือ Hedging

การติดตามข่าวสารและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร

  • ใช้บริการข่าวสารจากแหล่งข้อมูลเชื่อถือได้ เช่น Reuters, Bloomberg
  • เรียนรู้และทดลองใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ตลาดใหม่ ๆ
  • ปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสถานการณ์และข้อมูลล่าสุด

กลไกการตั้งราคาและการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนใน Interbank Market

Bid-Ask Spread คืออะไร และสำคัญอย่างไร

  • Bid คือราคาที่ตลาดยินดีซื้อสกุลเงินนั้น
  • Ask คือราคาที่ตลาดยินดีขายสกุลเงินนั้น
  • ส่วนต่าง Bid-Ask คือค่าธรรมเนียมที่ตลาดหรือผู้ให้บริการเรียกเก็บ
  • Spread แคบแสดงถึงสภาพคล่องสูงและต้นทุนต่ำ

WM/Reuters Fixing กับมาตรฐานราคาโลก

  • เป็นอัตราแลกเปลี่ยนกลางที่ใช้กันทั่วโลกสำหรับธุรกรรมทางการเงิน
  • คำนวณจากราคาที่ธนาคารใหญ่ ๆ เสนอในช่วงเวลาหนึ่งของวัน
  • ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงในการกำหนดราคาและการรายงานผล

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา

  • ข่าวเศรษฐกิจ เช่น GDP, การจ้างงาน, ดัชนีราคา
  • นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
  • เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางการเมือง
  • สภาพคล่องและความต้องการของตลาด

ภาพแสดงถึงนโยบายการป้องกันการฟอกเงิน หรือ นโยบาย AML แน่นอนเลยว่าก่อนที่จะสมัครโบรกเกอร์ ทุกคนจะต้องยืนยันตัวตน แจ้งที่มาที่ไปของรายได้ 

ความสำคัญของสภาพคล่อง (Liquidity) ใน Interbank Market

ผู้ให้สภาพคล่องหลักในตลาดคือใคร

  • ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่และสถาบันการเงินระดับโลก
  • กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้เล่นรายใหญ่ที่มีทุนมหาศาล
  • ผู้ให้บริการสภาพคล่องเฉพาะทาง (Liquidity Providers)

ช่วงเวลาที่สภาพคล่องต่ำและผลกระทบต่อราคา

  • เวลานอกชั่วโมงทำการตลาดหลัก เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือช่วงกลางคืน
  • ช่วงวิกฤตการณ์หรือข่าวร้ายที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง
  • ส่งผลให้ Bid-Ask Spread กว้างขึ้นและความผันผวนสูง

สภาพคล่องกับต้นทุนการเทรด

  • สภาพคล่องสูงทำให้การซื้อขายรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ
  • สภาพคล่องต่ำเพิ่มความเสี่ยงและต้นทุนในการเข้าออกตลาด
  • นักลงทุนควรเลือกช่วงเวลาที่สภาพคล่องดีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

กฎระเบียบและการกำกับดูแลใน Interbank Market

Basel III และผลกระทบต่อธนาคารในตลาด

  • มาตรฐานความมั่นคงทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น
  • ธนาคารต้องรักษาสัดส่วนเงินทุนสำรองเพื่อรับมือความเสี่ยง
  • ส่งผลต่อความสามารถในการให้กู้และทำธุรกรรมในตลาด

นโยบายป้องกันการฟอกเงิน (AML) ในตลาด Interbank

  • ธนาคารต้องตรวจสอบที่มาของเงินและรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย
  • การใช้เทคโนโลยีช่วยติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมทางการเงิน
  • ส่งเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของระบบการเงิน

ความโปร่งใสและการรายงานข้อมูลในตลาด

  • การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมและความเสี่ยง
  • ระบบรายงานและตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตและความผิดปกติ
  • หน่วยงานกำกับดูแลติดตามและปรับปรุงกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง

บทบาทของ Interbank Market ในการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน

การใช้สัญญา Forward และ Swap เพื่อลดความเสี่ยง

  • Forward ช่วยล็อกราคาสกุลเงินในอนาคต ลดความผันผวนที่ไม่คาดคิด
  • Swap ช่วยแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหรือสกุลเงินตามความต้องการ
  • เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk)

การบริหารสภาพคล่องผ่านตลาด Interbank

  • ธนาคารใช้ตลาดนี้เพื่อเติมเงินสดหรือปล่อยกู้ชั่วคราว
  • บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพและไม่ขาดสภาพคล่อง
  • ช่วยป้องกันปัญหาการชำระเงินล่าช้าหรือวิกฤตสภาพคล่อง

เสถียรภาพของระบบการเงินผ่านการบริหารความเสี่ยง

  • การบริหารความเสี่ยงที่ดีช่วยลดโอกาสล้มละลายของธนาคาร
  • สร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนและประชาชน
  • ส่งเสริมเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของระบบเศรษฐกิจโดยรวม

Interbank Market มีบทบาทในการเข้าแทรกแซงราคา Bid-Ask หรือ Sell-Buy ตามหมายเลข 1 ซึ่งจะมีระยะห่างที่เรียกว่าค่า สเปรด ต่างกัน ส่วนหมายเลข 2 คือ ราคาที่ร่วงอย่างรุนแรงในช่วงนั้นอาจจะเป็นเพราะข่าวเศรษฐกิจ หรือ ปัจจัยอื่น 

คลิปที่น่าสนใจ

สำหรับในบทความนี้ ขอแนะนำวิดีโอนี้เจาะลึกการทำงานของตลาด Interbank และตลาด Money Market พร้อมชี้ให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างสองตลาดสำคัญนี้  กับ Interbank Market vs Money Market

สรุป

Interbank Market คือเวทีหลักที่ธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลกทำการซื้อขายเงินตราอย่างแท้จริง เบื้องหลังทุกกราฟและการเคลื่อนไหวของราคาใน ตลาด Forex คือกิจกรรมที่เกิดขึ้นในตลาดนี้อย่างแท้จริง การเข้าใจกลไกและการทำงานของ Interbank Market จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของเกมการเทรดได้ชัดเจนขึ้น และไม่หลงไปกับสัญญาณบนกราฟเพียงอย่างเดียว

อ้างอิง: 

FAQ — สรุปภาพรวม Interbank Market จุดศูนย์รวมธุรกรรมการเงินโลก

ถ้าไม่มี Interbank Market โลกการเงินที่เราเห็นในปัจจุบันก็น่าจะล่มสลายได้เลย เพราะส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วนแน่นอน ไม่ใช่แค่กับพวกเทรดเดอร์ด้วย ที่ได้รับผลกระทบทันทีคือการค้าระหว่างประเทศ ที่ต้องหยุดชะงัก ราคาสินค้านำเข้าทุกอย่างพุ่งสูงขึ้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่อมาตลาด Forex ก็จะไร้ศูนย์กลาง หรืออาจถึงขั้นล่มสลาย จะไม่มีมาตรฐานโลกไว้อ้างอิง เกิดความโกลาหล ค่าเงินจะผันผวนอย่างรุนแรง และธนาคารก็จะจัดการอะไรที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศได้ยากมาก ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ตั้งแต่สินเชื่อบ้านไปจนถึงบัตรเครดิต สรุปได้อย่างเดียวว่าวุ่นวายแบบที่ทั้งโลกนี้ไม่เคยเจอแน่นอน

พวก Prop Trader หรือเทรดเดอร์ที่ทำงานให้สถาบันใหญ่ๆ มีข้อได้เปรียบที่ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุนหรือความเร็ว แต่คือ การเข้าถึงข้อมูล + Order Flow โดยเฉพาะในตลาด OTC อย่าง Forex หรือ Bond ที่เทรดเดอร์ในธนาคารใหญ่ จะเห็นคำสั่งซื้อ/ขาย ขนาดมหาศาลของลูกค้าองค์กรก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด เห็นกระแสตลาดแบบ real time แต่รายย่อยอย่างเรา ๆ ทำได้แค่รอเห็นผลลัพธ์ของกระแสตลาดบนกราฟราคา พูดง่าย ๆ คือ รายย่อยได้แค่ตาม แต่พวกวงในได้สร้าง
ตลาดนี้ไม่มีคน ๆ เดียวที่ขึ้นมามีอำนาจสูงสุด ทั้งหมดถูกควบคุมโดยเครือข่ายที่ทับซ้อนกันอยู่ มีตัวหลักคือ ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ที่จะกำกับดูแลธนาคารในประเทศตัวเอง และมีมาตรฐานสากล อย่าง Basel III ที่ธนาคารทั่วโลกต้องปฏิบัติตาม เพื่อควบคุมความเสี่ยงด้านเงินทุน นอกจากนี้ยังมีกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) ที่ทุกสถาบันต้องบังคับใช้ มันคือระบบที่พึ่งพาการกำกับดูแลตัวเองและการปฏิบัติตามกฎสากลร่วมกัน
ที่ควรรู้จักต้นตอก็เพราะ มันจะเปลี่ยนจากการมองกราฟแล้วเห็นเป็นแค่เส้นๆหรือแท่งเทียน แต่จะมองให้เห็นเป็นสนามรบของยักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง และถ้ามองให้ลึกมากพอ ก็จะทำให้เลิกเชื่อในสูตรโผยลับ, Holy Grail, หรืออินดิเคเตอร์วิเศษไปเลย เพราะมันชัดเจนว่าราคาเคลื่อนไหวจาก demand & supply ที่แท้จริงของสถาบันการเงิน และเรา ๆ ที่เป็นแค่รายย่อยตัวเล็ก ๆ ยิ่งต้องเคารพความเสี่ยงมากขึ้น แล้วหันมาให้ความสำคัญกับภาพใหญ่ จากนโยบายของธนาคารกลางและกระแสเงินทุน ที่ค่อยขับเคลื่อนตลาดอย่างแท้จริง
“ไม่มี” โบรกเกอร์ไหนที่ให้รายย่อยเทรดในราคา Interbank จริง ๆ ได้ เพราะโบรกเกอร์ก็ต้องทำธุรกิจและมีกำไร จะมีก็แต่โบรกเกอร์ที่โฆษณาว่าให้ราคาใกล้เคียงที่สุด เช่น พวกบัญชีประเภท “ECN” หรือ “Raw Spread” ที่โบรกเกอร์รับราคามาจาก Liquidity Provider (ที่เชื่อมกับ Interbank) แล้วบวกส่วนต่าง (Markup) น้อยมาก ซึ่งบัญชีพวกนี้ สเปรดจะแคบมาก แต่จะมี ค่าคอมมิชชั่นแทน โดยรวมนี่คือรูปแบบบัญชีที่โปร่งใสมาก เพราะเราจะเห็นต้นทุนที่แท้จริงเลย และควรหลีกเลี่ยงพวก Fixed Spread เพราะโบรกเกอร์ที่เสนอสเปรดคงที่ตลอดเวลา ก็จะเป็นโบรกเกอร์ประเภท Market Maker ที่ไม่ได้ส่งคำสั่งเข้าตลาดจริง แต่รับไว้กินเอง

 

เขียนโดย

Rattapoom Jitjaroen

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon