รีวิวโบรกเกอร์ Avatrade วิเคราะห์ภาพรวมทุกด้าน

เทรดคู่เงิน Forex

• ต้นทุนสูงเแพงกว่าเฉลี่ยตลาด 30-80% โดยเฉพาะคู่เงินหลักอย่าง EURUSD (13 USD/Lot) และ GBPUSD (20.04 USD/Lot) เฉลี่ยตลาดแค่ 3 – 11.04 USD/Lot แถมมีบัญชีให้เลือกแค่อย่างเดียว

เทรดทอง

• ต้นทุนแพงกว่าเฉลี่ยตลาด 50% ต้นทุนอยู่ที่ 30.34 USD/Lot เฉลี่ยตลาดอยู่แค่ 20 USD/Lot แพงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดไปกว่า 50%
• ค่า Swap ฝั่ง Short ติดลบหนัก -80 USD ต่อ Lot ต่อคืน แต่ฝั่ง Long ได้บวก 24.80 USD

เทรดคริปโตเคอเรนซี

• “เทรดไม่ได้” หน้าเว็บโชว์ว่ามีคริปโตให้เทรด แต่ในแพลตฟอร์มจริงคือเทรดไม่ได้

เทรดข่าว

• ทดสอบเทรดข่าว CPI
• ความเร็วเปิดออเดอร์ช้าลงช่วงข่าวออก
  • ก่อนข่าวออก ความเร็วอยู่ 550 ms (~550 วินาที)
  • ตอนข่าวออก ความเร็วเป็น 660 ms (~660 วินาที)
• 🚩สเปรดถ่าง 5 เท่า! ก่อนข่าวออก Spread อยู่ 30 pips แต่พอข่าวประกาศ Spread ถ่างไปได้ถึง 151 pips
• 7 นาทีกว่า Spread ถึงจะกลับมาเป็นปกติ ภาพรวมแบบนี้คือ “ไม่เหมาะกับเทรดข่าว และเสี่ยงมาก” ต่อให้ทายทิศทางข่าวถูก ก็อาจจะไม่ได้กำไรหรือขาดทุนด้วยซ้ำ

ความลื่นไหลในการเทรด (ภาวะปกติ)

• ความเร็วในการเปิด-ปิดออเดอร์อยู่ที่ประมาณ 550 ms ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้เร็ว สำหรับ Swing Trade ก็อาจจะพอรับได้ แต่สำหรับ Day Trader หรือ Scalper ความเร็วระดับนี้ถือว่าค่อนข้างช้า
• ส่วนเรื่อง Re-quotes, Delay หรือคำสั่งค้าง จากการทดสอบยังไม่เจอปัญหานี้

สรุป AvaTrade เทรดดีไหม?

สำหรับรายย่อยทั่วไป คือ “ไม่ดี และไม่น่าใช้” ต้นทุนแพง ไม่มีซัพพอร์ตไทย ตัวเลือกบัญชีน้อย ไม่มีโบนัส แต่ถ้าเป็น มืออาชีพที่ต้องการใช้ “Options” จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะแพลตฟอร์ม AvaOptions ของดีของเด็ดที่หาจากที่อื่นไม่ได้จริงๆ

• เหมาะกับ
  • เทรดเดอร์มืออาชีพต้องการเทรด Options กลุ่มเดียวที่อาจจะได้ประโยชน์จาก AvaTrade เพราะมีแพลตฟอร์มหาคู่แข่งได้ยาก
  • ต้องการโบรกเก่าแก่ และมี License Tier-1 ค้ำ (แม้ตัวเองจะไม่ได้ใช้) ถ้าให้ความสำคัญกับความมั่นคงของโบรกเกอร์เป็นอันดับหนึ่ง ยอมจ่ายค่า Spread ที่แพงกว่าเพื่อแลกกับการที่เงินอยู่กับบริษัทที่เปิดมานานและมี License ระดับโลกค้ำคออยู่ AvaTrade ก็อาจจะเป็นคำตอบ
• ไม่เหมาะกับ
  • มือใหม่ ไม่มีซัพพอร์ตไทย แถมไม่มีบัญชี Cent ทำให้การเริ่มต้น และเวลาเกิดปัญหาจะค่อนข้างยุ่งยาก และสื่อสารลำบาก
  • สาย Forex และทองคำเป็นหลัก ต้นทุนสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดมาก ทำให้เก็บกำไรได้ยากในระยะยาว โดยเฉพาะสาย Scalping และ Day Trade
  • สายเทรดข่าว Spread ถ่างโหด และ Execution ช้าจะทำให้เสียเปรียบมาก
  • สายเทรดคริปโต เพราะมันเทรดไม่ได้!
  • ต้องการโบนัส หรือโปรโมชั่น ที่ AvaTrade ไม่มีอะไรโบนัสอะไรเลย ทั้งเงินฝาก หรือเงินเทรด

• วันที่ทดสอบเทรด = 11/06/2025
  
• ข่าวที่ทดสอบเทรด = Core CPI m/m, CPI m/m, CPI m/m
  
• ความเร็วการเปิดออเดอร์ก่อนข่าวออก = 555.888 มิลลิวินาที
  
• สเปรดก่อนข่าวออก = 30 จุด
  
• ความเร็วการเปิดออเดอร์ตอนข่าวออก = 666.379 มิลลิวินาที
  
• สเปรดที่กว้างที่สุดหลังข่าวออก = 151 จุด
  
• ระยะเวลาที่สเปรดกลับมาจุดเดิม = 7 นาที
  
• จำนวนครั้งที่ปฎิเสธออเดอร์ตอนเทรดข่าว = 0
  

จากการทดสอบเทรดทองคำชนกับข่าว Core CPI m/m, CPI m/m, CPI m/m พบว่าความเร็วการเทรดค่อนข้างช้าเลย มีความเร็วการเทรดอยู่ประมาณ 0.5-0.6 วินาที ซึ่งอาจจะดูไม่เยอะ แต่ว่ามันรู้สึกได้ และในช่วงเวลาที่เทรดเร็วๆอย่างช่วงเทรดข่าว จะรู้สึกว่าหน่วงได้ชัดเจนเลย นอกจากนี้ในเรื่องของสเปรด ก็ถ่างออกไปจากช่วงเวลาปกติถึง 5 เท่า ดังนั้นจากที่ทดสอบมานี้บอกได้เลยว่า โบรกเกอร์นี้ไม่เหมาะกับการเทรดชนข่าว

• การฝากเงิน สะดวก รวดเร็ว ผ่าน QR Code รองรับ PromptPay QR Code ขั้นต่ำ 100 USD เงินเข้าพอร์ตแทบจะทันที ไม่เสียค่าธรรมเนียม ถือว่าสะดวก
• การถอนเงิน เข้าบัญชีธนาคารไทยได้ แต่หน้าเว็บไม่มีระบุวงเงินถอนขั้นต่ำหรือสูงสุด ถามซัพพอร์ตก็ไม่ได้คำตอบ
• ถอนช่วงเช้ามีโอกาสได้เงินภายในวันเดียวกัน แต่ถ้าถอนช่วงบ่าย อาจต้องรอถึงวันทำการถัดไป
  • ทดสอบถอนครั้งแรกช่วงบ่าย ใช้เวลาประมาณ 1 วันกับอีก 1 ชั่วโมง เงินถึงจะเข้าบัญชี
  • ทดสอบถอนครั้งที่สอง ลองตอนเช้า เงินเข้าบัญชีตอนเย็นวันเดียวกัน ใช้เวลาไป 8 ชั่วโมง 44 นาที
• เรทฝากถอน ประมาณ -3.40% ค่าธรรมเนียมแฝงโหดมาก คิดง่ายๆ ทุกครั้งที่ฝากเงิน 100,000 บาท แล้วถอนออกทันทีโดยที่ยังไม่ได้เทรด เงินจะหายไปประมาณ 3,000 บาท
• ทำรายการวันเสาร์-อาทิตย์ได้ แต่เงินเข้าวันจันทร์
• ไม่มีช่องทางฝากด้วยคริปโต

• 🚩ไม่มีซัพพอร์ตคนไทย ไม่ว่าจะ Live Chat หรือ Email ต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ถือเป็นอุปสรรคใหญ่ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อาจจะมีคำถามหรือปัญหาที่ซับซ้อน และต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน
• Live Chat ต้องผ่านบอทก่อน แถมช่วยอะไรไม่ได้มาก ต้องพยายามคลิกไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้คุยกับคนจริงๆ
  • เจอปุ่มคุยกับเจ้าหน้าที่แล้ว แต่… “อยู่นอกเวลาทำการ” ทั้งๆ ที่เป็นเวลาทำงานปกติ สุดท้ายระบบก็ให้ทิ้งข้อความไว้แล้วจะติดต่อกลับทาง Email ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการส่ง Email ตั้งแต่แรก
• Email ตอบช้ามาก รอไป 3 ชั่วโมงครึ่ง คำตอบก็ไม่ได้ตอบเป็นข้อๆ ตามที่ถาม เขียนมาเป็นพารากราฟยาวๆ ต้องมานั่งอ่านและตีความเอง แถมยังตอบไม่ครบ โดยรวมถือว่าซัพพอร์ตแย่มากๆ

• หน้าตาเรียบๆ แต่ข้อมูลดูยาก แถมบางข้อมูลที่โชว์ไม่มีจริงด้วย
  • รายละเอียดประเภทบัญชี, เงื่อนไขการเทรด (Leverage, Margin Call, Stop Out) หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ไม่มีหน้าสรุป ต้องเข้าไปดูในหลายๆ หน้า หรือบางทีก็ต้องไปหาในไฟล์ PDF
  • บางข้อมูลก็เกินจริง อย่างหน้าเว็ปโชว์คริปโตด้วย แต่พอไปเทรดจริงดันไม่มีซะงั้น
• มีหน้าสำหรับภาษาไทย แต่เนื้อหาไม่สมบูรณ์ บางครั้งคลิกไปที่ลิงก์ ระบบพากลับไปหน้าเว็บไซต์ Global ที่เป็นภาษาอังกฤษ แถมบางข้อมูลบางอย่างในเว็บไทยก็ไม่อัปเดตเท่ากับเว็บหลัก
• เปิดเผยข้อมูลด้านกฎระเบียบดี ข้อมูลใบอนุญาตและการกำกับดูแลมีลิงก์เข้าไปตรวจสอบกับหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรงได้

คะแนนจากแหล่งรีวิวหลัก

• Trustpilot – 4.7/5 จาก 10,384 รีวิว ถือว่าสูงมาก แต่พอลองเข้าไปอ่านรีวิวจะเจอว่ารีวิวดีๆ ส่วนใหญ่มักจะมาจากลูกค้าในโซนยุโรป และคำชมส่วนใหญ่มักจะพุ่งเป้าไปที่ “การบริการลูกค้า”
  • แตกต่างจากที่เราเจอมาก หรือโบรกมีบริการ 2 มาตรฐาน? คือบริการลูกค้าในเขตที่ตัวเองมี License เข้มงวดอย่างดี แต่ไม่สนลูกค้าในเขต Offshore อย่างเรา?
• ForexPeaceArmy – 1.8/5 จาก 470 รีวิว กลับกัน FPA ถูกถล่มยับ ซึ่งเป็นคะแนนที่ต่ำมากสำหรับโบรกเกอร์ขนาดใหญ่นี้ ส่วนใหญ่คือปัญหาการถอนเงิน ตั้งแต่ถอนช้าผิดปกติ ปฏิเสธการถอนกำไร ไปจนถึงการบล็อกบัญชีหลังจากที่ลูกค้าทำกำไรได้มากๆ

• มีบริการผ่านแอปชื่อ “AvaSocial”
  • ต้องโหลดแอปแยกจากแอปเทรดหลัก แล้วเชื่อมบัญชี MT4/MT5 เข้าไป ขั้นตอนอาจยุ่งยากนิดหน่อยสำหรับมือใหม่ แต่ระบบเหมือนของ ICMarkets ถ้าเคยใช้ของ ICMarkets จะคุ้น
  • มีนักเทรดต้นแบบให้เลือกติดตามค่อนข้างเยอะ จากข้อมูลที่เจอคือมี มากกว่า 3,500 คน ทำให้เรามีตัวเลือกที่หลากหลาย
  • ตัวแอปแสดงข้อมูลพื้นฐานของต้นแบบแต่ละคน เช่น ผลตอบแทน, ระดับความเสี่ยง, จำนวนผู้ติดตาม
  • แต่ข้อมูลสถิติที่ให้มายังค่อนข้างน้อย ทำให้การวิเคราะห์เพื่อเลือกต้นแบบที่เก่งจริงๆ ทำได้ค่อนข้างลำบาก
• รองรับเชื่อมกับแพลตฟอร์ม 3rd party อย่าง ZuluTrade และ DupliTrade ได้ด้วย
  • แพลตฟอร์มพวกนี้มีระบบการคัดกรองและแสดงสถิติของมาสเตอร์ที่ละเอียดและเป็นมาตรฐานมากกว่า AvaSocial มาก ทำให้เราสามารถวิเคราะห์และเลือกติดตามคนที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของเราได้ดีกว่า

• ไม่มีบริการ VPS ฟรี (หรือแบบเสียเงิน) ให้บริการ

• ผู้ติดตามเพจ Facebook ไทย: ไม่มี
• ผู้ติดตาม IG ไทย: 5 คน
• ผู้ติดตาม Youtube ไทย: ไม่มี
• ยอดดาวน์โหลด แอปบนมือถือ: มากกว่า 1,000,000 ครั้ง

สำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ AvaTrade “ไม่น่าใช้เลย” ต้นทุนเทรดแพงกว่าเฉลี่ยตลาดเยอะ ไม่มีซัพพอร์ตไทย แถมที่มีก็ติดต่อยาก เงื่อนไขหลายๆ ก็เอาเปรียบ แค่เรื่องพื้นฐานพวกนี้ก็พึ่งพาไม่ได้แล้ว ไม่คุ้มที่จะเอาเงินไปเทรดด้วยเลย แต่ถ้าคุณมีประสบการณ์ และไม่แคร์เรื่องต้นทุน แต่มองหาความน่าเชื่อถือ และเครื่องมืออย่าง “Options” นี่ก็อาจะเป็นอีกตัวเลือกที่หาได้ยากในตลาดนี้

จุดเด่น

• ความน่าเชื่อถือ ประวัติยาวนาน มีใบอนุญาตชั้นนำ ทีมผู้บริหารโปร่งใส ถ้าคุณกังวลเรื่องโบรกปิดหนี AvaTrade คือหนึ่งในตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
• สัญญา Options ถือเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับคนที่ต้องการใช้เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง แต่สำหรับเทรดเดอร์รายย่อยที่เทรดแค่ Forex และทองคำ ข้อดีข้อนี้ก็แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย

จุดด้อย

• Spread สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด สินทรัพย์ยอดนิยมแพงกว่าตลาด 30-80% ต้นทุนกินกำไรแบบนี้ จะเทรดทำกำไรในระยะยาวเป็นเรื่องที่ยากมาก
• มีแค่บัญชีเดียวให้เลือก ไม่มีบัญชี Cent สำหรับมือใหม่ หรือบัญชี ECN/STP อะไรเลย ทำให้ขาดตัวเลือกในการเทรด แถมตอกย้ำว่าโบรกไม่ได้คิดจะแข่งขันในเรื่องของราคาเลย
• การบริการเหมือนถูกทิ้ง ไม่มีซัพพอร์ตคนไทย ติดต่อก็ลำบาก ระบบซัพพอร์ตก็ไร้ประสิทธิภาพ
• เรทฝาก-ถอนแพง คิดเรทระดับ 3% คือเริ่มต้น ยังไม่ทันเทรดก็เสียเปรียบแล้ว
• ไม่มีคริปโตให้เทรด ถึงจะมีโชว์หน้าเว็ป แต่พอเทรดจริงกลับไม่เทรดไม่ได้
• ไม่มีโบนัส ไม่มีโปรโมชั่น ชัดเจนว่าเป้าหมายดูจะไม่ใช่รายย่อย หรือนักเทรดหน้าใหม่เลย

• Forex 57 คู่สกุลเงิน ครอบคลุมทั้งคู่เงินหลัก คู่เงินรอง และคู่เงินแปลกใหม่ ถือว่ามีความหลากหลายพอสมควร
• โลหะมีค่า 6 รายการ มีแต่ตัวหลักๆ อย่าง ทองคำ, เงิน, คอปเปอร์, แพลตินัม
• สินค้าโภคภัณฑ์ 14 รายการ จะเป็นพวกน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, กาแฟ, โกโก้ ถือว่าหลากหลายพอตัว
• หุ้น 650 รายการ ถือว่าค่อนข้างเยอะ ทั้งหุ้นจากตลาดอเมริกา, ยุโรป, และเอเชีย
• ดัชนี 39 รายการ ครอบคลุมตลาดที่สำคัญทั่วโลก
• คริปโตเทรดไม่ได้