สรุปข้อมูลภาพรวมธนาคารแห่งอังกฤษ
ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England หรือ BOE) คือ ธนาคารกลางของสหราชอาณาจักร 🇬🇧 ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1694 ทำให้เป็นธนาคารกลางที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากธนาคารแห่งชาติสวีเดน) และถือเป็นต้นแบบของธนาคารกลางทั่วโลก
แรกเริ่มเดิมที BOE ถูกจัดตั้งขึ้นในฐานะธนาคารเอกชนเพื่อทำหน้าที่เป็นนายธนาคารให้กับรัฐบาล ก่อนจะถูกโอนมาเป็นของรัฐ (nationalised) ในปี ค.ศ. 1946 ปัจจุบัน BOE มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่บนถนนเธรดนีเดิล (Threadneedle Street) ในกรุงลอนดอน และได้รับสมญานามว่า “The Old Lady of Threadneedle Street” (สุภาพสตรีแห่งถนนเธรดนีเดิล)
BOE คืออะไร?
ธนาคารแห่งอังกฤษ คือ สถาบันการเงินที่เป็นหัวใจหลักของระบบเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร มีภารกิจหลักตามที่ระบุไว้ในกฎบัตรฉบับแรกคือ “เพื่อส่งเสริมประโยชน์สุขของประชาชน” (to promote the public Good and Benefit of our People) ซึ่งยังคงเป็นหัวใจของภารกิจในปัจจุบัน นั่นคือ “การส่งเสริมความดีงามของประชาชนในสหราชอาณาจักรโดยการรักษาเสถียรภาพทางการเงินและระบบการเงิน”
แม้จะก่อตั้งมานานกว่า 330 ปี แต่โครงสร้างและบทบาทของ BOE ได้มีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญหลายครั้ง โดยเฉพาะหลังวิกฤตการณ์การเงินปี 2008 ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มแข็งขึ้นภายใต้การดูแลของ BOE
ภารกิจหลักของธนาคารแห่งอังกฤษ (BOE)
- กำหนด อัตราดอกเบี้ย: มีอำนาจในการกำหนด อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Bank Rate) เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าครองชีพและต้นทุนการกู้ยืมของประชาชนและภาคธุรกิจ
- พิมพ์ธนบัตร: เป็นสถาบันเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ออกธนบัตรสกุลปอนด์สเตอร์ลิงสำหรับใช้ในอังกฤษและเวลส์ โดยธนบัตรทุกฉบับจะมีลายเซ็นของหัวหน้าพนักงานรับจ่ายเงิน (Chief Cashier) ปรากฏอยู่
- ผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้าย: ทำหน้าที่สำคัญในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคารพาณิชย์ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์ทางการเงินลุกลามไปทั่วทั้งระบบ
- ดูแลคลังทองคำมหาศาล: ใต้อาคารของ BOE คือ ห้องมั่นคงที่เก็บทองคำแท่งไว้กว่า 400,000 แท่ง ทำให้เป็นหนึ่งในคลังทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- มีอิทธิพลต่อค่าเงินปอนด์: การตัดสินใจและแถลงการณ์ของ BOE โดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ย ส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและมูลค่าของเงินปอนด์สเตอร์ลิง (£) ใน ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex)
หน้าที่และบทบาทหลัก
BOE มีหน้าที่รับผิดชอบที่หลากหลายและสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยสามารถสรุปบทบาทหลักได้ดังนี้:
การรักษาเสถียรภาพทางการเงิน (Monetary Stability)
- คือ หน้าที่ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของ BOE ในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด (ปัจจุบันคือ 2%)
- เครื่องมือหลักที่ใช้คือ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Bank Rate) ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์และส่งต่อไปยังภาคธุรกิจ
- ครัวเรือน BOE จะเผยแพร่รายงานนโยบายการเงิน (Monetary Policy Report) ทุกไตรมาส เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มเงินเฟ้อและอธิบายการตัดสินใจเชิงนโยบาย
การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน (Financial Stability)
- BOE ทำหน้าที่เฝ้าระวังและลดความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบการเงินโดยรวม
- ผ่านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Financial Policy Committee – FPC) เป็นบริษัทย่อยของ BOE
- ผ่านหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน (Prudential Regulation Authority – PRA) เป็นบริษัทย่อยของ BOE
- BOE ยังทำหน้าที่เป็น “ผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้าย” (Lender of Last Resort) ซึ่งพร้อมจะให้สภาพคล่องแก่สถาบันการเงินที่ประสบปัญหาเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลาม
- ตัวอย่าง คือ เคยเกิดขึ้นในอดีตเช่นวิกฤตการณ์ Overend Gurney ในปี 1866
การออกธนบัตร (Issuing Banknotes)
- BOE มีหน้าที่รับผิดชอบในการออกแบบและผลิตธนบัตรสกุลปอนด์สเตอร์ลิงที่ใช้ในอังกฤษและเวลส์
- โดยมีลายเซ็นของหัวหน้าพนักงานรับจ่ายเงิน (Chief Cashier) ปรากฏอยู่บนธนบัตรทุกฉบับมาตั้งแต่ปี 1870
- ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา BOE ได้พัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ธนบัตร เพื่อป้องกันการปลอมแปลง เช่น การใช้ธนบัตรพอลิเมอร์ (เริ่มใช้ในปี 2016) และการใช้พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระมหากษัตริย์เป็นลายน้ำ
- ซึ่งล่าสุดได้ออกธนบัตรที่มีพระบรมสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ในปี 2024
ผู้ก่อตั้งและความสำคัญ
ธนาคารแห่งอังกฤษก่อตั้งขึ้นภายใต้ กฎบัตรหลวง (Royal Charter) ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 และสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 ในปี ค.ศ. 1694 โดยมีวัตถุประสงค์หลักในขณะนั้นเพื่อระดมทุนให้แก่รัฐบาลสำหรับทำสงครามกับฝรั่งเศส โดยทั้งสองพระองค์ทรงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นกลุ่มแรกด้วย
บุคคลสำคัญที่มีบทบาทอย่างยิ่งในยุคก่อตั้งคือ เซอร์ จอห์น ฮูบลอน (Sir John Houblon) ผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งอังกฤษคนแรก ท่านมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการดำเนินงานของธนาคารในช่วงปีแรกๆ ทั้งในด้านการจัดหาเงินทุนให้รัฐบาลและการเริ่มต้นธุรกิจธนาคารแบบทั่วไป เช่น การรับฝากเงินจากสาธารณชน ความสำคัญของท่านได้รับการเชิดชูเกียรติโดยการนำภาพของท่านไปพิมพ์บนธนบัตรฉบับ 50 ปอนด์ในอดีต (ปี 1994-2014)
ประวัติโดยย่อของธนาคารแห่งอังกฤษ (BOE)
- https://www.bankofengland.co.uk/about/history
- ธนาคารแห่งอังกฤษก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1694 ในฐานะธนาคารเอกชนเพื่อระดมทุนให้แก่รัฐบาลอังกฤษสำหรับทำสงครามกับฝรั่งเศส และถือเป็นต้นแบบของธนาคารกลางทั่วโลก
- ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน BOE ได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญมากมาย เช่น
- การออกธนบัตรอย่างเป็นทางการหลังกฎหมาย Bank Charter Act ในปี 1844
- การเข้าเป็นของรัฐอย่างสมบูรณ์ในปี 1946
- การเผชิญวิกฤตการณ์ค่าเงิน “วันพุธทมิฬ” ในปี 1992
- หลังวิกฤตการเงินโลกปี 2008 BOE ได้รับมอบอำนาจในการกำกับดูแลระบบการเงินของประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
- ปัจจุบัน BOE ยังคงทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของสหราชอาณาจักร โดยมีภารกิจหลักคือการรักษาเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ
ความเกี่ยวข้องกับตลาด Forex
BOE มีความเกี่ยวข้องและส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ในหลายมิติ
นโยบายการเงิน (Monetary Policy)
- การตัดสินใจปรับขึ้นหรือลง อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของ BOE เป็นปัจจัยที่ทรงอิทธิพลที่สุดต่อมูลค่าของเงินปอนด์สเตอร์ลิง (£/GBP)
- โดยทั่วไปแล้ว การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติที่ต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น ทำให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น
- ในทางกลับกัน การลดดอกเบี้ยมักทำให้ค่าเงินอ่อนลง นักเทรด Forex ทั่วโลกจึงจับตาการประชุมและแถลงการณ์ของ BOE อย่างใกล้ชิด
การแทรกแซงตลาด (Market Intervention)
- ในอดีต BOE เคยเข้ามาแทรกแซง ตลาด Forex โดยตรงด้วยการซื้อหรือขายเงินปอนด์ เพื่อควบคุมค่าเงิน
- เหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุด คือ “วันพุธทมิฬ” (Black Wednesday) ในปี 1992
- เมื่อสหราชอาณาจักรต้องถอนตัวออกจากกลไกอัตราแลกเปลี่ยนยุโรป (ERM) หลังจาก BOE ทุ่มเงินสำรองมหาศาลเพื่อพยุงค่าเงินปอนด์แต่ไม่สำเร็จ
- เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ BOE ในการบริหารจัดการค่าเงินโดยตรง
การสื่อสารและรายงาน (Communication and Reports)
- ถ้อยแถลงของผู้ว่าการ BOE และการเผยแพร่รายงานต่างๆ เช่น รายงานนโยบายการเงิน สามารถส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต
- มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ผันผวนได้
ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี (Pros)
- สร้างเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือ: ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความเป็นอิสระ BOE ได้สร้างความน่าเชื่อถือในระดับโลก ทำให้เงินปอนด์สเตอร์ลิงเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักที่มั่นคง
- เป็นผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้าย (Lender of Last Resort): ในภาวะวิกฤต BOE สามารถอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อป้องกันการล้มละลายของสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจโดยรวม
- มีความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบาย: การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินเป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง ทำให้สามารถมุ่งเน้นเป้าหมายระยะยาว เช่น การควบคุมเงินเฟ้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กำกับดูแลสถาบันการเงินเชิงรุก: ผ่านหน่วยงานย่อย (PRA) BOE ทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคารและสถาบันการเงินให้มีฐานะมั่นคง เพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดวิกฤต
- รักษาความน่าเชื่อถือของธนบัตร: เป็นผู้ผลิตธนบัตรที่มีความปลอดภัยสูงและปลอมแปลงได้ยาก (เช่น ธนบัตรพอลิเมอร์) ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในการใช้เงินสด
- เป็นศูนย์กลางข้อมูลและงานวิจัยเศรษฐกิจ: เผยแพร่รายงานและการวิเคราะห์เศรษฐกิจที่มีคุณภาพ ช่วยให้ภาคธุรกิจและสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง
- บริหารจัดการระบบการชำระเงินของประเทศ: ดูแลระบบการชำระเงินมูลค่าสูง (RTGS) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ทำให้การทำธุรกรรมหลายล้านล้านปอนด์ต่อปีมีความปลอดภัยและราบรื่น
- พิทักษ์ทุนสำรองของชาติ: ทำหน้าที่ดูแลและบริหารจัดการทองคำและเงินตราต่างประเทศสำรองของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
- มีอิทธิพลในเวทีการเงินโลก: ในฐานะหนึ่งในธนาคารกลางที่เก่าแก่ที่สุด BOE มีบทบาทและอิทธิพลสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายและกฎเกณฑ์การเงินระหว่างประเทศ
- ความสามารถในการปรับตัว: ตลอด 300 กว่าปี BOE ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและปฏิรูปองค์กรเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย
ข้อเสีย (Cons)
- ความผิดพลาดเชิงนโยบาย: การตัดสินใจที่ผิดพลาดอาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ดังตัวอย่างเหตุการณ์ “วันพุธทมิฬ” (Black Wednesday) ในปี 1992
- เกิดภาวะภัยทางศีลธรรม (Moral Hazard): การเป็นผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้ายอาจจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์กล้าเสี่ยงลงทุนเกินตัว เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว BOE จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
- ผลกระทบของนโยบายที่ล่าช้า (Policy Lags): นโยบายการเงินต้องใช้เวลานาน (ราว 12-18 เดือน) กว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริง ทำให้การแก้ปัญหาอาจไม่ทันท่วงที
- การพยากรณ์เศรษฐกิจที่คลาดเคลื่อน: หาก BOE คาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจผิดพลาด อาจนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ได้
- นโยบายเดียวอาจไม่เหมาะกับทุกภูมิภาค: การใช้อัตราดอกเบี้ยเดียวกันทั้งประเทศอาจไม่เหมาะสมกับทุกพื้นที่ ซึ่งมีความต้องการทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน เช่น ลอนดอนอาจต้องการนโยบายที่เข้มงวด ขณะที่ภาคอื่นต้องการการกระตุ้น
- เสี่ยงต่อแนวคิดแบบกลุ่ม (Groupthink): การที่คณะกรรมการมีแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์คล้ายคลึงกัน อาจทำให้มองข้ามความเสี่ยงหรือแนวทางการแก้ปัญหาในรูปแบบอื่นไป
เกร็ดน่ารู้เบื้องหลัง “The Old Lady” ของ BOE
“The Old Lady of Threadneedle Street” คือ สมญานาม (Nickname) ของธนาคารแห่งอังกฤษ (BOE) แม้ว่าบทบาทหลักของธนาคารแห่งอังกฤษในการดูแลเศรษฐกิจจะเป็นที่รู้จักกันดี แต่เบื้องหลังประวัติศาสตร์กว่า 330 ปี ยังมีเรื่องราวน่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย
คลังทองคำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
- ใต้ตึกธนาคารแห่งอังกฤษ คือ ห้องมั่นคงขนาดใหญ่ที่เก็บ ทองคำแท่งมากกว่า 400,000 แท่ง ซึ่งมีน้ำหนักรวมกันเกือบ 4,600 ตัน
- ที่นี่คือคลังทองคำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ในนิวยอร์ก
- ทองคำส่วนใหญ่ไม่ใช่ของ BOE เอง แต่เป็นของรัฐบาลสหราชอาณาจักรและธนาคารกลางจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่นำมาฝากไว้
มีสวนหย่อมส่วนตัวอยู่ใจกลางตึก
- พื้นที่ใจกลางอาคารของธนาคารเป็นสวนหย่อมเปิดโล่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นสุสานของโบสถ์เก่าแก่ชื่อ St Christopher-le-Stocks ว่ากันว่ามีตำนานเล่าขานถึง “ยักษ์” ที่ถูกฝังอยู่ ณ ที่แห่งนี้
- เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สถาปนิกตัดสินใจทำเป็นสวนแทนที่จะสร้างอาคารทับลงไป
พนักงานเคยอาศัยและทำงานในธนาคาร 24 ชั่วโมง
- ในอดีตนานกว่า 200 ปี ธนาคารมีหน่วยทหารที่เรียกว่า “Bank Picquet” ซึ่งจะเข้ามาประจำการและพักอาศัยในธนาคารทุกคืนเพื่อป้องกันการปล้นหรือจลาจล
- ธรรมเนียมนี้สิ้นสุดลงในปี 1973 แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและความปลอดภัยขั้นสูงสุดของสถานที่แห่งนี้
ออกธนบัตรยักษ์มูลค่า 100 ล้านปอนด์
- นอกจากธนบัตรที่ใช้หมุนเวียนทั่วไปแล้ว BOE ยังพิมพ์ธนบัตรชนิดพิเศษที่เรียกว่า “ไททัน” (Titan) ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านปอนด์ (£100,000,000)
- ธนบัตรเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ให้คนทั่วไปใช้ แต่ถูกเก็บไว้ในห้องมั่นคงเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันธนบัตรที่พิมพ์โดยธนาคารพาณิชย์ในสกอตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือเท่านั้น
เป็นหนึ่งในนายจ้างกลุ่มแรกๆ ที่จ้างผู้หญิงทำงาน
- ในปี 1894 ธนาคารแห่งอังกฤษได้จ้าง เจเน็ต โฮการ์ธ (Janet Hogarth) บัณฑิตเกียรตินิยมจากออกซฟอร์ด เป็นเจ้าหน้าที่หญิงคนแรกอย่างเป็นทางการ เพื่อทำหน้าที่เป็น “ผู้ดูแลเสมียนหญิง”
- ถือเป็นก้าวที่สำคัญและทันสมัยอย่างมากในยุควิกตอเรียที่โอกาสการทำงานของผู้หญิงยังมีจำกัด
รอดพ้นจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างหวุดหวิด
- ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารธนาคารถูกออกแบบให้แข็งแรงทนทานเหมือนป้อมปราการ และมีหลุมหลบภัยอยู่ชั้นใต้ดิน
- แม้จะมีระเบิดตกลงบนถนนด้านนอกอาคารจนเกิดความเสียหาย แต่ตัวอาคารหลักกลับไม่เคยถูกระเบิดโดยตรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้คลังทองคำและเอกสารสำคัญปลอดภัย
วีดีโอที่เกี่ยวข้อง
วีดีโอนี้เกี่ยวกับการสรุปเฉพาะวินาทีที่สำคัญจากคลิปวิดีโอ ที่กล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของธนาคารแห่งอังกฤษ (BOE)
ช่วงเวลาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ BOE
- 0:03 – การก่อตั้ง (Founding)
- 1:10 – วิกฤตฟองสบู่เซาท์ซี (South Sea Bubble)
- 1:48 – พระราชบัญญัติกฎบัตรธนาคาร (Bank Charter Act)
- 2:36 – การกลับสู่มาตรฐานทองคำ (Return to Gold Standard)
- 4:18 – การยกเลิกมาตรฐานทองคำ (Abandoning Gold Standard)
- 4:51 – การโอนเป็นของรัฐ (Nationalisation)
- 4:57 – ความเป็นอิสระในการดำเนินงาน (Operational Independence)
สรุป
หัวใจการทำงานของธนาคารแห่งอังกฤษคือการเดินบนเส้นด้ายแห่งความสมดุล ระหว่างความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายระยะยาว กับความรับผิดชอบต่อการเมืองและประชาชน โดยบทบาทของผู้กำกับดูแลที่เข้มงวดและผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้ายนั้น สร้างเสถียรภาพแต่ก็แฝงด้วยความเสี่ยงด้านภาวะภัยทางศีลธรรม ประวัติศาสตร์ได้หล่อหลอมให้ BOE พัฒนาเครื่องมือและอำนาจเพื่อรับมือวิกฤตอยู่เสมอ
ทว่าเบื้องหลังการตัดสินใจที่ซับซ้อนนั้น คือ การพยากรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนชีวิตของประชาชน ดังนั้น แก่นแท้ของ BOE จึงไม่ใช่เพียงสถาบันการเงิน แต่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงและความเชื่อมั่นของระบบเศรษฐกิจทั้งหมด
อ้างอิง
- Bank of England. (2024). Our history. สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2568, จาก https://www.bankofengland.co.uk/about/history
- BBC News. (1992, 16 กันยายน). Black Wednesday. On This Day. สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2568, จาก http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/september/16/newsid_2519000/2519613.stm
- Chen, J. (2025, 28 มิถุนายน). Central bank: What it is, what it does, and why it’s important. Investopedia. สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2568, จาก https://www.investopedia.com/terms/c/centralbank.asp
- Nakamoto, S. (2008). Bitcoin: A peer-to-peer electronic cash system. Bitcoin.org. https://bitcoin.org/bitcoin.pdf
- ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ. (2568, 20 กรกฎาคม). ใน วิกิพีเดีย. สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2568, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ
FAQ — สรุปข้อมูลภาพรวม BOE (Bank of England)