โปรแกรมเทรด (Trading Platform) คืออะไร?

โปรแกรมเทรด (Trading Platform) คืออะไร?

โปรแกรมเทรด หรือ Trading Platform คือ ซอฟต์แวร์หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกออกแบบมา เพื่อเป็นตัวกลางสำหรับการส่งคำสั่ง การซื้อ-ขาย Forex หรือ สินทรัพย์ทางการเงิน โดยทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างนักลงทุนกับตลาดการเงิน อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  ซึ่งทำให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและส่งคำสั่งซื้อขายไปยังตลาดได้ โดยโปรแกรมเทรดจะช่วยให้นักเทรดสามารถดูกราฟราคา วิเคราะห์ตลาด จัดการคำสั่งซื้อขาย และติดตามผลการลงทุนได้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรด Forex, หุ้น, คริปโตเคอร์เรนซี, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ นั้นเอง

แพลตฟอร์มการเทรด เทรดมีกี่ประเภท?

มี 4 ประเภทตามลักษณะการใช้งาน คือ

  1. Desktop Platforms
  2. Web-Based Platforms
  3. Mobile Trading Platforms
  4. Hybrid Platforms

โปรแกรมเทรด Forex กับตลาดอื่น ๆ ใช้เหมือนกันไหม?

ตอบได้เลยว่า “โปรแกรมเทรด Forex และโปรแกรมเทรดอื่นๆ ไม่เหมือนกันทั้งหมด” แม้มีโครงสร้างพื้นฐานคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างเฉพาะทางที่ออกแบบมา เพื่อตอบสนองลักษณะเฉพาะของแต่ละตลาด

ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมเทรดในตลาดต่างๆ

โปรแกรมเทรด Forex ยอดนิยมที่คนใช้งานมากที่สุด

1. MetaTrader 4 (MT4)

MT4 เป็นแพลตฟอร์มเทรด Forex ที่ได้รับความนิยมสูงสุด พัฒนาโดย MetaQuotes Software ตั้งแต่ปี 2005 มีผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านคนทั่วโลก กลายเป็นมาตรฐานในวงการเทรด Forex

ประสบการณ์ทดลองเทรดบน MT4

  • MT4 ใช้งานง่าย เสถียรสุดๆ บัญชีทดลองให้ความรู้สึกเหมือนเทรดจริงทุกอย่าง ทำให้ฝึกฝนได้อย่างสบายใจก่อนเสี่ยงเงินจริง ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ดีและน่าเชื่อถือเลยสำหรับมือใหม่

ข้อดี

  • มีความเสถียรสูง ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้ตามต้องการ
  • รองรับทั้ง Windows, Android และ iOS
  • ไม่มีค่าใช้จ่าย โบรกเกอร์เกือบทุกรายรองรับ
  • ปรับแต่งได้หลากหลาย ปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์การเทรดได้
  • มี Expert Advisors เทรดให้เลือกใช้หลากหลาย

ข้อเสีย

  • บางโบรกเกอร์คิดสเปรดสูงกว่าแพลตฟอร์มของตัวเอง
  • ทำรายการอาจช้ากว่าโปรแกรมอื่น
  • อินเตอร์เฟซค่อนข้างล้าสมัย

2.MetaTrader 5 (MT5)

MT5 คือ แพลตฟอร์มเทรดที่พัฒนาต่อยอดจาก MT4 มีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก นำเสนอฟังก์ชันการทำงานที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและประสิทธิภาพสูงกว่า

ประสบการณ์ทดลองเทรดบน MT5

เปลี่ยนจาก MT4 มาใช้ MT5 แล้วรู้สึกว่าเร็วขึ้นมากค่ะ มีไทม์เฟรมที่มีให้เลือกถึง 21 แบบช่วยให้วิเคราะห์ได้ละเอียดสุดๆ และฟีเจอร์ความลึกของตลาดทำให้เข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาได้ดีกว่าเดิมเยอะ ถึงจะต้องเรียนรู้ใหม่บ้างแต่คุ้มค่ามากกับการปรับตัว

ข้อดี

  • ความเสถียรสูงและเร็วกว่า MT4
  • รองรับการซื้อขายหลายประเภทสินทรัพย์ ไม่จำกัดแค่ Forex
  • มีเครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การซิงค์ข้อมูลแบบคลาวด์ระหว่างอุปกรณ์

ข้อเสีย

  • บางโบรกเกอร์คิดสเปรดบน MT5 สูงกว่า MT4
  • ฟีเจอร์ค่อนข้างซ้ำซ้อนกับ MT4 ทำให้หลายคนไม่เห็นความจำเป็นในการเปลี่ยน
  • ผู้ใช้ต้องเรียนรู้ภาษา MQL5 ใหม่ ไม่สามารถใช้โค้ด MQL4 ได้โดยตรง

3. cTrader

cTrader เป็นแพลตฟอร์มเทรดที่พัฒนาโดย Spotware มุ่งสร้างสมดุลระหว่างความซับซ้อนของตลาดการเงินกับความเรียบง่ายในการใช้งาน ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ โดยเฉพาะในตลาด Forex และ CFD

ประสบการณ์ทดลองเทรดบน cTrader

  • ชอบมากเพราะ cTrader มีอินเตอร์เฟซทันสมัย สะอาดตา จัดวางเป็นระเบียบเข้าใจง่ายกว่าที่คิด หน้ากราฟปรับแต่งได้ตามใจชอบ และการดูความลึกของตลาดช่วยให้เห็นแรงซื้อ-ขายได้ชัดเจนขึ้นมากๆ

ข้อดี

  • กราฟมีความสวยงามและรองรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง
  • มีความเสถียรในการใช้งาน แม้ในช่วงตลาดผันผวน
  • อินเตอร์เฟซทันสมัย ใช้งานสะดวก
  • รองรับการใช้งานทั้งบน Windows, iOS และ Android
  • ออกแบบมาเพื่อการเข้าถึงตลาด ECN โดยเฉพาะ

ข้อเสีย

  • มีโบรกเกอร์รองรับน้อยกว่า MT4/MT5
  • ต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควรสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง
  • มีข้อจำกัดในการปรับแต่งเลเยอร์และอินดิเคเตอร์บางประเภท
  • บางโบรกเกอร์อาจจำกัดการใช้ฟีเจอร์สำคัญบางอย่าง
  • ต้องการความรู้ C# สำหรับการพัฒนา cBot และอินดิเคเตอร์เอง

4. NinjaTrader

NinjaTrader เป็นแพลตฟอร์มเทรดที่มีความเสถียรสูง ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2003 มุ่งเน้นที่เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคระดับสูง ได้รับความนิยมจากนักเทรดที่ต้องการเจาะลึกข้อมูลตลาดและการวิเคราะห์แบบมืออาชีพ

ประสบการณ์ทดลองเทรดบน NinjaTrader

NinjaTrader มีฟีเจอร์ Order Flow+ เปิดโลกใหม่ให้เห็น ชั้นลึก ของตลาดที่ไม่เคยเห็นในแพลตฟอร์มอื่นมาก่อน ทำให้เข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาในมิติใหม่ แม้ต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง แต่สำหรับคนเทรดจริงจัง นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าสุด

ข้อดี

  • ความเสถียรสูงในการแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • ระบบจำลองการเทรดเสมือนจริงช่วยให้ฝึกฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบครันสำหรับนักเทรดจริงจัง
  • สามารถติดตั้งส่วนเสริมจากบุคคลที่สามได้หลากหลาย
  • รองรับการใช้งานบน Windows พร้อมประสิทธิภาพสูง

ข้อเสีย

  • มีโบรกเกอร์รองรับน้อย (Forex.com, FXCM, OANDA เป็นหลัก)
  • ชุมชนผู้ใช้ไม่ใหญ่เท่าแพลตฟอร์มอื่น เช่น MT4
  • มีความซับซ้อน ต้องใช้เวลาเรียนรู้ค่อนข้างมาก
  • ไม่รองรับการใช้งานบนมือถือหรือแท็บเล็ตอย่างเต็มรูปแบบ
  • ฟีเจอร์ขั้นสูงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งอาจสูงสำหรับนักเทรดรายย่อย

5. TradingView

TradingView เริ่มต้นเป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์กราฟออนไลน์ แต่ได้พัฒนาจนกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมสำหรับนักเทรดทั่วโลก ด้วยฐานข้อมูลสินทรัพย์ที่กว้างขวางและชุมชนผู้ใช้กว่า 50 ล้านคน ทำให้เป็นทั้งเครื่องมือวิเคราะห์และเครือข่ายสังคมสำหรับนักลงทุน

ประสบการณ์ทดลองเทรดบน TradingView

  • TradingView ถูกยอมรับอย่างแพร่หลาย มีความน่าเชื่อถือสูง ทำให้เทรดเดอร์หลายๆคน ไว้ใจที่จะใช้งานที่นี่ 
  • ค้นหาสินทรัพย์ได้ทั่วโลกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น forex สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโต ที่ชอบมากคือมีชุมชนให้เรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ๆ จากเทรดเดอร์ทั่วโลกและแชร์ไอเดียของเราได้ด้วย 
  • แม้ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับบางฟีเจอร์ แต่คุ้มค่าทุกบาทจริงๆ

ข้อดี

  • อินเตอร์เฟซสวยงาม ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งก็เริ่มใช้ได้ทันที
  • ข้อมูลสินทรัพย์ครอบคลุมทุกตลาดทั่วโลก
  • ชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่ แลกเปลี่ยนความรู้และกลยุทธ์
  • ใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือ
  • มีเครื่องมือพื้นฐานให้ใช้ฟรี เริ่มต้นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ข้อเสีย

  • การส่งคำสั่งซื้อขายไม่ได้รวมอยู่ในฟีเจอร์พื้นฐาน ต้องเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์
  • ต้องเรียนรู้ภาษา Pine Script หากต้องการสร้างอินดิเคเตอร์เอง
  • ฟีเจอร์ขั้นสูงต้องสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน
  • มีทางเลือกในการส่งคำสั่งซื้อขายจำกัด เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มเฉพาะทาง
  • โบรกเกอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อยังมีจำนวนจำกัด

6. ZuluTrade

ZuluTrade เป็นแพลตฟอร์มที่มีสำนักงานอยู่ในกรีซและญี่ปุ่น พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิดการให้นักลงทุนสามารถคัดลอกการเทรดจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแนวคิด “Social Trading” ที่ทำให้นักลงทุนที่มีประสบการณ์น้อยสามารถทำกำไรได้เช่นเดียวกับมืออาชีพ

ประสบการณ์ทดลองเทรดบน ZuluTrade

ZuluTrade ทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในการเทรด เหมือนมีที่ปรึกษาส่วนตัวคอยดูแลพอร์ตให้ ชอบมากที่ได้เห็นประวัติผลงานของเทรดเดอร์แต่ละคน ช่วยให้เลือกคนที่มีสไตล์การเทรดตรงกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ สบายใจกว่าเทรดเองเยอะเลยค่ะ

ข้อดี

  • ทำให้ผู้ไม่มีประสบการณ์สามารถเทรดได้เหมือนมืออาชีพ
  • ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับมือใหม่
  • มีระบบปรับแต่งความเสี่ยงที่ยืดหยุ่น
  • รองรับการใช้งานบนหลายแพลตฟอร์ม (iOS, Android, Windows)
  • สามารถเชื่อมต่อกับ MT4 ได้อย่างไร้รอยต่อ

ข้อเสีย

  • มีชุมชนผู้ใช้งานจำกัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น
  • มีโบรกเกอร์ที่รองรับน้อย (ส่วนใหญ่คือ FXCM)
  • อินดิเคเตอร์และเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมีจำกัด
  • ขาดเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดและข่าวสาร
  • ผลการเทรดขึ้นอยู่กับความสามารถของนักเทรดที่คุณเลือกติดตาม

7. แพลตฟอร์มการเทรดที่เป็นกรรมสิทธิ์

แพลตฟอร์มการเทรดที่เป็นกรรมสิทธิ์คือโปรแกรมเทรดที่โบรกเกอร์พัฒนาขึ้นเองเฉพาะสำหรับลูกค้าของตน แทนที่จะใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตอย่าง MT4/MT5 เป็นการสร้างระบบที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย มุ่งเน้นความเรียบง่ายและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี

ประสบการณ์ทดลองเทรดบนแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์

  • ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์ช่วยชีวิตมือใหม่มาก เพราะไม่ต้องติดตั้ง แค่เปิดเว็บเริ่มได้เลย อินเตอร์เฟซสวยใช้ง่าย และที่ประทับใจมากที่สุด คือ ความเร็วและเสถียร ใช้ได้ทั้งคอมและมือถือ ไม่พลาดโอกาสทองไม่ว่าอยู่ไหน

ข้อดี

  • อินเตอร์เฟซสวยงาม ทันสมัย ใช้งานง่าย
  • เริ่มใช้งานได้ทันทีผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ต้องติดตั้ง
  • เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นโดยไม่สับสน
  • มีเครื่องมือพื้นฐานครบถ้วนสำหรับการวิเคราะห์และส่งคำสั่ง
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถใช้งานได้ฟรีหลังเปิดบัญชี
  • สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถปรับแต่งอินเตอร์เฟซหรือเพิ่มอินดิเคเตอร์เองได้
  • ไม่รองรับการเขียนโปรแกรมเทรดอัตโนมัติหรือ Expert Advisors
  • มีตัวเลือกในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่จำกัดกว่าแพลตฟอร์มเฉพาะทาง
  • ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting)
  • ใช้ได้เฉพาะกับโบรกเกอร์ที่พัฒนาแพลตฟอร์มนั้นเท่านั้น

ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมเทรด Forex

เปรียบเทียบแพลตฟอร์มการเทรด

โปรแกรมเทรด Forex อื่นๆ

สำหรับมืออาชีพ ที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง แนะนำ Quantower หรือ Tradestation ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึกและทดสอบกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ

Quantower – แพลตฟอร์มสำหรับนักเทรดที่ชอบการวิเคราะห์เชิงลึก

Quantower เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและการเทรดหลายสินทรัพย์ในที่เดียว มีเครื่องมือขั้นสูงสำหรับนักเทรดที่ต้องการวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียด

  • ข้อดี: วิเคราะห์เชิงลึก เชื่อมต่อหลายโบรกเกอร์ รองรับหลายสินทรัพย์ 
  • ข้อเสีย: ซับซ้อน ต้องการคอมพิวเตอร์สเปคสูง

Tradestation – เน้นการทดสอบกลยุทธ์และการเทรดอัตโนมัติ

Tradestation เป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงในวงการเทรดหุ้นและ Futures มานาน แต่ได้เพิ่มการรองรับ Forex เข้ามาด้วย เน้นเครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ที่แม่นยำ

  • ข้อดี: EasyLanguage พัฒนากลยุทธ์อัตโนมัติ Backtesting แม่นยำ 
  • ข้อเสีย: ซับซ้อน ค่าบริการสูง เน้นตลาดสหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญในการเลือกโปรแกรมเทรด Forex

1. ความเสถียรของระบบ

เพราะ: ตลาด Forex เปิด 24/5 หากโปรแกรมล่มในช่วงสำคัญ อาจพลาดโอกาสทำกำไรหรือจัดการความเสี่ยงไม่ทัน นำไปสู่การขาดทุนรุนแรง

2. ความเร็วในการส่งคำสั่ง (Execution Speed)

เพราะ: โดยเฉพาะสไตล์ Scalping แม้เพียงเสี้ยววินาทีอาจส่งผลต่อกำไร-ขาดทุน ความล่าช้าทำให้ได้ราคาแย่กว่าที่คาดไว้

3. โบรกเกอร์ที่รองรับและความสามารถในการเชื่อมต่อ

เพราะ: โบรกเกอร์แต่ละรายมีข้อเสนอต่างกัน การรองรับหลายโบรกเกอร์ให้ทางเลือกมากขึ้น สามารถย้ายไปใช้โบรกเกอร์ที่ดีกว่าได้

4. เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและอินดิเคเตอร์

เพราะ: การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหัวใจการเทรด อินดิเคเตอร์ที่หลากหลายช่วยให้วิเคราะห์แม่นยำ พัฒนาและทดสอบกลยุทธ์ได้

5. ความสามารถในการเทรดอัตโนมัติ

เพราะ: ระบบเทรดอัตโนมัติช่วยขจัดอารมณ์ออกจากการเทรด ทำงานตามกฎที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ซึ่งทำงานตามกฎเคร่งครัด ทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่พลาดโอกาส และทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลังได้

สรุป โปรแกรมเทรด Forex ใช้ตัวไหนดี?

  • สำหรับมือใหม่: MT4 ใช้ง่าย เสถียร ชุมชนใหญ่ แหล่งเรียนรู้เยอะ โบรกเกอร์รองรับเกือบทั้งหมด เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
  • มือใหม่ที่ไม่อยากติดตั้งโปรแกรม: แพลตฟอร์มกรรมสิทธิ์ ใช้ผ่านเว็บได้เลย ดีไซน์เรียบง่าย เหมาะกับการเริ่มต้น
  • คนไม่มีเวลาวิเคราะห์: ZuluTrade/eToro คัดลอกการเทรดจากมืออาชีพได้อัตโนมัติ
  • นักวิเคราะห์ทางเทคนิค: TradingView เครื่องมือวิเคราะห์ครบครัน ใช้งานผ่านเว็บ ชุมชนแชร์ไอเดีย
  • Scalper: cTrader ส่งคำสั่งเร็ว รองรับ ECN โดยเฉพาะ ดีไซน์ทันสมัย
  • ต้องการเทรดหลายสินทรัพย์: MT5 รองรับหลายสินทรัพย์ มีไทม์เฟรมและอินดิเคเตอร์มากกว่า MT4
  • เทรดอัตโนมัติ (EA) : MT4/MT5 มี EA ให้เลือกเยอะ ภาษา MQL เรียนรู้ไม่ยาก
  • มืออาชีพต้องการเจาะลึก: NinjaTrader – วิเคราะห์ Order Flow ขั้นสูง ดูความลึกของตลาดได้ละเอียด

FAQ – เรื่องน่ารู้ของ โปรแกรมเทรด Forex

กองทุนระดับโลกใช้ระบบที่พัฒนาเองหรือแพลตฟอร์มสถาบันอย่าง Bloomberg Terminal (ราคา 20,000+ ดอลลาร์/ปี) ไม่ใช่โปรแกรมทั่วไปที่รายย่อยใช้ เน้นความเร็วระดับไมโครวินาทีและเชื่อมต่อตลาดโดยตรง
MT4 เหมาะกับ EA มากที่สุด เพราะมีชุมชนนักพัฒนาใหญ่ ภาษา MQL4 เรียนรู้ง่าย เสถียรสูง ทดสอบย้อนหลังได้ดี และเกือบทุกโบรกเกอร์รองรับ แม้ MT5 จะทันสมัยกว่า แต่ MT4 ยังเป็นที่นิยมเพราะระบบนิเวศที่สมบูรณ์
MT4 ผู้ใช้มากที่สุด 40+ ล้านคน รองลงมาคือ TradingView และ MT5
IC Markets และ Pepperstone รองรับทั้ง MT4, MT5, cTrader และแพลตฟอร์มตัวเอง เชื่อมต่อกับ TradingView ได้ด้วย
โบรกเกอร์ประเภท Market Maker ปรับแต่งการส่งคำสั่งและแสดงราคาได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนโค้ดหลักของโปรแกรม ป้องกันโดยใช้โบรกเกอร์ ECN/STP ที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด

เขียนโดย

Somchai Witthtaya

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon