บทคัดย่อ

  • Bid Ask คืออะไร: เส้นสองเส้นที่กำหนดราคาซื้อ-ขาย โดยมีช่องว่างของราคาเป็นค่าสเปรด
  • ราคาซื้อ ราคาขาย: ถูกกำหนดด้วยอุปสงค์และอุปทาน ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาสูงขึ้นหรือต่ำลง อุปสงค์อุปทานอยู่เบื้องหลังของราคาซื้อและราคาขาย สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าสเปรดสูงขึ้นในบางช่วงเวลา
  • ค่าสเปรด: ช่องว่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย เป็นค่าบริการสำหรับโบรกเกอร์

Bid Ask คืออะไร

สองเส้นเคลื่อนที่ตามราคาของกราฟ ที่สร้างช่องว่างของราคาซื้อและราคาขาย เกิดเป็นค่าสเปรดที่โบรกเกอร์เรียกเก็บนั่นก็คือ เส้น Bid และเส้น Ask เป็นราคาที่ผู้ขายยินดีที่จะขาย และเป็นราคาที่ผู้ซื้อยินดีที่จะซื้อ

คล้ายกับราคาทองคำ ที่มีการกำหนดราคาซื้อและราคาขาย เมื่อนำทองไปขาย จะได้ตามราคาที่ร้านทองกำหนด และเมื่อต้องการซื้อทอง ก็จะขายได้ตามที่ราคาของร้านกำหนดไว้เช่นเดียวกัน

ส่วนต่างหรือช่องว่างของราคา เป็นค่าบริการ ค่ากำเหน็ด ที่ร้านทองกำหนดขึ้น

2 เส้นนี้ สำคัญอย่างไร

  • Bid Ask: เส้นราคาที่โบรกเกอร์เสนอขายและรับซื้อ คล้ายกับร้านทอง ที่มีกำหนดราคารับซื้อและราคาขายเอาไว้อย่างชัดเจน
  • ส่วนต่างของราคา: คือค่าสเปรด เป็นค่าธรรมเนียมที่ทางโบรกเกอร์เรียกเก็บ ทุกครั้งที่เข้าเทรดจะต้องมีค่าธรรมเนียมเกิดขึ้น
  • หากเข้าเทรดโดยไม่คำนึงถึง 2 เส้นนี้: บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์หลายคนผิดพลาด เช่น ตั้งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า หรือ TP, SL โดยที่ไม่เผื่อค่าสเปรด อาจจะทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร หรือเข้าออเดอร์ได้
  • ค่าธรรมเนียม: มีการขึ้นลงตามช่วงเวลา สาเหตุหนึ่งคือสภาพคล่อง ยิ่งมีผู้คนต้องการซื้อหรือขายเป็นจำนวนมาก ค่าสเปรดย่อมต่ำลง แต่ถ้าสภาพคล่องต่ำ อาจจะทำให้ค่าสเปรดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ไม่ได้ราคาตามที่ต้องการหรือมีความคลาดเคลื่อนนั่นเอง
  • มีผู้ขาย ต้องมีผู้ซื้อ: กระบวนการส่งมอบราคา ที่ผู้ขายยินดีที่จะขาย และผู้ซื้อยินดีที่จะซื้อ ในราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายยินดี

แม้เทรดเดอร์หรือนักลงทุน อาจจะมองว่า แค่เส้นธรรมดา ๆ ที่กำหนดราคาซื้อขาย อาจจะไม่จำเป็น แต่ทุกครั้งที่เปิดปิดออเดอร์ มีสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานอยู่เบื้องหลังเสมอ

คำจำกัดความของ Bid-Ask

ภาพแสดง เส้น Ask และเส้น Bid และช่องว่างระหว่างราคานั่นคือค่าสเปรด

  • ราคา Ask: คือราคาที่ผู้ขายยินดีหรือยินยอม สำหรับราคาสินทรัพย์
  • ราคา Bid: คือราคาที่ผู้ซื้อยินดีที่จะจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์
  • Spread: คือช่องว่างของราคา ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย

การซื้อขาย มีสองฝั่งเสมอ มีผู้ขายและผู้ซื้อ อุปสงค์และอุปทาน คือตัวกำหนดราคาในตลาด โดยผู้ซื้อผู้ขายจะมีการต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุดและมีกำไร ผู้ซื้อย่อมต้องการราคาที่ต่ำ และผู้ขายย่อมต้องการราคาที่สูงขึ้น

การซื้อขายในตลาด ผู้ซื้อและผู้ขาย ล้วนต้องการที่จะเสนอราคาในระดับที่น่าพอใจ และบางครั้งความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคา ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายไม่อาจที่จะตกลงราคากันได้เสมอไป ค่าสเปรดที่กว้างขึ้น เนื่องจากความแตกต่างระหว่างราคา Bid และ Ask หรือราคาซื้อและราคาขาย

ค่าสเปรดยังมีโอกาสเพิ่มขึ้น ในช่วงเวลาที่คู่เงินมีสภาพคล่องต่ำ เนื่องจากการจับคู่ของราคา ผู้ซื้อและผู้ขาย อีกทั้งค่าสเปรดยังเป็นรายได้หลักของทางโบรกเกอร์ หรือนายหน้าระหว่างผู้ซื้อขายและราคาตลาด

ราคาซื้อ Bid

Bid คือราคาซื้อ โดยผู้ค้าที่ต้องการจะซื้อ จะเสนอราคาซื้อที่น่าพอใจ คือราคาที่สูงที่สุดที่พร้อมจะซื้อ โดยผู้ซื้อไม่ต้องการที่จะซื้อสินค้าในราคาที่สูง

ราคาขาย Ask

Ask คือราคาขาย โดยผู้ค้าที่ต้องการจะขาย จะเสนอราคาขายที่น่าพอใจ โดยจะขายในราคาขายที่ต่ำที่สุด ที่จะพร้อมจะขาย แต่ผู้ขายไม่ต้องการที่จะขายสินค้าในราคาที่ถูก

การกำหนดราคาซื้อและราคาขาย

ภาพแสดงการกำหนดราคาซื้อและราคาขาย พร้อมตัวอย่างกระบวนการส่งมอบราคา และสาเหตุที่ราคาสูงขึ้นหรือต่ำลง มาจากอุปสงค์และอุปทาน

เมื่อมีเหตุผลในการเพิ่มขึ้นของราคา ผู้ขายจะเพิ่มราคาที่เสนอขายขึ้น และผู้ซื้อเห็นว่าโอกาสในซื้อราคาเดิ่มลดลง จึงตกลงที่จะเสนอราคาซื้อที่เพิ่มขึ้น

เมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลง กระบวนการซื้อขายจะย้อนกลับ โดยผู้ซื้อต้องการที่จะซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ดีกว่า จึงลดราคาที่จะเสนอซื้อ และผู้ขายจึงอยู่ในสถานะถูกบังคับขายหรือจะต้องมีการพิจารณาในการเสนอราคาขายอีกครั้ง โดยการลดราคาเสนอขาย ธุรกรรมจึงเกิดขึ้นจากการที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงราคา ชำระค่าสินทรัพย์ตามราคาที่ผู้ขายตกลงขายสินทรัพย์ตามราคาที่ผู้ซื้อกำหนด

นี่คือความต้องการซื้อและความต้องการขาย อุปสงค์และอุปทาน ที่เป็นตัวกำหนดราคา เมื่อความต้องการขายมากสินค้าล้นตลาด หรือความต้องการขายมากกว่าผู้ต้องการซื้อ ราคาย่อมถูกลง และเมื่อไหร่ก็คือที่ความต้องการซื้อมากกว่า ความต้องการขาย ราคาย่อมสูงขึ้น เสมือนสินค้ามีน้อย แต่ผู้คนต้องการมาก

ช่องว่างระหว่าง Bid-Ask คือค่าสเปรด

ตัวกลางอย่างเช่น โบรกเกอร์ มีรายได้หลักจากช่องว่างของราคา คือราคาซื้อและราคาขาย การหาค่าสเปรดในแต่ละคู่เงิน จะต้องนำเอา Ask ลบด้วยราคา Bid จะได้ค่าสเปรดที่เป็นส่วนต่างของทั้งสองราคา

ตัวอย่างเช่น

ภาพตัวอย่างการคำนวนราคา ระหว่าง Bid และ Ask เพื่อหาค่าสเปรด

  • เปิดดูราคา Bid และราคา Ask ในโปรแกรม MetaTrader
  • นำราคา Ask คือราคาที่โบรกเกอร์ขายให้กับนักลงทุน เมื่อทำการเปิดออเดอร์ Buy
  • มาลบกับราคา Bid คือราคาที่โบรกเกอร์รับซื้อจากนักลงทุน เมื่อทำการเปิดออเดอร์ Sell
  • ส่วนต่างที่เกิดขึ้น จะเป็นค่าสเปรด จากตัวอย่างในภาพ 2.2 Pip หรือ 22 Point

ทุกครั้งที่เปิดออเดอร์ จะได้ราคาเสนอซื้อหรือเสนอขาย ที่ทางโบรกเกอร์ยินดีที่จะรับซื้อหรือขายให้กับนักลงทุน ดังนั้นควรเผื่อในการเข้า Buy หรือ Sell และ TP หรือ SL ด้วยระยะของค่าสเปรดด้วยทุกครั้ง

อย่าให้เหตุการนี้ เกิดขึ้นกับคุณ

ในแนวโน้มขาขึ้น ที่มีการเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนวิเคราะห์ไว้ดีแล้วว่ายังไงต้องไปต่อ จึงทำการหาจังหวะเข้า Buy ราคาที่จะได้ในขณะนั้นคือราคา Ask ราคาขายที่โบรกเกอร์ขายให้กับนักลงทุน

นักลงทุนได้ตั้ง TP ด้วยเครื่องมือ ฟิโบนัชชี นั่นคือเป้าในการทำกำไรสูงสุด และในทันใดนั้นเองกราฟได้เคลื่อนที่ไปเกือบจะถึงจุดทำกำไร ก่อนที่จะย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าออเดอร์นั้นไม่ถูกปิดตามที่คาดหวังไว้

ในแนวโน้มขาขึ้น เมื่อทำการเข้า Buy นักลงทุนจะได้ราคา Ask และเมื่อปิดออเดอร์ด้วย TP จะต้องให้เส้นราคา Bid ไปชนเส้น TP สถานะจึงจะถูกปิด เสมือนนักลงทุนขายคืนให้กับโบรกเกอร์ ทางโบรกเกอร์ก็จะรับซื้อในราคา Bid นั่นเอง

กล่าวคือ…

  • คำสั่ง Buy: จะได้ราคา Ask คือราคาที่โบรกเกอร์ขายให้กับนักลงทุน และ TP จะต้องให้เส้น Bid ไปแตะเท่านั้น คือ Buy ได้ราคา Ask และปิดด้วย Bid รวมถึงเส้นราคา Bid มาชนเส้น SL เช่นกัน
  • คำสั่ง Sell: จะได้ราคา Bid คือราคาที่โบรกเกอร์รับซื้อคืนจากนักลงทุน และ TP จะต้องให้เส้น Ask ไปแตะเท่านั้น คือ Sell ได้ราคา Bid และปิดด้วย Ask ทั้ง TP และ SL

วิธีเปิดแสดงราคา Ask ใน MetaTrader

ตัวอย่างการเปิดเส้น Ask ซึ่งโดยปกติจะโชว์เพียงเส้น Bid โดยเทรดเดอร์สามารถปรับแต่งได้ ว่าต้องการให้โชว์หรือไม่

ในโปรแกรมเทรดของ MetaTrader มีวิธีเปิดเส้น Ask ดังต่อไปนี้

  • คลิกขวาพื้นที่ว่างหรือกราฟ
  • เลือก Properties ตามเลข 1
  • ติ๊กเครื่องหมายถูกตามหมายเลข 2 แล้วกด OK

เพียงเท่านี้ จะเป็นการเพิ่มเส้น Ask ขึ้นมาในกราฟ เพื่อให้เห็นเส้นราคาทั้งสอง และขนาดช่องว่างของค่าสเปรดที่เพิ่มขึ้นในบางช่วงเวลา

วางแผนการเทรด ไม่ควรมองข้าม Bid-Ask

เมื่อทราบดีแล้วว่า การเทรด Forex จะมีค่าสเปรดเกิดขึ้นทุกครั้ง โดยกำหนดด้วย 2 เส้นนั่นก็คือ Bid และ Ask ดังนั้น ก่อนการเข้าเทรด แม้จะมีจุดเข้าหรือจุดราคาที่ต้องการอยู่ในใจแล้ว สิ่งที่จะต้องคิดเผื่อต่อไปนั่นก็คือ การเผื่อค่าสเปรดในการเข้า ออก หรือตั้งเป้าทำกำไร

ภาพแสดงการซื้อขาย โดยมีเส้น Ask และ Bid เมื่อทำการ Buy จะได้ราคา Ask และถ้าทำการ Sell จะได้ราคา Bid อาจจะดูสวนทางจากมุมมองของนักลงทุน แต่นั่นคือราคาที่ทางโบรกเกอร์เสนอซื้อหรือเสนอขาย

  • คำสั่งซื้อขาย: Buy จะได้ราคา Ask เป็นราคาที่โบรกเกอร์ขายให้กับคุณ และ Sell จะได้ราคา Bid เป็นราคาที่โบรกเกอร์รับซื้อคุณ
  • TP และ SL: ในปริมาณในการเคลื่อนที่ ควรเผื่อค่าสเปรดไว้ในทุก ๆ ครั้ง เพื่อไม่ให้พลาดเป้ากำไร หรือขาดทุนจาก SL ที่แคบจนเกินไป
  • ค่าสเปรด: นับเป็นต้นทุนในการเทรดอย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่มีการเปิดออเดอร์ จะต้องจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์เสมอ คือการเปิดออเดอร์แล้วติดลบในทันที นั่นคือค่าสเปรดที่ต้องจ่าย

คำถามที่พบบ่อย

  • Bid Ask คืออะไร: 2 เส้นที่ปรากฎในกราฟ คือราคาซื้อและราคาขาย
  • ราคา Bid และ Ask ทำงานอย่างไร: ถ้านักลงทุนซื้อ จะได้ราคา Ask เป็นราคาที่โบรกเกอร์ขายให้ และถ้านักลงทุนขาย จะได้ราคา Bid เป็นราคาที่โบรกเกอร์รับซื้อ
  • ส่วนต่างของราคา ราคา Bid และ Ask คืออะไร: ส่วนต่างหรือช่องว่างของราคา Bid และ Ask คือค่าสเปรด เสมือนเป็นค่าบริการของทางโบรกเกอร์
  • ราคา Bid และ Ask ส่งผลโดยตรงกับการเทรดอย่างไร: ทุกครั้งที่ทำการเปิดหรือปิดออเดอร์ เสมือนได้ราคาที่ติดลบในทันที ดังนั้นควรเผื่อค่าสเปรดทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
  • ทำไมต้องมีการกำหนด ราคา Bid และ Ask: อุปสงค์และอุปทาน คือตัวกำหนดราคา และการส่งมอบราคาสมบูรณ์ จำเป็นที่จะต้องมีผู้ซื้อและผู้ขาย ที่สามารถตกลงราคาได้ตามที่กำหนด ในกระบวนการส่งมอบราคา จำเป็นที่จะต้องมีผู้ให้บริการเช่น นายหน้า และส่วนต่างของราคาจึงเป็นค่าบริการ

สรุป

เทรดเดอร์ในตลาด Forex อาจจะทราบกันดีว่า ทุกครั้งที่เปิดคำสั่ง จะมีค่าสเปรดเป็นค่าบริการ และสิ่งที่กำหนดค่าสเปรดก็คือ Bid และเส้น Ask หรือราคาซื้อและราคาขายนั่นเอง

สองเส้นราคา ที่เสนอราคาซื้อและราคาขาย ในตลาด Forex นั่นก็คือ เส้นราคา Bid และเส้น Ask นั่นเอง

แหล่งอ้างอิงข้อมูล