Chaikin Money Flow (CMF) เป็น Indicator ที่นิยมใช้โดยนักลงทุนและเทรดเดอร์ใช้สำหรับวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาด forex โดยอาศัยข้อมูล ปริมาณการซื้อขาย (Volume) และ ราคา (Price)

วัตถุประสงค์ของ CMF

  • เพื่อวัดการไหลของเงินเข้าสู่สินทรัพย์ทางการเงิน
  • ตัวอย่างสินทรัพย์ที่วิเคราะห์ได้: หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, หรือสกุลเงิน

ประโยชน์หลักของ CMF

  • ช่วยให้ทราบสถานการณ์ในตลาดว่ากำลังอยู่ในภาวะ:
  • การสะสม (Accumulation): เงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์
  • การกระจายตัว (Distribution): เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์

เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วย

  • วิธีการคำนวณ CMF อย่างละเอียด
  • การตีความผลลัพธ์จาก CMF
  • เคล็ดลับการใช้งาน CMF เพื่อความแม่นยำและคม
  • ความแตกต่างของ CMF กับ MFI

Chaikin Money Flow (CMF) คืออะไร

CMF พัฒนาโดย Marc Chaikin โดยจุดประสงค์หลักของ CMF คือ การรวมข้อมูลเกี่ยวกับ Volume และ Price Movement เพื่อสร้างเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจสอบว่า “แรงซื้อ” หรือ “แรงขาย” มีอิทธิพลในตลาดมากกว่าในช่วงเวลาหนึ่งๆ

CMF เป็นตัวชี้วัดแบบ Oscillator ที่ค่าจะอยู่ระหว่าง -1 ถึง +1 โดยค่าบวกหรือใกล้ +1 บ่งบอกว่าตลาดกำลังมีแรงซื้อสูง (เงินกำลังไหลเข้าสินทรัพย์) ขณะที่ค่าลบหรือใกล้ -1 บ่งบอกถึงแรงขายที่มีอิทธิพลมากกว่า (เงินกำลังไหลออกจากสินทรัพย์)

สูตรการคำนวณ Chaikin Money Flow (CMF)

การคำนวณ CMF เราจะต้องใช้สมการทั้งหมด 3 สมการด้วยกัน โดยทั้งสามสมการจะอ้างอิงตัวแปรอื่น ๆ ได้แก่ Money Flow Multiplier (MFM), Money Flow Volume (MFV), และ Chaikin Money Flow (CMF) เป็นต้น

Money Flow Multiplier (MFM)

ตัวคูณการไหลของเงินคำนวณจากความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิด, ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดในช่วงเวลานั้น ซึ่งเราสามารถคำนวณผ่านสมการด้านล่างนี้ครับ

MFM = [(Close – Low) – (High – Close)] / (High Low)

  • Close: ราคาปิดของสินทรัพย์ในช่วงนั้น
  • Low: ราคาต่ำสุดในช่วงนั้น
  • High: ราคาสูงสุดในช่วงนั้น

ค่า MFM จะอยู่ระหว่าง -1 ถึง +1 โดยหากราคาปิดอยู่ใกล้กับราคาสูงสุด MFM จะมีค่าใกล้ +1 และหากราคาปิดใกล้กับราคาต่ำสุด MFM จะมีค่าใกล้ -1

Money Flow Volume (MFV)

คำนวณการไหลของเงินในรูปแบบปริมาณ (Volume) -> MFV = MFM * Volume

Chaikin Money Flow (CMF)

คำนวณค่า CMF เป็นค่าเฉลี่ยของ MFV ในช่วงเวลาที่กำหนด -> CMF = Sum of MFV over n periods / Sum of Volume over n periods

รูปที่ 1 ตัวอย่างของ Chaikin Money Flow (CMF) indicator ที่ดาวน์โหลดจาก https://indicatorspot.com/

การตีความค่า CMF

  • CMF > 0 : หมายความว่า มีแรงซื้อเด่นชัดในช่วงเวลานั้น เนื่องจากเงินทุนกำลังไหลเข้าสินทรัพย์
  • CMF < 0 : หมายความว่า มีแรงขายเด่นชัดในช่วงเวลานั้น เนื่องจากเงินทุนกำลังไหลออกจากสินทรัพย์
  • CMF ใกล้ 0 : ตลาดอยู่ในภาวะสมดุล ระหว่างแรงซื้อและแรงขายไม่มีฝ่ายใดเด่นชัด
  • CMF เป็นตัวช่วยในการยืนยันแนวโน้ม
    • หาก CMF เป็นบวกต่อเนื่องระหว่างช่วงขาขึ้นของตลาด อาจหมายถึงการสะสมเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขึ้นของราคา
    • หาก CMF เป็นลบในช่วงขาลง อาจสะท้อนว่าการกระจายตัวของเงินทุนเกิดขึ้นต่อเนื่อง

ข้อดีของ CMF

  1. ประเมินแรงซื้อ-ขายได้แม่นยำ : ด้วยการรวมทั้งราคาและ Volume
  2. เหมาะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้ม : CMF สามารถใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มของตลาด
  3. ใช้งานง่าย : CMF มีให้บริการในแพลตฟอร์มการเทรดยอดนิยม เช่น TradingView, MetaTrader

ข้อเสียของ CMF

  1. ไวต่อความผันผวนในระยะสั้น : CMF อาจให้สัญญาณผิดพลาดในช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวแบบ Sideway
  2. ไม่ได้แยกประเภท Volume : ไม่สามารถแยก Volume ที่เกิดจากแรงซื้อหรือแรงขายอย่างชัดเจน
  3. ไม่เหมาะสำหรับตลาดที่มี Volume ต่ำ : เนื่องจากการคำนวณ CMF ต้องอาศัย Volume เป็นปัจจัยสำคัญ

เคล็ด (ไม่ลับ) การใช้งาน CMF

  • ใช้คู่กับ Indicators อื่นๆ : CMF มักใช้งานร่วมกับ Moving Average (MA), Relative Strength Index (RSI) หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณ
  • กำหนดช่วงเวลาให้เหมาะสม : ค่าเริ่มต้นที่นิยมใช้คือ 20 หรือ 21 วัน แต่สามารถปรับตามลักษณะของสินทรัพย์หรือความถี่ของการเทรด
  • ระวังสัญญาณหลอก (False Signals) : ในตลาดที่มี Volume ผันผวน CMF อาจให้สัญญาณที่ไม่สอดคล้องกับแนวโน้มหลัก

รูปที่ 2 ตัวอย่างการเข้า Buy Position ด้วย CMF indicator ซึ่งใครจะลองใช้ก็ขอให้ทำการ Backtest หรือ ทดสอบเทรดด้วย Demo Account ก่อนนะครับ

เปรียบเทียบ (CMF) กับ Money Flow Index (MFI)

ความเหมือน

  • ทั้ง CMF และ MFI เป็นตัวชี้วัดที่รวมข้อมูลราคาและ Volume
  • ใช้เพื่อตรวจสอบการไหลของเงินในตลาด

ความแตกต่าง

  1. รูปแบบการคำนวณ
    • CMF ใช้ Volume เป็นปัจจัยหลักในการคำนวณ
    • MFI รวมข้อมูลของปริมาณการซื้อขาย (Volume) และความแรงของราคาด้วย
  2. ผลลัพธ์และการตีความ
    • CMF แสดงผลลัพธ์ระหว่าง -1 ถึง +1
    • MFI แสดงผลลัพธ์ในรูปแบบ % ระหว่าง 0 ถึง 100
  3. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
    • CMF เหมาะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มโดยรวม
    • MFI เหมาะสำหรับการหาจุดซื้อ-ขายในตลาดที่ผันผวน

รูปที่ 3 ตัวอย่าง Output ที่แตกต่างกันระหว่าง CMF และ MFI indicator

ตย. การเข้า Buy Position ด้วย CMF และ SMA(100)

สำหรับกลยุทธ์นี้ผมจะแนะนำให้ใช้ร่วมกับ SMA ที่ period 100 ซึ่งเงื่อนไขการเข้า Buy Position มีดังนี้ครับ Price > SMA(100):

  • ราคา (Price) ต้องอยู่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ SMA(100)
  • หมายถึงตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เพราะ SMA(100) บ่งบอกถึงแนวโน้มในระยะกลางถึงยาว

CMF ตัดขึ้นเหนือเส้น 0:

  • ค่า Chaikin Money Flow (CMF) ต้องวิ่งขึ้นและตัดเส้น 0 ขึ้นไป
  • การที่ CMF ข้ามเส้น 0 บ่งบอกว่าเงินทุนเริ่มไหลเข้าสู่ตลาด (มีแรงซื้อเด่นชัดมากขึ้น)

ความสำคัญของการใช้ CMF และ SMA ร่วมกัน

  1. SMA(100) :
    • ใช้ระบุแนวโน้มหลักของตลาด (ขึ้นหรือลง)
    • ช่วยกรองสัญญาณผิดพลาดในช่วงที่ตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน
  2. CMF :
    • ใช้วิเคราะห์แรงซื้อ-ขายที่แท้จริงในตลาด
    • เพิ่มความมั่นใจว่าสัญญาณการเข้าเทรดมีแรงสนับสนุนจากเงินทุน

รูปที่ 4 ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ใช้ CMF และ SMA(100) ในการเทรดทองคำบน Time Frame H1

สรุป

Chaikin Money Flow (CMF) เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการวิเคราะห์ตลาดด้วยการผสานข้อมูลระหว่าง Volume และ Price Movement โดยสามารถบ่งชี้ถึงแรงซื้อ-ขาย และแนวโน้มของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การใช้งาน CMF ควรพิจารณาร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ และควรปรับค่าการตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับลักษณะของตลาดที่เรากำลังเทรด เพื่อให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำยิ่งขึ้น

แหล่งอ้างอิง

 

section border=”2px 2px 2px 2px” border_radius=”50″ border_color=”rgb(183, 34, 34)”]

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon

[/section]