Fibonacci คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญในโลกของการเทรด
- Fibonacci คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการวัด “จุดย่อ” หรือ “การย้อนกลับของราคา” โดยอ้างอิงจากลำดับตัวเลขที่มีความสัมพันธ์กันตามสูตร
- ระดับยอดนิยมที่ใช้กันบ่อยคือ 23.6%, 38.2%, 50.0%, 61.8%, 78.6%
- โดยเฉพาะ 61.8% ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ระดับทองคำ (Golden Ratio)” เนื่องจากพบได้บ่อยในธรรมชาติ คณิตศาสตร์ สถาปัตยกรรม และตลาดการเงิน
- ในโลกการเทรด เทรดเดอร์ ใช้ระดับเหล่านี้เพื่อดูแนวโน้มว่า “ราคาจะพักตัวแค่ไหนก่อนกลับทิศ”
ตัวอย่างการใช้จริง
หากกราฟ BTC/USD วิ่งจาก $20,000 สู่ $30,000 แล้วเริ่มย่อลง เทรดเดอร์อาจลาก Fibonacci Retracement จาก $20,000 (จุดต่ำสุด) ไปยัง $30,000 (จุดสูงสุด) แล้วสังเกตว่า หากราคาย่อลงมาที่ $26,180 (61.8%) จะเป็นจุดตัดสินใจว่า “จะกลับขึ้นไปต่อ หรือจะหลุดลง?”
ความหมายของระดับ 61.8% และรากฐานทางคณิตศาสตร์
- 61.8% มาจากการหารเลขในลำดับ Fibonacci เช่น 34 ÷ 55 ≈ 0.618, 55 ÷ 89 ≈ 0.618
- สัดส่วนนี้เป็นที่รู้จักในวงการศิลปะ (เช่น รูปปั้นกรีก), วิทยาศาสตร์ (เปลือกหอย, ดอกไม้), ไปจนถึงพฤติกรรมมนุษย์ (Golden Ratio Face)
- ในตลาดการเงิน สัดส่วนนี้สะท้อนถึง “จุดสมดุล” ที่นักลงทุนจำนวนมากเฝ้าดู
- เป็นระดับที่มักเกิด “แรงซื้อ-ขาย” อย่างชัดเจน เพราะถือว่าเป็น “จุดพักตัวที่สมเหตุสมผล” ก่อนจะกลับไปตามแนวโน้มเดิม
Fibonacci 61.8% ที่เป็นจุดแนวรับ/ต้าน จิตวิทยา สามารถเทรดได้หลายแบบ ทั้งขา Sell / Buy ก็ต้องรอจังหวะ ณ จุดนี้
ทำไมเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จับตาระดับนี้
- ตลาดการเงินสะท้อน “ความคาดหวัง” ของผู้เล่นจำนวนมาก ซึ่งหลายคนเลือกตั้งคำสั่งซื้อ-ขายไว้ล่วงหน้าที่ระดับ Fibonacci
- เมื่อราคาวิ่งถึง 61.8% สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
- ผู้ซื้อเดิม → เริ่มกลับเข้าซื้อเพราะเห็นว่า “ย่อพอแล้ว”
- ผู้ขายใหม่ → บางส่วนวางขายตรงนี้เพื่อเก็งกำไรการเด้งลง (ถ้าเทรนด์ลง)
- ดังนั้นจุดนี้มักเกิดการปะทะของแรงซื้อ-แรงขายขนาดใหญ่ = ทำให้ “ตลาดสะดุ้ง”
แง่มุมจิตวิทยา
เทรดเดอร์จำนวนมากใช้ระดับนี้เป็น “จุดหวังเด้ง” หรือ “จุดเข้ารอบใหม่” เพราะกลัวพลาดโอกาสในเทรนด์ใหญ่
ตัวอย่างการกลับตัวของราคา กับ 61.8%
ตัวอย่าง 1: กราฟทองคำ (XAU/USD)
- ราคาทองวิ่งขึ้นจาก $1,800 สู่ $2,000
- ย่อกลับลงมาที่ระดับ 61.8% คือแถว $1,876
- หลังจากแตะระดับนี้ มีแท่งเทียน bullish engulfing ตามมา พร้อมปริมาณซื้อสูงขึ้น
- ราคาดีดกลับไปที่ $2,000 ได้อีกครั้ง
ตัวอย่าง 2: กราฟ คู่สกุลเงินรอง GBP/JPY
- ราคาลงมาจาก 190 สู่ 185 แล้วรีบาวน์
- เมื่อวิ่งกลับขึ้นไป 187.5 (ระดับ 61.8% ของขาลง)
- แรงขายเกิดขึ้น พร้อมแท่งเทียน pin bar กดราคาลงอีกครั้ง
บทเรียนที่ได้: ระดับ 61.8% ไม่ได้บอกว่าราคาจะ “กลับตัวเสมอ” แต่เป็นจุดที่ตลาด “แสดงอารมณ์แรง”
ตัวอย่างการใช้ Fibonacci 61.8% ที่มีการเด้งไปต่อ แต่ดูจากแต่ละจุดก็มีนัยยะสำคัญในการเทรด ทั้งด้านเทคนิค และ จิตวิทยา
ความแตกต่างระหว่างเด้งจริงกับเด้งหลอกที่ Fibonacci 61.8%
ตารางที่ 1 แสดงความแตกต่างระหว่างสัญญาญแท้ กับ สัญญาณหลอกของ Fibonacci 61.8%
เกณฑ์เปรียบเทียบ | เด้งจริง | เด้งหลอก |
---|---|---|
แท่งเทียน | แสดง pattern กลับทิศ เช่น Hammer, Engulfing | แท่งเล็ก, ไม่มีแรงตาม |
Volume | ปริมาณซื้อ/ขายเพิ่มขึ้นชัดเจน | ปริมาณบางเบา |
อินดิเคเตอร์เสริม | RSI เริ่มเบนกลับขึ้น, MACD ตัดขึ้น | ไม่มีสัญญาณเสริม หรือยังเป็นขาลง |
พฤติกรรมหลังเด้ง | ราคาไปต่ออย่างมั่นคง | เด้งนิดเดียวแล้วหลุดระดับ |
วิธีวางแผนเทรดเมื่อราคาเข้าใกล้ Fibonacci 61.8%
- ลาก Fibonacci Retracement จากปลายคลื่น (High สู่ Low หรือ Low สู่ High)
- รอราคาเข้าใกล้ระดับ 61.8%
- รอดูสัญญาณยืนยัน เช่น
- แท่งเทียนกลับตัว (Pin bar, Engulfing)
- อินดิเคเตอร์ เช่น RSI divergence
- ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าระดับนี้ 15-30 pips (หรือตามกรอบ timeframe)
- เข้าไม้แรกด้วย lot size เล็ก แล้วเพิ่มถ้าราคาเป็นไปตามทิศทาง
- ตั้งเป้ากำไร ที่ระดับแนวต้านเดิม หรือ Fibonacci Extension เช่น 1.618
อย่าหลงเชื่อ 61.8% โดยไม่ดูปัจจัยร่วม
- การดู Fibonacci เพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยง อาจจะต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่น เช่น
- แนวโน้มหลักของกราฟ (Trend)
- ข่าวเศรษฐกิจหรือแรงกระแทกภายนอก
- พฤติกรรมของกรอบใหญ่ (เช่น Timeframe H4 หรือ D1)
- Fibonacci จะใช้ได้ผลดีที่สุด เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเทรดแบบองค์รวม
Fibonacci ในการเทรดมีอยู่หลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบสามารถใช้ในเทคนิคที่แตกต่างกันได้ตามสถานการณ์ในตลาด และสไตล์ของเทรดเดอร์ ด้านล่างนี้คือรูปแบบหลัก ๆ ของ Fibonacci และเทคนิคการใช้งานที่นิยมในแต่ละแบบ
ประเภทของ Fibonacci ที่ใช้ในการเทรด
Fibonacci Retracement
- ใช้เพื่อหาจุดพักตัวหรือย่อของราคาภายใต้แนวโน้มหลัก
- ระดับยอดนิยม: 23.6%, 38.2%, 50.0%, 61.8%, 78.6%
Fibonacci Extension
- ใช้คาดการณ์ “แนวต้านหรือแนวรับใหม่” เมื่อราคาวิ่งทะลุแนวเก่าไปแล้ว
- ระดับยอดนิยม: 127.2%, 161.8%, 200%, 261.8%
Fibonacci Expansion (หรือ Projection)
- ใช้คาดการณ์ระยะการเคลื่อนไหวของคลื่นถัดไป โดยใช้คลื่นก่อนหน้าเป็นฐาน
Fibonacci Fan
- ใช้เป็นแนวโน้มในแนวเฉียง คล้ายเส้นเทรนด์ไลน์หลายเส้นที่แผ่เป็นรูปพัด
Fibonacci Time Zones
- ใช้วิเคราะห์ “ระยะเวลา” ของการกลับตัวหรือการเกิดจุดเปลี่ยนสำคัญในอนาคต
ตัวอย่างของประเภท Fibo ต่าง ๆที่ใช้ในการคาดการณ์ราคาในอนาคต รวมไปถึงทิศทางการเทรดด้วย
5 เทคนิคการเทรดด้วย Fibonacci
1. การเทรดตามแนวโน้มด้วย Fibonacci Retracement
- ลากเส้นจากจุด Low สู่ High (ในเทรนด์ขาขึ้น) หรือ High สู่ Low (ในเทรนด์ขาลง)
- รอราคาย่อลงมาที่ระดับ 38.2% / 50.0% / 61.8%
- หากมีแท่งเทียนกลับตัว เข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้มเดิม
ตัวอย่าง
EUR/USD ขาขึ้น ย่อลงมาที่ 61.8% มีแท่ง bullish engulfing เข้าซื้อพร้อม Stop Loss ใต้ 61.8%
2. การตั้ง Take Profit ด้วย Fibonacci Extension
- ใช้เมื่อราคากำลังวิ่งไปทดสอบ High เดิมหรือทะลุ
- วัดคลื่นเดิมจาก A สู่ B แล้วลากไปที่ C (จุดย่อ)
- จุด TP แนะนำ: 127.2%, 161.8%, หรือ 200%
ตัวอย่าง
BTC ทำคลื่นจาก $20k สู่ $30k สู่ ย่อมาที่ $25k
วัด Extension ไปได้ $35k (127.2%) และ $38k (161.8%)
3. เทคนิค Breakout + Fibonacci
- หากราคาวิ่งทะลุ High/Low เดิมที่ลาก Fibonacci ไว้
- จุดทะลุนั้นมักพุ่งไปหา Fibo Extension หรือระดับต่อเนื่อง
- ใช้เทคนิคนี้ในข่าวแรง เช่น ข่าว NFP, FOMC
4. เทคนิคผสมกับ Indicator อื่น ๆ
- Fibonacci + RSI ดู RSI divergence บริเวณ Fibo 61.8% เพื่อคาดการณ์การกลับตัว
- Fibonacci + MACD ใช้สัญญาณ MACD ตัดเส้นศูนย์เป็นยืนยันแรงส่ง
- Fibonacci + MA ถ้าระดับ Fibo ทับกับเส้น EMA 200 = แนวรับแรงพิเศษ
5. การเทรด Fibonacci Time Zones
- ใช้ดูรอบเวลาในอดีต แล้วลาก Fibonacci Time Zone ไปข้างหน้า
- จุดที่ตรงกับแนวเวลา 5, 8, 13, 21 ฯลฯ มักเกิดแรงเคลื่อนไหว
ข้อควรระวังในการใช้ Fibonacci
- อย่าใช้ Fibonacci เพียงอย่างเดียว ต้องมีการยืนยันด้วยแท่งเทียนหรืออินดิเคเตอร์
- ต้องอยู่ในบริบทของ “แนวโน้มชัดเจน” เท่านั้น ไม่แนะนำในกรอบ Sideway
- ต้องใช้บน Timeframe ที่เหมาะสม เช่น H1 ขึ้นไปจะให้ผลแม่นกว่า M5
วิธีลาก Fibonacci Retracement แบบเข้าใจง่าย
กรณีตลาด ขาขึ้น (Uptrend)
- หาจุดต่ำสุด (จุดเริ่มต้นแนวโน้ม) สู่ จุดสูงสุด (จุดสิ้นสุดคลื่น)
- ลาก Fibonacci จาก Low สู่ High
- เส้น Fibonacci จะลากจากล่างขึ้นบน (0% อยู่ข้างล่าง, 100% อยู่ข้างบน)
จุดน่าสนใจ
- รอราคาย่อลงมาที่ระดับ 38.2%, 50%, หรือ 61.8%
- หากมีแท่งเทียนกลับตัว เข้า Buy ได้
ตัวอย่าง
ราคาทองคำขึ้นจาก $1,800 สู่ $2,000 ย่อลงถึง $1,880 (ระดับ 61.8%) แท่งเทียน bullish Buy ได้
ตัวอย่างการลากเส้น Fibo ในแนวโน้มขาขึ้น โดยต้องสร้างแนวรับ แนวต้าน ก่อนถึงจะสามารถตีกรอบได้ชัดเจน
กรณีตลาด ขาลง (Downtrend)
- หาจุดสูงสุด สู่ จุดต่ำสุด
- ลาก Fibonacci จาก High สู่ Low
- เส้น Fibonacci จะลากจากบนลงล่าง (0% อยู่ข้างบน, 100% อยู่ข้างล่าง)
จุดน่าสนใจ
- รอราคาย่อตัวกลับขึ้นไปที่ระดับ 38.2%, 50%, หรือ 61.8%
- หากมีแท่งเทียนกลับตัว เข้า Sell ได้
ตัวอย่าง
EUR/USD ลงจาก 1.1000 สู่ 1.0500 ย่อตัวขึ้นถึง 1.0800 (ระดับ 61.8%) แท่งเทียน pin bar Sell ได้
ตัวอย่างการลากเส้น Fibo ในแนวโน้มขาลง โดยต้องสร้างแนวรับ แนวต้าน ก่อนถึงจะสามารถตีกรอบได้ชัดเจน
คลิป
- ขอแนะนำคลิปที่เปิดเผยเทคนิควิธีการใช้ Fibonacci 61.8% จากช่อง Wealth66 ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูแล้วเข้าใจง่ายและนำไปปรับใช้ในการเทรด กับคลิป ACTION ตอนไหน?? : เทคนิคการใช้ Fibonacci 61.8%
- 0.48: อธิบายถึงแนวรับ แนวต้านสำคัญ
- 1.10 : ยกตัวอย่างกราฟทอง กับการใช้งาน Fibonacci 61.8%
- 2.38: เผยถึงแนวรับ แนวต้านสำคัญ ที่ควรเทรด
สรุป
เพราะ Fibonacci 61.8% มันไม่ใช่แค่ “เลขหนึ่งในกราฟ” แต่เป็น “ระดับทางจิตวิทยา” ที่มีผลจริงในตลาด
- มันช่วยสร้าง “จุดเข้าที่ยุติธรรม” และควบคุมความเสี่ยงได้ดี
- เทรดเดอร์มืออาชีพจึงไม่เทรดแค่ตามอารมณ์ แต่ใช้ Fibonacci 61.8% เป็น “เครื่องมือในการรอจังหวะที่ได้เปรียบ”
อ้างอิง:
- Fibonacci คืออะไร : https://fxpfx-learning.com/article/17
FAQ — ทำไมตลาดต้อง “สะดุ้ง” เมื่อราคาวิ่งชน Fibonacci 61.8%
ควรให้ความสนใจทุกระดับ Fibonacci แต่ตีความตาม “ความลึก” ของการย่อตัวและ “ความแข็งแกร่ง” ของแนวโน้ม
- 23.6% และ 38.2% — ย่อตัวแบบตื้นๆ ในแนวโน้มที่แข็งแกร่งมาก ราคาอาจแค่พักตัวเล็กน้อยแล้วไปต่อ
- 50% — ไม่ใช่ระดับ Fibonacci โดยตรง แต่เป็นจุดกึ่งกลางที่คนจำนวนมากให้ความสำคัญทางจิตวิทยาว่าเป็นการย่อครึ่งทาง
- 61.8% — ถูกมองว่าเป็นการย่อตัวที่ “ลึกแต่ยังไม่เสียทรง” เป็นโอกาสสุดท้ายที่ราคาจะกลับตัวตามเทรนด์เดิม หากหลุดระดับนี้ไปได้ ก็สัญญาณว่าเทรนด์เริ่มอ่อนแรงแล้วจริงๆ
ในตลาดที่ไม่มีทิศทางชัดเจน “Fibonacci Retracement” ยังพอใช้เป็น “แนวรับ/แนวต้านย่อย” ได้ แต่ยังไม่ควร “เข้าเทรด” แล้วหวังให้ราคาไปต่อเหมือนในเทรนด์ การใช้ “Fibonacci Extension” เพื่อหาเป้าหมายของแนวโน้มใหม่ ก็มักได้ผลน้อยลงในตลาด Sideway เพราะขาด Momentum ที่ชัดเจน ดังนั้นการดูเฉพาะ Fibonacci อาจให้สัญญาณหลอก ต้องใช้ร่วมกับ สัญญาณยืนยันอื่น ๆ เช่น แท่งเทียนกลับตัว, Volume, หรืออินดิเคเตอร์เสริม แต่ถ้าไม่มั่นใจหรือสัญญาณขัดแย้งกัน การไม่เข้าเทรด — wait and see คือทางเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุด