รู้จักตะกร้าค่าเงิน Finviz
เคยได้ยินชื่อ Finviz (Financial Visualizations) กันบ้างไหม? ถ้าคุณเป็นนักเทรดค่าเงินหรือชอบลงทุนอยู่แล้วคงคุ้นหูคุ้นตากันบ้างแหละ โดยเฉพาะในตลาด Forex นี่ Finviz ดังมากนะขอบอก เป็นที่รู้จักกันดีจาก “ตะกร้าค่าเงิน (Currency Basket)” ที่สามารถเปรียบเทียบสกุลเงินต่างๆ ช่วยให้เห็นภาพการแข็งค่า-อ่อนค่าของสกุลเงินได้แบบชัด ชัวร์ ไม่มั่วนิ่ม
แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ Finviz ครอบคลุมข้อมูลและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการลงทุนและการเก็งกำไรในหลากหลายตลาด ทั้งหุ้น, ฟิวเจอร์ส, Forex และคริปโตเคอร์เรนซี
วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า Finviz สามารถยกระดับการเทรดของคุณได้อย่างไร? เราจะพาไปทำความรู้จัก Finviz ให้มากขึ้น พร้อมการแนะนำฟีเจอร์เด็ดๆ โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์สาย Forexไม่ควรพลาด เจาะลึกกันตั้งแต่พื้นฐานการขึ้นลงของค่าเงิน ไปจนถึงการนำปัจจัยต่างๆ มาวิเคราะห์ร่วมกับเทคนิคสูตร(ไม่)ลับ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใครและเอาชนะตลาดได้ ขอบอกไว้ก่อนว่าบทความนี้อาจจะยาวหน่อยนะ แต่ทีมงานตั้งใจทำขึ้นอย่างละเอียดเพื่อเทรดเดอร์ชาวไทยอย่างแท้ทรู
ตัวอย่างตะกร้าค่าเงิน ที่มีสกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลกลาง เปรียบเทียบการอ่อนหรือแข็งค่าของค่าเงิน
Finviz คืออะไร?
Finviz (Financial Visualizations) คือ เว็บไซต์ให้บริการข้อมูลที่สำคัญ สำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนระดับโลก หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “ตะกร้าค่าเงิน” นักลงทุนในตลาด Forex ต่างใช้ Finviz เพื่อดูการอ่อนค่าหรือแข็งค่าของแต่ละสกุลเงิน
ทำไมนักเทรด Forex ถึงชอบใช้ Finviz?
- ใช้ส่องความแข็งแกร่งของสกุลเงิน: ทำให้เห็นภาพว่าสกุลเงินไหนกำลังแข็งค่าหรืออ่อนค่า
- ใช้เปรียบเทียบสกุลเงิน: วัดกันไปเลยว่าสกุลเงินไหนกำลังมา สกุลเงินไหนกำลังแผ่ว
- ใช้ส่องหาแนวโน้ม: ทำให้พอเดาทางได้ว่าค่าเงินจะไปไหนต่อ จะขึ้นเหนือหรือลงใต้
- ใช้เพิ่มความมั่นใจ: เหมือนมีพรายกระซิบข้างหู ถ้าผิด..ก็..ผิดแบบมีหลักการไงหล่ะ
ภาพรวมของ Finviz
Finviz เป็นแพลตฟอร์มที่ วิจัย วิเคราะห์ รวมรวม และสร้างเครื่องมือที่พร้อมใช้งาน สำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนทุกตลาด สามารถเข้าใช้งานได้ฟรี และเสียเงิน
Finviz เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ให้บริการเทรดเดอร์และนักลงทุน เสมือนเป็นกล่องเครื่องมือสามัญประจำตัวนักลงทุน ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดย Juraj Duris โดยสำนักงานใหญ่อยู่ที่ เมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย
ทำไม Finviz ถึงน่าสนใจ?
สิ่งที่ทำให้ Finviz ดูโดดเด่นจนใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังมามอง คือ การนำเสนอข้อมูลเชิงลึกให้เข้าใจง่ายๆ และการแสดงภาพในรูปแบบแผนภูมิความร้อน (Heatmap) ซึ่งสวยสะดุดตามาก และไม่ใช่แค่ภาพสวย แต่ Finviz ยังมีฟีเจอร์อื่นๆอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น การรวบรวมข่าวให้ดูง่ายๆ การวิเคราะห์ค่าเงิน การคัดกรองจัดเตรียมข้อมูลแบบเรียลไทม์ และข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมตลาดได้ชัดเจน
ด้วยความสามารถรอบด้านขนาดนี้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่ Finviz จะเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเงินที่หาตัวจับได้ยาก และเป็นที่รู้จักกันดีในวงการลงทุน ใครไม่รู้จัก Finviz นี่ถือว่า ผิด!
รู้ไหม Finviz ให้ความสำคัญกับนักเทรดทุกสไตล์นะ!
Finviz มอบความยืดหยุ่นในการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย ตอบโจทย์นักลงทุนและเทรดเดอร์ทุกสไตล์ ทั้งขาซิ่ง สายเทรด สายVI โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ เครื่องมือ พื้นฐาน และเทคนิค
การทำงาน 3 ระดับง่าย ๆ เครื่องมือ พื้นฐาน และเทคนิค ที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมและความต้องการ
- เครื่องมือ (Screener): เหมาะสำหรับการคัดกรองข้อมูลพื้นฐาน เช่น มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด, หุ้นขนาดต่างๆ (เล็ก-กลาง-ใหญ่), วันเวลา, ภาคอุตสาหกรรม, ปริมาณ และอื่นๆ อีกมากมาย
- พื้นฐาน (Fundamentals): เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักวิเคราะห์ ที่ใช้อัตราส่วนในการวิเคราะห์ เช่น P/E, อัตรากำไรขั้นต้น, หนี้สิน/ทุน, อัตราส่วนการจ่ายเงิน, และอื่นๆ นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างพอร์ตการลงทุนได้อีกด้วย
- เทคนิค (Technical): เหมาะสำหรับเทรดเดอร์หรือนักลงทุนที่สนใจข้อมูลทางเทคนิค เช่น ราคาสูงหรือต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, รูปแบบแพทเทิร์น, การก่อตัวของแท่งเทียน และสัญญาณทางเทคนิคต่างๆ
เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม เพราะสไตล์การลงทุนของแต่ละคน จะมีความแตกต่างกัน “เริ่มต้นด้วยการเลือกเครื่องมือที่ใช่ แล้ว Finviz จะช่วยให้คุณเห็นภาพตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น”
การใช้ Finviz ในการเทรด Forex
Finviz มีเทคนิคและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป นี่เป็นเพียงตัวอย่างและแนวทางหนึ่งในการนำไปปรับใช้งาน
1. เป็นแนวทางในการเทรด
ปัจจัยที่จะทำให้ชนะตลาด มีมากมายหลายปัจจัยด้วยกัน การนำเทคนิคหรือวิธีการเทรดในแต่ละรูปแบบ มาปรับใช้ร่วมกันคือแนวทางที่ดี แม้เทคนิคการเทรดที่เลือกใช้ จะสามารถใช้ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่การเช็คสัญญาณด้วยเครื่องมืออื่น ๆ อย่าง Finviz จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น
2. เช็คการอ่อนหรือแข็งค่าของค่าเงิน
เทรดเดอร์หลายคน จะดูตะกร้าค่าเงิน ใน Finviz เพื่อเช็กแนวโน้มที่จะอ่อนหรือแข็งค่า ซึ่งการอ่อนหรือแข็งค่าของค่าเงิน มาจากระบบเศรษฐกิจ หรืออัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง จึงสามารถใช้วิเคราะห์หรือคาดการณ์แนวโน้มตามสภาพตลาดที่เป็นจริงได้
3. เช็กข่าว และการตอบสนองต่อข่าว
การติดตามข่าวสาร นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ Forex แม้ว่าเทรดเดอร์สายเทคนิคหลายๆคนที่พยายามหลีกเลี่ยงข่าว ไม่เทรดชนข่าวเลย แต่การเช็กสถานการณ์ข่าวตลอดก็เป็นสิ่งที่ควรทำนะ “ดูห่างๆ อย่างห่วงๆ” เมื่อมีข่าวสำคัญเกิดขึ้น Finviz ช่วยให้คุณเห็นภาพว่านักลงทุนทั่วโลกตอบสนองต่อข่าวนั้นๆ อย่างไร รู้นะ..ฉันรู้นะ..ว่าเธอคิดอะไรอยู่ (เข้าทำนองเพลงพี่ป้าง) ซึ่งจะช่วยให้คุณป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
“Finviz เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับเทรดเดอร์ Forex ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้
แล้วคุณจะเห็นว่า Finviz สามารถช่วยให้เทรดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
เครื่องมือใน Finviz มีอะไรบ้าง รู้จักโดยละเอียด
ภาพหัวข้อ เครื่องมือใน Finviz มีอะไรบ้าง รู้จักโดยละเอียด
Finviz ไม่ได้มีดีแค่ “ตะกร้าค่าเงิน” แต่ยังเต็มไปด้วยเครื่องมือสุดเจ๋งอีกมากมาย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
- Home: เป็นหน้ารวมแดชบอร์ด แสดงถึงความเคลื่อนไหว ภาพรวม ตลาดทุนต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์รวมถึงเครื่องมือที่เป็นจุดเด่นของทางแพลตฟอร์ม
- News: กระดานข่าวและ Blogs ที่รวบรวมไว้จากหลายสำนัก เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุน อีกทั้งยังมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหาได้ยากสำหรับแพลตฟอร์มในลักษณะนี้ ที่ใช้เว็บไซต์เดียวแต่สามารถติดตามข่าวสารได้ทุกสำนักข่าวหลัก
- Screener: เป็นเครื่องมือในการคัดกรอง หรือแสกนหาสินทรัพย์ที่เทรดเดอร์สนใจ ตามเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ที่ต้องการ เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์และการนำไปใช้ต่อ เป็นเครื่องมือแสกนหุ้นที่นักลงทุนทั่วโลกต่างยกนิ้วให้ (โป้ง!!)
- Maps: มองเห็นภาพรวมตลาดชัดเจนด้วยแผนภูมิความร้อน สีสันสดใส พร้อมเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง ช่วยเปรียบเทียบสินทรัพย์ต่างๆ ได้ง่ายๆ
- Groups: จัดกลุ่มสินทรัพย์ตามประเภทและความเคลื่อนไหว ดูข้อมูลย้อนหลังได้ตามต้องการ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน
- Portfolio: จัดการพอร์ตการลงทุนของคุณเอง (สำหรับสมาชิกเท่านั้น)
- Insider: ข้อมูลเชิงลึกของแต่ละสินทรัพย์รายตัว ที่มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
- Futures: ตางรางความเคลื่อนไหวของฟิวเจอร์ เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง และภาพรวมได้ง่ายๆ
- Forex: สวรรค์ของนักล่าค่าเงิน เทรดเดอร์สาย Forex! ดูความเคลื่อนไหวของค่าเงินแบบเรียลไทม์ รู้ทันทุกแนวโน้ม
- Crypto: ตารางเปรียบเทียบแสดงความเคลื่อนไหวของ สกุลเงินดิจิทัลเมื่อ เทียบกับสกุลเงินหลัก
- Backtests: ทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลัง ดูผลการดำเนินงานและข้อมูลทางสถิติ (สำหรับสมาชิกเท่านั้น)
- Elite: การปรับแต่งข้อมูล หรือสิ่งที่เทรดเดอร์สนใจ ต้องการที่จะใช้งานเพื่อให้เข้ากับสไตล์การเทรดของคุณที่สุด
เจาะลึกแต่ละหน้า ที่สำคัญกับการลงทุน เทรดเดอร์ Forex ไม่ควรมองข้าม
1. Home
ภาพหน้าแรก เว็บไซต์ https://finviz.com/ จะเป็นภาพรวม ทั้งข้อมูลและเครื่องมือสำหรับนักลงทุน
หน้าแรก Finviz จะเป็นภาพรวมตลาด ที่รวมไปด้วยดัชนีหุ้น น้ำมัน ทองคำ และที่สำคัญ ๆ อีกหลายตัว แม้คุณจะเทรด Forex เป็นหลัก ก็อย่าพลาดหน้า Home เพราะคุณจะได้เห็นภาพรวมของตลาดทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินต่างๆ
จากในภาพ จะเห็นว่า ดัชนี Dow Nasdaq S&P 500 ล้วนเป็นแนวโน้มขาขึ้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ ยังอยู่ในอารมณ์การซื้อขายที่อยู่ในเชิงบวก แน่นอนว่าส่งผลให้ภาพรวมการลงทุน เศรษฐกิจ มีมุมมองเป็นไปในทางที่ดี คนที่เข้ามาซื้อขายหรือลงทุนในตลาดดังกล่าว ส่วนใหญ่จะต้องแลกเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นสกุลเงินกลาง ก่อนที่จะทำการซื้อขาย
แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีปัจจัยด้านลบ ๆ เกิดขึ้น ดัชนีดังกล่าวอยู่ในทิศทางลบ จะสังเกตได้ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งตัวขึ้น เนื่องจากดัชนีหุ้นดังกล่าวถูกขายออกไปและกลับมาถือดอลลาร์สหรัฐนั่นเอง ก่อนที่เงินดอลลาร์จะถูกนำไปใช้ในประเภทสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ซื้อทองคำหรือสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีข่าวความขัดแย้งหรือสงคราม ดังนั้นดัชนีหุ้น สามารถใช้ดูแนวโน้มหรือทิศทาง และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้
“หน้า Home ช่วยให้คุณเห็นแนวโน้มและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
อย่าลืมแวะมาเช็กหน้า Home บ่อยๆ เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญของตลาด”
2. News
ภาพแสดงหน้า News เป็นหน้ารวมข่าวจากทุกสำนัก ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การเงินและการลงทุน มีการอัปเดตตลอดเวลา หรือสามารถเลือกดูแยกตามสำนักข่าวก็ทำได้
ไม่ว่าคุณจะเทรด Forex หรือลงทุนในตลาดอื่นๆ การติดตามช่าวสาร เป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกคน ซึ่ง Finviz ได้รวบรวมข่าวจากทุกสำนักข่าวระดับโลก ที่รายงานเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุน มาให้แล้ว
โดยอัปเดตตลอดเวลา เรียงกันให้เห็นเป็นนาที ว่ามีข่าวใดบ้าง จากสำนักไหนบ้าง หรือจะเลือกดูเฉพาะสำนักข่าวนั้น ๆ ก็สามารถทำได้ โดยสามารถเลือกข่าวได้ดังนี้
- Market News: ข่าวและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน และเศรษฐกิจ แยกตามสำนักข่าวชัดเจน อัปเดตทุกนาที
- Stocks News: ข่าวที่เกี่ยวข้องกับหุ้นและการลงทุนโดยตรง อัปเดตทุกนาทีเช่นกัน
- ETF News: ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ กองทุนรวม ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์โดยตรง
“อย่าปล่อยให้ตัวเองตกข่าว
เข้ามาเช็คหน้า News ของ Finviz บ่อยๆ ก้าวให้ทันทุกความเคลื่อนไหวของตลาด”
3. Screener
ภาพแสดงหน้า Screener เครื่องมือที่ใช้แสกนหาหุ้น ตามเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ที่นักลงทุนต้องการ เหมาะอย่างมากสำหรับใช้ แสกนหาหุ้นให้ได้ตามเงื่อนไขที่วางไว้
ในหน้านี้ เป็นเครื่องมือที่ใช้แสกนหาหุ้น ค้นหา คัดกรอง ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ เช่นเลือกหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นบวกหรือลบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงตามเครื่องมือทางเทคนิค จะช่วยกรองหุ้นนับพันๆ ตัว ให้เหลือเพียงหุ้นที่น่าสนใจเท่านั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น
ตัวอย่างการกำหนดหลักเกณฑ์ในการค้นหา
- ราคาหุ้น: เลือกราคาหุ้น ตามช่วงราคาที่ต้องการจะลงทุน
- P/E Ratio: ค้นหาหุ้นที่มีอัตราส่วน P/E ตามต้องการหรือเท่าที่เหมาะสม
- Market Cap: ค้นหาหุ้นตามขนาดบริษัท เล็ก กลาง ใหญ่ได้ตามต้องการ
- Dividend Yield: คัดกรองหุ้นที่จ่ายเงินปันผลตามที่ต้องการ
- และอีกนับไม่ถ้วน: สามารถคัดกรองได้อย่างละเอียด ปรับแต่งเงื่อนไขได้ตามต้องการ
“หน้า Screener คือ เครื่องมือคัดกรองหุ้นตามเงื่อนไขที่เราต้องการ
หาหุ้นสเป็คได้ตรงใจ ปัดขวากันรัวๆ ละงานนี้”
4. Maps
ภาพแสดงหน้า Maps แผนที่ตารางความร้อน ที่แสดงภาพรวมตลาดได้ทุกสินทรัพย์ โดยสีเขียวแสดงถึงตลาดในเชิงบวก ส่วนสีแดงแสดงถึงตลาดในเชิงลบ เพื่อนักลงทุนจะสามารถเข้าใจภาพรวมตลาดได้ทันที
ตารางแผนที่ของหุ้น ซึ่งมีการแบ่งกลุ่ม หรือประเภทต่าง ๆ แล้วแสดงภาพรวมที่เกิดขึ้นว่า ในขณะนั้นหุ้นส่วนใหญ่มีทิศทางเป็นอย่างไร กำลังบวกหรือลบเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ เพื่อให้ง่ายต่อการดูภาพรวม หรือสินทรัพย์เป็นกลุ่มในประเภทต่าง ๆ
เพียงดูแว๊บเดียวเท่านั้น ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่า ในขณะนั้นตลาดส่วนใหญ่เป็นไปทิศทางใด บรรยากาศการลงทุนเป็นอย่างไร หรือความเชื่อมั่นในการซื้อขายหุ้นเป็นอย่างไร เพราะในหน้านี้ได้รวมทุกอย่างนำเสนอออกมาในรูปแบบแผนภูมิความร้อนไว้เป็นที่เรียบร้อย เพียงเห็นสีก็รู้ได้ทันที
“หน้า Maps นำเสนอข้อมูลตลาดในรูปแบบ “แผนที่ตารางความร้อน (Heatmap)”
ที่แสดงภาพรวมของทุกสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจง่าย สวยสดงดงาม ยากจะละสายตาจากเธอได้”
5. Groups
ภาพแสดงกลุ่มของสินทรัพย์ในรูปแบบ Bar Chart แยกตามการแสดงผล 1 Day, 1 Week, และ 1 Month
เป็นการจัดกลุ่มตามประเภทของหุ้น สามารถจัดกรองตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์ของราคา หรือเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนต้องการ
ตัวอย่างการจัดกลุ่มหุ้นตามความต้องการ
- กลุ่มอุตสาหกรรม: เช่น เทคโนโลยี, พลังงาน, สาธารณูปโภค
- ขนาดบริษัท: เช่น หุ้นขนาดใหญ่, ขนาดกลาง, ขนาดเล็ก
- ปัจจัยพื้นฐาน: เช่น P/E ต่ำ, อัตราการเติบโตสูง, จ่ายปันผลดี
Finviz Groups ยังให้คุณเลือกดูข้อมูลได้หลายรูปแบบ ตามสไตล์การวิเคราะห์
- Overview: ภาพรวมของกลุ่มหุ้นแบบกว้างๆ เช่น ราคาเฉลี่ย, การเปลี่ยนแปลง, ปริมาณการซื้อขาย
- Valuation: เจาะลึกข้อมูลด้านมูลค่า เช่น P/E, P/B, อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
- Performance: ดูผลตอบแทนของหุ้นแยกประเภทตามอุตสาหกรรมในช่วงเวลาต่างๆ
- Custom: ปรับแต่งตารางข้อมูลเอง เลือกดูเฉพาะข้อมูลที่คุณสนใจ
- Bar Chart: แสดงข้อมูลในรูปแบบกราฟแท่ง เปรียบเทียบความเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มได้ง่ายๆ
- Spectrum: แผนภูมิสีสันสดใส แสดงภาพรวมของกลุ่มหุ้นแต่ละกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว
- Charts: ดูรายละเอียดกราฟราคาของหุ้นแต่ละตัวในกลุ่ม
“หน้า Groups สามารถจัดกลุ่มหุ้นตามประเภทต่างๆ และดูภาพรวมของแต่ละกลุ่มได้ง่ายๆสบายตา”
6. Portfolio
ภาพแสดงพื้นที่สมาชิก ในเมนู Portfolio ก่อนจะเข้าใจงานจำเป็นที่จะต้องลงทะเบียนเสียก่อน โดยเมนูนี้สามารถเลือกติดตามสินทรัพย์ที่สนใจ เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูลเฉพาะที่สนใจเท่านั้น
สำหรับหน้านี้ จะเป็นพื้นที่สมาชิกเท่านั้น สามารถสมัครได้ฟรี แต่การใช้งานจะยังมีข้อจำกัดมากกว่าโปรแกรมจ่ายเงิน เบื้องต้นสามารถสร้างพอร์ต และบันทึก ติดตาม หุ้นหรือสกุลเงินที่สนใจ
ถึงแม้จะฟรี ก็ยังทำอะไรได้หลายอย่างนะ:
- สร้างได้ 50 พอร์ต: เพิ่มหุ้นหรือสกุลเงินที่สนใจติดตามในพอร์ตส่วนตัวได้เลย (แบบเสียเงินได้ 100 พอร์ต)
- ติดตามเลือกสินทรัพย์ได้ 50 รายการ: เอาไว้ดูราคาล่าสุด ดูการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ (แบบเสียเงินได้ 500 รายการ)
ถ้าเป็นสมาชิกเสียเงิน Elite (ประมาณเดือนละ 800+ บาท)
- ได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์: คือเร็วสุดๆ เห็นความเคลื่อนไหวของตลาดแบบทันทีทันใด
- มีกราฟขั้นสูง: เครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคแบบจัดเต็ม แถมยัง Backtest กลยุทธ์การเทรดได้ด้วย
- มีแจ้งเตือนทางอีเมล: ทั้งเรื่องราคาหุ้น ข้อมูล Insider การเปลี่ยนแปลง Rating และข่าวสำคัญๆ
- มีข้อมูลแบบละเอียดยิบ: ทั้ง EPS, Sales, Shares แถมยังดูข้อมูล Correlations ได้ละเอียดกว่า
- ส่งออกข้อมูลไป Excel ได้: มี API ให้ใช้งาน แถมปรับแต่ง Layout ได้ตามชอบ
หน้า Portfolio เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณจัดการการลงทุนได้ง่ายขึ้น
7. Insider
ภาพแสดงหน้าเมนู Insider เป็นการแสดงข้อมูลหุ้นในเชิงลึก และความเคลื่อนไหวต่าง ๆ
เป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของ Finviz ทำให้ได้อารมณ์เหมือนอยู่ในหนังดังอย่าง Margin Call (2011) หรือ Wall Street (1987) ได้คลุกคลีไขคดีแกะรอยการกระทำของบุคคลสำคัญภายในบริษัท หรือที่เรียกว่า Insider (เช่น ผู้บริหารระดับสูง หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่) การที่พวกเขาซื้อหรือขายหุ้น อาจบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของบริษัท หรือว่า… อาจมีความลับบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น!? (จุ๊ๆ)
หน้า Insider บอกอะไรเราบ้างหล่ะ?
- Ticker: ตัวย่อของหุ้น
- Owner: ใครเป็นเจ้าของการกระทำนี้
- Relationship: ความสัมพันธ์ของ Insider กับบริษัท เช่น CEO, CFO หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- Date: วันที่ทำการซื้อขาย
- Transaction: ประเภทของธุรกรรม เช่น ซื้อ (Buy) หรือขาย (Sale)
- Cost: ราคาต่อหุ้นที่ซื้อขาย
- #Shares: จำนวนหุ้นที่ซื้อขาย
- Value($): มูลค่ารวมของการซื้อขาย (จำนวนหุ้น x ราคาต่อหุ้น)
- #Shares Total: จำนวนหุ้นทั้งหมดที่บุคคลภายในถือครองหลังจากการทำธุรกรรม
- SEC Form 4: เอกสารที่ยื่นให้ SEC (ก.ล.ต.) เพื่อรายงานการซื้อขายหุ้น (กดเข้าไปดูได้โปร่งใสดีมาก)
“หน้า Insider เป็นแหล่งรวมข้อมูลการซื้อขายหุ้นของบุคคลภายในบริษัท (Insider)
ซึ่งถือเป็นข้อมูลวงในที่อาจส่งสัญญาณถึงทิศทางของราคาหุ้นได้เลย”
8. Futures
ภาพแผนภูมิความร้อน แสดงสีเขียวสัญลักษณ์ในตลาดเชิงบวก และสีแดงสัญลักษณ์ในตลาดเชิงลบ อีกทั้งแสดงการเปลี่ยนแปลงสำหรับตลาด Futures
สำหรับเทรดเดอร์ที่สนใจสินทรัพย์ประเภท Futures…Finviz ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
หน้า Futures จัดเต็มข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็น:
- แผนภูมิความร้อน (Heatmap): สีเขียว-แดง บอกสถานะตลาดแต่ละสัญญาได้ทันที
- ตารางชัดเจน: ดูการเปลี่ยนแปลงราคาตลอดทั้งวันได้ง่ายๆ แยกตามประเภทสินทรัพย์ต่างๆ
- จุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ VIX (ความผันผวน): จะแสดงอยู่ด้านบนสุดของชาร์ต ช่วยให้ประเมินความกลัวในตลาดได้ง่ายๆ เลย คนออกแบบไอเดียดีมาก
“หน้า Futures นำเสนอข้อมูลตลาด Futures ในรูปแบบ Heatmap
ทำให้เห็นภาพรวมตลาดได้รวดเร็วและเข้าใจง่ายๆเลย”
9. Forex
ภาพแสดงหน้า Forex พื้นที่สำคัญ ที่เทรดเดอร์ Forex นิยมใช้ เพราะง่ายต่อการวิเคราะห์อีกทั้งยังสามารถนำเสนอการเคลื่อนไหว ภายใต้มุมมองของทางเศรษฐกิจ หรือปัจจัยพื้นฐาน สามารถนำไปใช้ประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้เป็นอย่างดี
ตะกร้าค่าเงินที่คนไทยรู้จักกันดี แสดงตารางคู่เงิน พร้อมแนวโน้มขาขึ้นและขาลง ด้วยสีที่ดูง่ายชัดเจน และพระเอกที่มองข้ามไปไม่ได้ นั่นคือ 1 Day Relative Performance [USD] ที่แสดงการอ่อนค่าและแข็งค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ กับ 8 สกุลเงินหลัก
โดยมี USD เป็นสกุลกลางในการเปรียบเทียบ ตามนี้เลย:
- EUR/USD
- GBP/USD
- USD/JPY
- USD/CAD
- USD/CHF
- AUD/USD
- NZD/USD
เทรดเดอร์หรือนักลงทุน สามารถใช้ข้อมูลนี้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนำสกุลเงินดังกล่าวมาเปรียบเทียบเพื่อหาแนวโน้มในการซื้อขาย หรือใช้เช็คแนวโน้มคาดการณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“หน้า Forex ช่วยให้วิเคราะห์ค่าเงินได้ง่ายๆ เอาไปประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างลงตัว”
10. Crypto
ภาพแสดงหน้า Crypto ในรูปแบบตะกร้าค่าเงิน ที่เปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นำเสนอรูปแบบคล้ายกับ Forex แต่เจาะจงที่สกุลเงินดิจิทัล โดยมีดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลกลาง แสดงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ USD นั่นเอง
หน้า Crypto นำเสนออะไรบ้าง?
- ตะกร้าค่าเงินดิจิทัล: แสดงรายชื่อเหรียญคริปโตฯ ยอดนิยม พร้อมเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)
- การเคลื่อนไหวราคา: ดูการอ่อนค่าหรือแข็งค่าของแต่ละเหรียญได้ง่ายๆ เหมือนกับการดูค่าเงินทั่วไป
“หน้า Crypto ช่วยให้คุณติดตามราคาเหรียญต่างๆ ได้อย่างสะดวกและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูล”
11. Backtests
ภาพแสดงหน้า Backtests เป็นฟีเจอร์สำหรับสมาชิก Elite เท่านั้น (ประมาณเดือนละ 800+ บาท)
Finviz Backtests มีอะไรบ้าง?
- ทดสอบกับข้อมูลย้อนหลัง: Finviz มีข้อมูลตลาดย้อนหลังหลาย 10 ปี ทำให้สามารถทดสอบกลยุทธ์ในสภาวะตลาดที่แตกต่างกันได้ เหมือนได้ย้อนเวลาไปดูว่ากลยุทธ์นี้จะเวิร์คไหมในอดีต?
- มีอินดี้เคเตอร์ให้เลือกทดสอบเยอะ ตั้งค่าได้ตามต้องการ: สามารถสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อนได้ตามใจ แถมยังแบ่งเป็น Long Strategy และ Short Strategy ได้ด้วยนะ จะเข้าออเดอร์แบบหนึ่ง ออกออเดอร์อีกแบบหนึ่ง ก็ทำได้สบายๆ
- เปรียบเทียบผลลัพธ์ได้ชัดเจน: หลังการทดสอบแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะมาในรูปแบบกราฟและสถิติต่างๆ ทำให้สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ต่างๆ ได้ง่ายๆเลย เห็นภาพชัดเจน ว่าต้องปรับตรงไหนบ้าง
“หน้า Backtests ช่วยให้คุณทดสอบกลยุทธ์การเทรดกับข้อมูลในอดีต
เพื่อดูว่ากลยุทธ์นั้นจะรุ่ง หรือจะร่วง”
12. Elite
หน้า Backtest และ Elite จะเป็นพื้นที่สำหรับสมาชิก Elite ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อการเข้าถึงที่มากยิ่งขึ้น ตกเดือนละ 25 USD หรือราวๆ 800 กว่าบาทต่อเดือน โดยในช่วงท้ายๆบทความ จะมีสรุปให้เห็นภาพว่าคุ้มค่าไหมที่ต้องเสียเงิน จะได้อะไรเพิ่มบ้าง? และใครบ้างที่ควรใช้แบบ Elite หรือว่าใช้แค่แบบสมาชิกลงทะเบียนฟรีก็เพียงพอแล้วล่ะ
“หน้า Elite เอาไว้ดูภาพรวมว่าเราเสียเงินเป็น Elite แล้ว จะได้อะไรบ้าง? ใช้ให้คุ้มนะ!
จะยกเลิก Subscription ก็ได้เช่นกัน”
Finviz กับการเทรด Forex
ภาพเปรียบเทียบ การวิเคราะห์กราฟด้วยปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน แบ่งให้เห็นว่าการใช้เครื่องมือ Finviz จัดอยู่ในฝั่งของการวิเคราะห์ในรูปแบบใด
การเทรด Forex แนวทางการวิเคราะห์ หลัก ๆ 2 แนวทางคือ การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน และทางเทคนิค การใช้เครื่องมืออย่างเช่น Finviz เป็นเสมือนข้อมูลสรุป จากปัจจัยพื้นฐาน ที่แสดงในรูปแบบของเปอร์เซ็นหรือลักษณะของสี เพื่อให้เห็นข้อแตกต่างและการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างเช่น
เทรดเดอร์ทำการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิคดีแล้ว ทันใดนั้นมีข่าวสงคราม หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสกุลเงินนั้น และต้องการจะเช็คว่า ข่าวนั้นตลาดตอบสนองอย่างไร โดยใช้เครื่องมือ Finviz ในการเช็คข่าว
โดยดูกราฟในตลาดหุ้นของประเทศนั้น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงิน ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ตอบสนองอย่างไร มีความผันผวน หรือบวกลบเกิดขึ้นในตลาดอย่างไร เพื่อนำสถานการณ์นั้นมาปรับใช้กับการเทรด เมื่อเห็นว่าตลาดส่วนใหญ่นิ่ง ๆ เป็นไปได้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่ให้ความสำคัญ หรือข่าวนั้นเป็นข่าวปลอมนั่นเอง
วิเคราะห์เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ตลาด Forex คือการเทรดสกุลเงิน โดยการจับคู่สกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงิน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เกิดจากสกุลเงินมีการอ่อนค่าหรือแข็งค่า โดยมีความสัมพันธุ์ระหว่าง การอ่อนค่าและแข็งค่า
กราฟขึ้นหรือลง ล้วนตอบสนองการอ่อนหรือแข็งค่า เมื่อมีข่าวดีสกุลเงินนั้น ๆ ย่อมมีนักลงทุนต้องการที่จะถือครอง ทำให้เกิดการแข่งค่าหรือมีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้น ในทางตรงกันข้าวเมื่อมีข่าวลบ ๆ หรือเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนน้อยลง ผู้คนย่อมหันไปหาสินทรัพย์หรือสกุลเงินอื่น ๆ ทดแทน
การอ่อนค่าหรือแข็งค่า จึงส่งผลโดยตรงกับการขึ้นหรือลงของสกุลเงิน ที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนในตลาด Forex จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ
แต่ด้วยการเทรด Forex คือการเปรียบเทียบสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลหนึ่ง หรือใช้สกุลเงินหนึ่งซื้อขายอีกสกุลเงินหนึ่ง การติดตามการอ่อนค่าหรือแข็งค่าเพียงสกุลใดสกุลเงินหนึ่งนั้น อาจจะไม่เพียงพอ
รู้จัก ความสัมพันธ์ การอ่อนค่าและแข็งค่า ของสกุลเงิน
ภาพแสดงเปรียบเทียบการอ่อนค่าและแข็งค่า เพื่อให้มือใหม่เข้าใจได้แบบง่าย ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กราฟขึ้นหรือลง ล้วนมาจากเศรษฐกิจ และไม่มีประเทศใดต้องการอ่อนค่าหรือแข็งค่านาน ๆ แต่การเข้าใจพื้นฐาน จะทำให้สามารถต่อยอดในการลงทุน และเข้าใจกราฟมากยิ่งขึ้น
- ค่าเงินอ่อน: เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ ข่าว หรือปัจจัยอื่น ๆ ในทางลบ
- ค่าเงินแข็ง: เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ ข่าว หรือปัจจัยอื่น ๆ ในทางบวก
- ค่าเงินนิ่ง ๆ : ตลาดอยู่ตัว ไม่มีข่าวหรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่จะเป็นปัจจัยให้สกุลเงินอ่อนหรือแข็งค่าไปจากเดิม
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการอ่อนค่าหรือแข็งค่า นอกจากสภาวะทางเศรษฐกิจแล้ว ยังรวมไปถึงนโยบายที่ควบคุมค่าเงิน ดอกเบี้ย เศรษฐกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ย่อมส่งผลโดยตรงไปยังค่าเงินด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีประเทศใดที่ต้องการให้ค่าเงินแข็งค่า หรืออ่อนค่ามากเกินไป ในเวลานาน ๆ เพราะนั่นจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว นำเข้าและส่งออก
หน้าที่สำคัญของธนาคารกลาง รัฐบาล จึงจะต้องกำหนดนโยบาย ดอกเบี้ย หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวมส่วนใหญ่
ความสัมพันธ์ของการอ่อนค่าและแข็งค่ากับกราฟ
การเทรด Forex โดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน เพื่อที่จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์กราฟ จะต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของการอ่อนค่าหรือแข็งค่า โดยเริ่มจากข่าว ส่งผลต่อค่าเงินอย่างไร และค่าเงินถูกนำไปจับคู่เปรียบเทียบกับสกุลเงินใด จึงจะได้ทิศทางของกราฟในคู่เงินนั้น ๆ
สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อน นำข้อมูลไปวิเคราะห์
การเทรด Forex คือการนำสกุลเงินหนึ่ง เพื่อเข้าไปซื้ออีกสกุลหนึ่ง ตัวอย่างเช่น EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.1000 หมายความว่า จะต้องใช้เงิน 1.1000 ดอลลาร์เพื่อซื้อ 1 ยูโร
- สกุลเงินหลัก: ตัวหน้า (EUR)
- สกุลเงินอ้างอิง: ตัวหลัง (USD)
“กราฟขึ้น-ลง เกิดจากการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของสกุลเงินทั้งสอง!”
การวิเคราะห์ต้องดูทั้ง 2 สกุลเงิน
- แต่ละสกุลเงินมีปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างกัน (เศรษฐกิจ, ดอกเบี้ย, อื่นๆอีกมากมาย)
- ต้องวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้ของทั้งสองสกุลเงิน แล้วเอามาเปรียบเทียบกัน
- ถึงจะคาดการณ์แนวโน้มกราฟได้แม่นยำ : )
ตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณเทรด USD/JPY ต้องติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานของทั้ง USD และ JPY แล้วเอามาเปรียบเทียบกันว่า ใครแข็ง ใครอ่อน
เราสามารถแบ่งตลาดออกเป็น 3 รูปแบบ…
โดยใช้ปัจจัยของการอ่อนค่าและแข็งค่า มาเปรียบเทียบกัน แล้วดูว่ากราฟจะเป็นไปยังทิศทางไหนได้บ้าง
1. ตลาดไซด์เวย์ (Sideways): กราฟไม่ไปไหนไกล
- อ่อน / อ่อน
- แข็ง / แข็ง
- นิ่ง / นิ่ง
2. แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): กราฟมีแนวโน้มขึ้นขึ้น
- แข็ง (ตัวหน้า) / นิ่ง (ตัวหลัง)
- แข็ง (ตัวหน้า) / อ่อน (ตัวหลัง)
- นิ่ง (ตัวหน้า) / อ่อน (ตัวหลัง)
3. แนวโน้มขาลง (Downtrend): กราฟมีแนวโน้มลง
- อ่อน (ตัวหน้า) / นิ่ง (ตัวหลัง)
- อ่อน (ตัวหน้า) / แข็ง (ตัวหลัง)
- นิ่ง (ตัวหน้า) / แข็ง (ตัวหลัง)
การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงิน
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันของทั้งสองสกุลเงิน สกุลใดอ่อน ก็จะมีผลกับอีกสกุลเสมอ เมื่อดูในเมนู Forex จะเห็นการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง โดยใน Finviz จะมี USD เป็นสกุลกลางในการเปรียบเทียบ สกุลใดแข็งที่สุดในตารางจะอยู่ทางซ้ายสุด และสกุลเงินใดที่อ่อนสุดในตาราง ก็จะอยู่ขาวสุด
ตลาด Forex การซื้อขายโดยใช้สกุลเงินหนึ่งซื้ออีกสกุลเงิน ก็จะเกิดช่องว่างของราคา และกราฟขึ้นหรือลงไปตามความต้องการซื้อและความต้องการขาย บวกกับปัจจัยอื่น ๆ ทางเศรษฐกิจ
ด้วยปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดการอ่อนค่าหรือแข็งค่า กราฟขึ้นหรือลง ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกลไกของราคาที่เกิดขึ้นจริงตามปัจจัย
เทรดเดอร์ Forex ใช้ดูอะไรใน Finviz บ้าง วิธีใช้งานโดยละเอียอด
ในกราฟ หลายคนอาจจะคุ้นเคยดีกับสีเขียวและสีแดง ในตารางที่แสดงคู่เงินนี้ก็เช่นกัน คู่เงินใดที่เป็นสีเขียว นั่นคือกำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้น และคู่เงินใดที่กำลังเป็นสีแดงนั่นคือ กำลังเป็นแนวโน้มขาลง ส่วนสกุลใดที่มีสีเขียวขุ่นไม่สดใส หรือสีแดงคล้ำไม่สดใสเช่นกัน นั่นอาจจะกำลังเปลี่ยนแนวโน้ม หรือมีแนวโน้มที่ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร
ภาพแผนภูมิความร้อน ตัวอย่างการนำมาใช้ โดยสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้แผนภูมิแสดงข้อมูลเป็นเป็นอะไร โดยสามารถเลือกได้เสมือนไทม์เฟรม ตั้งแต่ 5 นาทีไปจนถึงเดือน
เทรดเดอร์สามารถเลือกได้ตามช่วงเวลา คล้ายกับไทม์เฟรม โดยมีตัวเลือกตั้งแต่ 5M H D W M นั่นคือ 5 นาที ชั่วโมง วัน สัปดาห์ หรือเดือน นั่นเอง
การเปรียบเทียบสกุลเงิน
ภาพการเปรียบเทียบสกุลเงินต่าง ๆ โดยมี USD เป็นสกุลเงินกลาง จากในภาพ JPY แข็งสุดถึง 0.55% สามารถนำไปเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ที่อ่อนกว่า เพื่อหาจังหวะในการเข้าเทรด เช่น USD/JPY ถ้าเปิดเข้าไปดูกราฟ จะเห็นได้ว่าเป็นกราฟแนวโน้มขาลงนั่นเอง
1 Day Relative Performance [USD] คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 1 วัน โดยมีสกุลเงิน USD เป็นสกุลกลาง โดยสกุลที่อยู่ด้านซ้ายมือสุด จะเรียกว่าหน้าตาราง จะเป็นสกุลที่มีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก หรือแข็งค่า
ส่วนสกุลที่อยู่ขาวมือสุด หรือท้ายตาราง จะเป็นสกุลเงินที่มีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ หรืออ่อนค่า
จะเห็นได้ว่า สกุลดังกล่าว จะถูกนำมาเทียบกับ USD โดยมีเปอร์เซ็นต์การอ่อนและแข็งค่า ตามเปอร์เซ็น + หรือ –
- + – (0)%: ถือว่าสกุลเงินนิ่ง ไม่แข็งหรือไม่อ่อนอยู่กับที่เมื่อเทียบกับ USD
- (+)%: สกุลเงินแข็งค่า เมื่อเทียบกับ USD
- (-)%: สกุลเงินอ่อนค่า เมื่อเทียบกับ USD
โดยการเลือกสกุลใดสกุลหนึ่งมาจับคู่กัน แล้วคาดการณ์แนวโน้ม ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
- ใช้สกุลที่อ่อนค่าหรือแข็งค่า จับคู่กับสกุลเงินกลาง: ใช้สกุลเงินใดที่อ่อนค่าหรือแข็งค่าที่สุดในตาราง จับคู่กับสกุลเงินกลางอย่างเช่น USD นำเอาสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุด จับคู่กับ USD เพื่อหาแนวโน้มและจังหวะในการเทรด
- ใช้สกุลที่อ่อนค่าจับคู่กับแข็งค่า: ใช้สกุลเงินที่อ่อนที่สุด จับคู่กับสกุลเงินที่แข็งที่สุด ถ้าสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดอยู่ด้านหน้า จะเป็นแนวโน้มขาลงที่รุนแรง แต่ถ้าสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดอยู่ด้านหน้า จะเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างรุนแรงเช่นกัน
- ใช้สกุลอ่อนหรือแข็งค่าที่สุดในตาราง รอจังหวะการเปลี่ยนแปลง: แม้สกุลเงินใดอยู่หน้าหรือท้ายสุดในตาราง ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน โดยสังเกตุที่เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง นั่นเป็นไปได้ว่ากราฟกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้ม โดยการหาจังหวะในการเข้าตั้งแต่ต้นเทรนด์ได้จากสัญญาณนี้
ปัจจัยทางเทคนิค กับการใช้ Finviz
การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิค คือการนำข้อมูลในอดีต มาวิเคราะห์ปัจจุบัน คาดการณ์ตามหลักของความน่าจะเป็น ส่วนการใช้ Finviz คือการใช้ข้อมูลในปัจจุบัน เพื่อนำมาคาดการณ์อนาคต
โดยข้อมูลปัจจุบัน จะถูกนำมาเปรียบเทียบ แสดงการเปลี่ยนแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ ในรูปแบบตะกร้าค่าเงิน โดยใช้สกุลเงิน USD เป็นสกุลเงินหลักในการเปรียบเทียบ
สามารถใช้ยืนยันการเปลี่ยนแปลง หรือการเคลื่อนที่ของแนวโน้ม ว่าในขณะนั้น ๆ การเคลื่อนที่เป็นอย่างไร มีความแข็งแกร็งมากน้อยเพียงใด ตามตัวอย่างดังต่อไปนี้
ภาพตัวอย่างในการเลือกสกุลเงินที่แข็งที่สุดในตาราง เทียบกับ USD จะเห็นได้ว่าคู่เงินดังกล่าว เป็นแนวโน้มขาลง เพราะ USD ซึ่งเป็นสกุลหลักอยู่ด้านหน้า และ JPY อยู่ด้านหลัง เมื่อนิ่ง ๆ มาเจอแข็ง จึงเป็นแนวโน้มขางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีข่าวหรือปัจจัยใด ๆ ที่ทำให้ USD แข็งค่า ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแนวโน้ม หรือเป็นไซด์เวย์ เพราะแข็งเจอแข็งก็เป็นได้เทคนิคการใช้ Finviz เพื่อวางแผนการเทรด
การวางแผนการเทรด โดยใช้เทคนิค หรือปัจจัยอื่น ๆ ตามระบบเทรดที่มีมาประกอบกัน จะยิ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัย และลดความเสี่ยงได้ โดยเริ่มต้นดังต่อไปนี้
- เลือกสกุลเงิน: สกุลใดบ้างที่กำลังอ่อน หรือแข็งค่ามากที่สุด เมื่อเทียบกับ USD
- โครงสร้างราคา: นำมาเปรียบเทียบกับกราฟจริง ดูว่ากราฟในขณะนั้นกำลังทำอะไร ขึ้น ลง หรือไซด์เวย์
- หาโอกาสในการเข้า: กราฟในแนวโน้มขาขึ้น แต่เปอร์เซ็นต์ของสกุลเงินกำลังค่อย ๆ ลดลง เป็นไปได้ว่ากราฟอาจจะใกล้เข้าสู่การพักตัวเพื่อไปต่อ หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแนวโน้ม และในแนวโน้มขาลง แต่เปอร์เซ็นต์ของสกุลเงินกำลังค่อย ๆ บวกเพิ่มขึ้น เป็นไปได้เช่นเดียวกันว่า กำลังจะมีการพักตัวเพื่อลงต่อ หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มก็เป็นได้
- เช็คข่าว: เพื่อดูความเป็นไปได้ว่าว่า ออเดอร์นี้ถ้าเข้าแล้วจะสามารถถือได้นานแค่ไหน เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้การวิเคราะห์ผิดพลาด
- รอสัญญาณ: หรือหาโอกาสในการเข้าเทรดด้วยปัจจัยทางเทคนิค ที่ผ่านการคัดกรองคู่เงิน และแนวโน้มมาแล้ว
ไม่ว่าจะวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิคแล้วนำเครื่องมือ Finviz มาประกอบ หรือวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือ Finviz แล้วนำเครื่องมือทางเทคนิคมาประกอบ ก็สามารถทำได้และใช้ได้ดีทั้งนั้น เพราะการเทรดไม่ว่าจะวิเคราะห์ด้วยปัจจัยใด ล้วนมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือการเอาชนะตลาด
เสมือนการออกรบ จะต้องมีทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นทำงานร่วมกันให้สอดคล้องกันเป็นอย่างดี จึงจะเกิดกลยุทธ์ในการเอาชนะคู่ต่อสู้ หรือเอาชนะสงครามการเทรดได้ในที่สุด
เทรดเดอร์จึงควรนำสิ่งที่รู้ มาใช้ให้เป็นรูปธรรม มีการบันทึกสร้างระบบอย่างเป็นขั้นตอน จึงจะสามารถวิเคราะห์ผล และเก็บสถิติ เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้
เลือกสกุลเงินที่อ่อนสุด หรือแข็งสุดในตาราง เพื่อจุดเข้าที่ดี
ภาพแสดงตัวอย่าง จับคู่สกุลเงินที่แข็งที่สุด JPY และสกุลเงินอ่อนที่สุด AUD โดยคู่สกุลเงินนี้ มี AUD อยู่ด้านหน้า ลักษณะ AUD/JPY อ่อน มาเจอ แข็ง จึงเป็นแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน
โดยการพิจารณาความเป็นไปได้ของสกุลเงิน โดยเลือกจากสกุลเงินที่อ่อนที่สุด และแข็งที่สุด เพื่อนำมาใช้เทรด เช่นถ้าสกุลแข็งอยู่ด้านหน้า และสกุลอ่อนอยู่ด้านหลัง กราฟกำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หรือสกุลเงินอ่อนด้านหน้า และสกุลเงินแข็งอยู่ด้านหลัง กราฟกำลังเป็นแนวโน้มขาลงอย่างแข็งแกร่ง
ข่าวใน Finviz กับการวิเคราะห์การเทรด
ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีการเทรดและซื้อขายตลอดเวลา แม้ตลาดใดตลาดหนึ่งปิด ก็จะยังมีอีกตลาดเปิดเพื่อรองรับนักลงทุนอยู่เสมอ เป็นไปได้ที่จะมีความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ ที่อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการเงินอยู่เสมอ
Finviz ได้มีการรวบรวมข่าวจากทุกสำนัก ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุน มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา เทรดเดอร์หรือนักลงทุน จึงสามารถที่จะติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้น วิเคราะห์ก่อนเทรด ระหว่างเทรด ควบคู่กับการเทรด ได้ตลอดเวลาเช่นกัน
ตัวอย่างการวิเคราะห์ข่าว
ในระหว่างที่กำลังเข้าเทรด อยู่ ๆ มีข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยข่าวนั้นอาจจะส่งผลต่อการกระทบกระทั่งทางการทหาร ทำให้นักลงทุนทั่วโลกมีข้อกังวลว่าจะเกิดสงครามในไม่ช้า จึงทำการย้ายเงินเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ จึงทำให้ทองคำมีราคาพุ่งสูงขึ้นในทันที
ถ้าเทรดเดอร์หรือนักลงทุนไม่ติดตามข่าวสาร อาจจะพลาดโอกาส หรือวิเคราะห์การเทรดที่ผิดพลาด หรือลืมที่จะหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาดังกล่าว จนเกิดความเสียหายต่อพอร์ตการลงทุนก็เป็นได้
ดังนั้น การติดตามข่าวสาร แม้จะไม่ใช้ข่าวในการเทรด แต่สามารถนำมาวิเคราะห์ประกอบการเทรด วางแผนหลีกเลี่ยง หรือหาโอกาสทำกำไรก็สามารถทำได้เช่นกัน
เช็คข่าว เพื่อความชัวร์
ไม่เพียงแค่ใช้ข่าวในการเทรด บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์ได้รับรายงานข่าวในสื่อต่าง ๆ แล้วเกิดความกังวล ตื่นกลัว หรือคิดแล้วว่านั่นคือโอกาสในการทำกำไร แต่เมื่อเข้าเทรดแล้ว กราฟไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะนั่นอาจจะมาจากข่าวปลอม!
อีกนัยหนึ่ง เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้น สิ่งที่จะต้องทำให้ขั้นตอนต่อมา นั่นก็คือการเช็คข่าว แม้ข่าวจากสำนักต่าง ๆ ที่รายงานมา จะสามารถเชื่อถือได้ก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ มุมมองของนักลงทุนส่วนใหญ่ว่า
ตอบสนองอย่างไรกับข่าวนั้น ๆ เช่น มีข่าว แต่นั่งลงทุนนิ่ง เป็นไปได้ว่าข่าวนั้นอาจจะเป็นข่าวปลอม หรือข่าวนั้น ไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ ต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน วิธีการเช็คง่าย ๆ ก็คือ ตลาดหุ้น เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีข่าวสำคัญ ๆ จะมีนักลงทุนโยกเงิน หรือย้ายทรัพย์สินในการถือครองอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ สังเกตุได้ว่า ถ้าข่าวนั้นส่งผลกระทบได้จริง ตลาดหุ้นจะมีความผันผวน ถือว่าข่าวนั้น ส่งผลต่อความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งของนักลงทุน
ตัวอย่างการเช็คข่าว
เมื่อมีข่าวความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือมีข่าวก่อการร้ายเกิดขึ้น เทรดเดอร์เห็นข่าวทันที มั่นใจว่าทองคำจะต้องขึ้น ในระหว่างที่มีออเดอร์ฝั่ง Sell จึงรีบทำการปิดออเดอร์ แล้วทำการ Buy ทองคำเอาไว้
เวลาผ่านไปสักพัก นอกจากที่ทองจะไม่ขึ้นแล้ว ยังคงลงต่ออย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าถึงตรงนี้มั่นใจได้เลยว่าข่าวที่ได้รับมานั้น เป็นข่าวปลอม ดังนั้น เมื่อได้รับข่าวสารใด ๆ ก็ตาม จะต้องเช็คเสียก่อนว่าข่าวนั้นเป็นข่าวปลอมหรือไม่ เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
แม้จะมาจากสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ แต่ก็จะต้องทำการเช็กข่าวด้วยการ นักลงทุนส่วนใหญ่ตอบสนองกับข่าวนั้นอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ ดูตลาดหุ้นในประเทศนั้น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง หากนิ่ง ๆ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ แสดงว่าข่าวนั้น “ปลอม”
ไม่รู้จะเทรดอะไร เริ่มต้นที่ Finviz ขั้นตอนการวางแผนอย่างเป็นระบบ
ภาพตัวอย่างแสดงขั้นตอนการเทรด โดยใช้ Finviz อย่างเป็นระบบ ตั้งแค่การคัดเลือกคู่สกุลเงินในการเทรด หาโครงสร้างราคาที่น่าสนใจ เช็คข่าวต่าง ๆ รอสัญญาณทางเทคนิค เข้าออกให้ได้ตามระบบ และการบันทึกเพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์และพัฒนา
1. เช็คตะกร้าค่าเงิน
ตะกร้าค่าเงิน หรือการวิเคราห์การอ่อนหรือแข็งค่า ที่มาจากการเคลื่อนที่ของสกุลเงินที่เกิดขึ้นจริง และมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา แสดงให้เห็นถึงสกุลเงินใดที่อ่อนค่าและแข็งค่า เมื่อเทียบกลับสกุลกลางเช่น USD ทำให้เห็นแนวโน้มของสกุลนั้น ๆ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน
2. ดูว่าสกุลเงินใด อ่อนหรือแข็งที่สุดในตาราง หรือหาคู่เงินที่น่าสนใจ
เลือกสกุลเงินที่อ่อนหรือแข็งค่า หรือที่มีแนวโน้มอย่างชัดเจน เพื่อนำมาจับคู่กันเช่น ในวันนี้ AUD อ่อนค่าที่สุดในตาราง เมื่อนำ AUD มาเทียบกับ USD จะได้คู่เงิน AUD/USD นั่นแสดงว่าคู่สกุลเงินดังกล่าว กำลังเป็นแนวโน้มขาลง
3. เปิดดูกราฟ เพื่อดูโครงสร้างของราคา
ในขณะเดียวกัน ที่ AUD/USD การวิเคราะห์เปรียบเทียบจากการอ่อนหรือแข็งค่า ในไทม์เฟรม Day ลักษณะกราฟ จะเป็นไซด์เวย์กว้าง ๆ แต่ในไทม์เฟรม H1 เป็นแนวโน้มขาลง และที่สำคัญเป็นแนวโน้มที่เป็นต้นเทรน จึงมีความน่าจะเป็นที่จะสามารถเทรดได้ ในแนวโน้มขาลงไปจนถึงแนวรับถัดไป
4. เช็คข่าวคู่เงินนั้นที่จะเลือกเทรด
ข่าวที่จะต้องเช็คในเบื้องต้น จะต้องมีข่าวที่มีกำหนดประกาศที่ชัดเจน นั่นก็คือปฎิทินเศรษฐกิจ ซึ่งมีผู้ให้บริการหลากหลาย ในที่นี้แนะนำเป็น https://www.forexfactory.com/ โดยเลือกดูตามวันและคู่เงินที่เลือกมาในเบื้องต้น
จะเห็นได้ว่าในวันดังกล่าวที่มาวิเคราะห์ มีข่าวกล่องแดงในสกุลเงิน USD ถือว่ามีนัยสำคัญที่จะประกาศออกมาในเวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ้าจะเทรดคู่เงินนี้แนะนำให้เข้าเทรดหลัง 21.00 น. เพื่อรอดูการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจให้เรียบร้อยเสียก่อน
จากนั้นจึงมาวิเคราะห์อีกครั้ง ถ้าข่าวนั้นตัวเลขออกมาดี เป็นปัจจัยให้ USD แข็งค่าขึ้น เท่ากับว่า AUD/USD จะเป็นแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง และออเดอร์นี้จะสามารถถือไปได้ไม่เกินวันที่ 4 เวลา 08.30 น. จะต้องพิจารณา ถือหรือออกอีกครั้ง เพราะมีข่าวกล่องแดงประกาศ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับสกุลเงิน AUD
5. หาจุดเข้าจุดออกด้วยเทคนิค
ถ้าสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์ เป็นการเทรดระยะยาวในไทม์เฟรมใหญ่ ๆ การวิเคราะห์ข่าวในลักษณะนี้อาจจะไม่จำเป็น แต่ถ้าเทรดระยะสั้น เข้าออกเร็วการวิเคราะห์ข่าวเพื่อหาจุดเข้า หรือหลีกเลี่ยงในช่วงเวลาดังกล่าว นับเป็นเรื่องที่จำเป็น
เมื่อผ่านขั้นตอนในการวิเคราะห์ภาพรวม เศรษฐกิจ และข่าวเป็นที่เรียบร้อย จุดเข้าที่ดีต่อจากนี้นั่นก็คือ ทางเทคนิค ไม่ว่าจะเป็นเส้นเทรนด์ไลน์ แนวรับแนวต้าน สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ จะต้องตัวช่วยยืนยันว่า ถึงเวลาที่ต้องการเข้าแล้วนะ
6. เข้าออกตามระบบ
แต่ไม่ใช่มีสัญญา เข้าจะกระโดยเข้าเทรดในทันที สิ่งที่ควรทำก่อนนั่นก็คือ การเขียนบันทึกก่อนการเทรด เพื่อเป็นการยืนยันกับตัวเองว่า ได้มีการวางแผนในการเข้าเทรดไว้เป็นอย่างดี ไม่ใช่เข้าเทรดตามอารมณ์ เพราะนั่นคือหนทางแห่งหายนะ
เมื่อได้จุดเข้าตามที่วิเคราะห์ หน้าที่ของเทรดเดอร์ที่ดีนั่นก็คือ รอสัญญาณจากทางเทคนิค เพื่อยืนยันให้เข้าเทรดตามระบบที่วางไว้ และออกตามระบบที่วางไว้ล่วงหน้าเช่นกัน
7. บันทึกการเทรด วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
เทรดได้ก็ไม่ได้แปลว่าเก่ง ถ้ายังไม่มีการวัดผลลัพธ์ที่มากพอ เมื่อผลลัพธ์ในการเทรดที่เกิดขึ้น มีการบันทึกหลังเทรดเป็นที่เรียบร้อย จะสามารถวิเคราะห์ผลแพ้ชนะ ว่าวิธีการเทรดนี้ดี หรือผิดพลาดในขั้นตอนไหน ก็เกิดจากการบันทึกผลการเทรด
และทำการวิเคราะห์ในรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ ดูข้อดีข้อเสีย 10 ครั้ง หรือ 100 ครั้ง เทรดเดอร์จะได้สถิติ หรืออัตราชนะเกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ หาจุดอ่อน เพิ่มเติมจุดแข็งต่อไป
ตัวอย่างการเทรด วิเคราะห์ ตั้งแต่เริ่มต้นในขั้นตอนใช้งานจริง
1. คัดเลือกคู่เงินที่น่าสนใจ
ภาพแสดงตัวอย่างการคัดเลือกสกุลเงินที่น่าสนใจ แน่นอนว่ามีวิธีมากมายในการเลือกใช้ ในตัวอย่างนี้เลือกสกุลเงินที่ กำลังเริ่มที่จะอ่อน นั่นก็คือ EUR นั่นเอง
จากในรูปภาพ ได้เลือกสกุลเงิน EUR เหตุผลเพราะค่าเงินกำลังอ่อนค่า เมื่อเทียบกับ USD หมายความว่ากราฟในคู่เงิน EUR/USD กำลังจะเป็นแนวโน้มขาลงในไม่ช้า
2. นำคู่เงินนั้นมาเช็คในกราฟ เพื่อดูโครงสร้างราคา
เมื่อเลือกคู่เงินได้แล้ว ก็นำมาดูต่อว่า กราฟกำลังสร้างโครงสร้างอย่างไร มีความเป็นไปได้ในการเทรดมากน้อยแค่ไหน จากในภาพ กราฟกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง สอดคล้องกับการอ่อนค่าของสกุลเงิน EUR
จากในภาพ โครงสร้างราคากำลังจะเป็นแนวโน้มขาลง ในทางเทคนิคจะรอจนกว่ากราฟจะหลุดเส้นแนวรับ จึงเป็นสัญญาณเข้า Sell
3. เช็คข่าวในตาราง หรือภาพรวม
ข่าวในตารางคือ ข่าวที่มีกำหนดวันและเวลาในการประกาศที่ชัดเจน ส่วนข่าวนอกตารางก็จะต้องติดตามอยู่เสมอเช่นกัน
ข่าวในตาราง หรือปฎิทินทางเศรษฐกิจ ใน forex factory ในสัปดาห์ถัดไป ข่าวที่มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงิน USD และ EUR จะมีข่าวกล่องเหลือง ถือว่าไม่มีนัยสำคัญแต่อย่างใด แต่ในวันที่ 11 จะมีข่าวกล่องแดง
4. วางแผนการเทรด
ถ้าในวันจันทร์ตลาดเปิด กราฟหลุดแนวรับ สามารถเข้า Sell ได้เลย และจะต้องออกหรือเฝ้าระวังในวันและเวลาที่มีข่าวกล่องแดง แต่ถ้ายังไม่หลุดจะต้องรอให้มีการประกาศข่าวกล่องแดงให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วจึงหาจังหวะในการเข้าอีกที
5. บันทึกการเทรด
บันทึกทั้งหมดตั้งแต่ เหตุผลในการคัดเลือก การเข้าเทรด รวมไปจนถึงผลลัพธ์ในการเทรด ได้เข้าเทรดตามระบบหรือไม่ หรืออย่างไรจากนั้นจึงมาวิเคราะห์เพื่อหาทางแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่นได้กำไรเพราะอะไร หรือขาดทุน เพราะอะไร
การใช้งานที่เพิ่มขึ้น
แน่นอนว่า Finviz นอกจากการใช้งานได้ฟรี ยังมีการใช้งานในรูปแบบที่เสียเงิน โดยผู้ใช้สามารถเลือกฟังก์ชั่นเพิ่มเติมได้มากกว่าที่ผ่านมา โดยการเข้าถึงข้อมูลให้เพิ่มมากขึ้น สามารถบันทึกหรือเลือกข้อมูลที่สนใจ ไว้ใช้เฉพาะตนได้
รวมประโยชน์ของ Finviz
1. เป็นเครื่องมือติดกระเป๋านักลงทุน
เทรดเดอร์และนักลงทุนทุกตลาด มีเครื่องมือชิ้นนี้ติดกระเป๋าไว้ ได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะใช้ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุน แกสนหาหุ้นตามหลักเกณฑ์ที่สนใจ รวมถึงการวิเคราะห์ค่าเงินอ่อนหรือแข็งค่า ใช้หาแนวโน้มหรือคัดเลือกคู่เงิน นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก
2. เห็นภาพรวมของตลาดหุ้น Forex คริปโตเคอเรนซี่ และอื่น ๆ
แม้ว่าเทรดเดอร์หรือนักลงทุน จะเทรดสั้น ๆ ไม่ได้สนใจกราฟ เศรษฐกิจ ในมุมกว้าง ๆ แต่การมองในภาพกว้างก็ใช่จะไร้ประโยชน์ ทำให้เห็นมองมองใหม่ ๆ อีกทั้งยังเห็นถึงความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มใหญ่ และเครื่องมือที่ทำให้สิ่งเหล่านี้ง่าย คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ใช่ ถ้าไม่ใช่ Finviz
3. สามารถใช้งานได้ฟรี
ไม่ใช่ว่าเครื่องมือฟรี จะไม่ดีอย่างที่คิด แม้จะมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมให้สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นพิเศษ ด้วยการเข้าถึงข้อมูลบางอย่าง การค้นหาและปรับแต่งในแบบที่ต้องการ แต่สำหรับเทรดเดอร์ Forex และบุคคลทั่ว ๆ ไป เพียงลงทะเบียนเข้าใช้งานในเวอร์ชั่นฟรี ก็ถือว่าดีพร้อมแล้ว
4. แสกน ค้นหา หุ้นหรือสินทรัพย์ ที่มีความน่าสนใจ
แม้ตัวเลือกในการเข้าซื้อขายทำกำไร ในโลกนี้จะมีมากมายแทบจะนับไม่ถ้วน แต่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนไม่จำเป็นที่จะต้องเทรดทุกอย่างที่มีในตลาด เพียงเลือกเทรดบางอย่างที่น่าสนใจ และคิดว่ามีโอกาสที่จะสามารถทำกำไร และสิ่งนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่รู้จักดี เข้าเงื่อนไขตามที่กำหนด ก็เพียงพอแล้ว
5. ใช้งานง่าย
แม้ผู้ที่ไม่เคยใช้ ก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก เพียงเลือกหลุ่มสินทรัพย์ที่สนใจ แล้วเจาะจงลงไปเพื่อดูข้อมูลนั้น ๆ เช่น เทรดเดอร์สนใจที่จะเทรด Forex เพียงเลือกเมนู Forex ก็จะพบกับตารางพร้อมสีแสดงแนวโน้มขึ้นหรือลง หรือหาคู่เงินที่น่าสนใจที่จะนำมาวิเคราะห์ต่อยอด เพื่อใช้ในการเทรดก็ทำได้
6. ข้อมูลเรียลไทม์
สำคัญมาก ๆ สำหรับเทรดเดอร์หรือนักลงทุนฟูลไทม์ เดย์เทรด หรือเทรดสั้น ที่ต้องติดตามข่าวสารข้อมูลอยู่ตลอดเวลา เพราะเครื่องมือนี้มีการอัปเดตข่าวและข้อมูลความเคลื่อนไหว
7. แผนภูมิภาพความร้อน
แผนภูมิภาพความร้อน สีเขียวแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน สีเขียวคล้ำ แนวโน้มขาขึ้นไม่แข็งแรง สีแดง แนวโน้มขาลงชัดเจน สีแดงคล้ำแนวโน้มขาลงไม่แข็งแรง หรืออาจจะเปลี่ยนแนวโน้มได้
นี่คือจุดเด่นที่สำคัญของแพลตฟอร์ม ที่แสดงถึงสีของแนวโน้ม ขาขึ้นสีเขียว ขาลงสีแดง ทำให้เทรดเดอร์หรือนักลงทุน เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และเข้าใจได้ในทันทีว่า ในขณะนั้นกราฟกำลังเป็นแนวโน้มอะไร
Finviz เหมาะกับใคร
เทรดเดอร์และนักลงทุนทั่วไป ที่ต้องการข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์การเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น Forex คริปโตเคอเรนซี่ หรือสินทรัพย์ใด ๆ ก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงการติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จากสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ มีการอัปเดตข้อมูลรายนาที เพื่อที่เทรดเดอร์และนักลงทุน จะไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน
การเข้าใช้งานเพื่อเทรด Forex สำหรับมือใหม่
- เข้าไปที่: https://finviz.com/
- เลือกเมนูที่ต้องการ: สำหรับเทรดเดอร์ Forex ให้เลือก Forex จะพบกับแผนภูมิความร้อน และราคาเปรียบเทียบการอ่อนหรือแข็งค่าของแต่ละสกุลเงิน
- ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่เงิน: โดยเลือกที่ไป PERFORMANCE โดยจะมีราคาและการเปลี่ยนแปลงสรุปให้เป็นตัวเลข
- CHARTS: กราฟที่เป็นสกุลเงินหลัก ใช้ประกอบการวิเคราะห์โดยที่ไม่ต้องสลับไปดูในแพลตฟอร์มอื่น ๆ
- พื้นที่สมาชิก: หาต้องการความสะดวก กรณีเทรดเดอร์ติดตามหลาย ๆ สินทรัพย์ หรือหลาย ๆ คู่เงิน สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้ Portfolio สร้างพอร์ตการลงทุนด้วยตัวเอง เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามและการวิเคราะห์ และที่สำคัญเข้าใช้งานฟรี
ใช้ทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างไร
การทำกำไร ไม่ใช่เพียงแค่เข้าถูก แต่นอกจากจะเข้าถูกจะต้องปิดให้ถูกจังหวะด้วย นั่นคือเทคนิคการเทรด ที่เทรดเดอร์ควรที่จะค้นหา และมีกลยุทธ์ไว้รองรับในทุกสภาวะตลาด การทำกำไรในตลาดให้ได้ นอกจากจะหาจุดเข้าที่ดี ยังจะต้องมีจุดออกที่ชัดเจน
รวมถึงข่าวสารที่เชื่อถือได้ เพื่อให้แน่ใจว่า การตัดสินใจแต่ละครั้ง จะมีโอกาสชนะได้มากที่สุด โดยเริ่มต้นจากข้อมูลที่ถูกต้อง ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง บวกกับเทคนิคและประสบการณ์ของเทรดเดอร์แต่ละคน
กับเครื่องมือตัวนี้ เป็นกำลังสนับสนุนให้สามารถเอาชนะตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี
แผนจ่ายเงิน หรือราคา
รูปแบบการเข้าใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ
ภาพแสดงเปรียบเทียบการใช้งาน สำหรับบุคคลทั่วไป แบบสมาชิก และแบบเสียค่าสมาชิก มีข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งานที่แตกต่างกัน
- ผู้ใช้ทั่วไป: คือบุคคลทั่วไป สามารถเข้าใช้งานได้เลยในทันที เพียงเข้าไปที่ https://finviz.com/สามารถเลือกและค้นหาเมนูที่ต้องการได้ โดยที่ยังไม่ต้องสมัครใช้บริการแต่อย่างใด
- สมาชิก: คือผู้ที่ต้องการใช้ข้อมูล หรือรูปแบบการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามสินทรัพย์ที่สนใจ สร้าง Ticker เพื่อติดตามข้อมูลต่าง ๆ หรือเข้าใช้พื้นที่เพิ่มเติมในฐานะสมาชิก สามารถสมัครได้ฟรี เพื่อเข้าใจเมนู Portfolilo
- Elite: คือแบบชำระเงิน โดยสามารถเลือกเป็นรายเดือนหรือรายปีก็ได้ โดยรายเดือนจะอยู่ที่ $39.50 และรายปีจะอยู่ที่ $299.50 หรือตกเฉลี่ยเดือนละ $24.96 แต่การชำระค่าสมาชิก จะสามารถชำระได้ผ่าน Paypal เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ภาพรวมฟีเจอร์เด่นๆของ Finviz Elite:
- Real-time and Extended Hours: ข้อมูลหุ้นแบบเรียลไทม์ ทั้งช่วง Pre-market และ After-market ช่วยให้ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญ (บัญชีทั่วไป กับบัญชีสมาชิก การอัปเดตข้อมูลใช้เวลา 3-5 นาที)
- Advanced Charts: กราฟขั้นสูง พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบจัดเต็ม เอาไว้ศึกษาแนวโน้มและทำนายราคาได้ละเอียดตรงใจมากขึ้น
- Backtests: ทดสอบกลยุทธ์การเทรดของคุณกับข้อมูลในอดีต ช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์และหาไอเดียเทรดใหม่ๆได้ดีเลยล่ะ
- Correlations: ติดตามความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
- Advanced Screener: เครื่องมือคัดกรองหุ้นขั้นสูง ปรับแต่งเงื่อนไขได้ละเอียดกว่าเดิม พร้อม export ข้อมูลไป Excel ได้ด้วย
- Alerts & Notifications: อีเมลแจ้งเตือนสำหรับเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น ราคาหุ้น ข้อมูล Insider การเปลี่ยนแปลง Rating และข่าวสารสำคัญ
สรุปแล้วใครบ้างล่ะที่ควรใช้ Finviz Elite?
- เทรดเดอร์ที่ต้องการข้อมูลเรียลไทม์: ไม่ต้องรอ 3-5 นาทีเหมือนแบบธรรมดา เห็นความเคลื่อนไหวของตลาดได้ทันที
- เทรดเดอร์ที่ใช้เทคนิคขั้นสูง: เข้าถึงกราฟขั้นสูงและเครื่องมือวิเคราะห์แบบจัดเต็ม
- เทรดเดอร์ที่จริงจังกับการ Backtests: บัญชีสมาชิกปกติไม่สามารถใช้งานได้เลย
- เทรดเดอร์ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก: เข้าถึงกราฟวิเคราะห์พื้นฐานและข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ที่จะช่วยให้เข้าใจตลาดได้ดียิ่งขึ้น และสามารถส่งออกข้อมูลไป Excel ได้ด้วย
- เทรดเดอร์ที่ต้องการการแจ้งเตือน: รับอีเมลแจ้งเตือนเกี่ยวกับราคาหุ้น ข้อมูล Insider และข่าวสำคัญๆ
แม้หลาย ๆ ฟังก์ชั่นจะถูกจำกัดว่า จะต้องเป็น FINVIZ*Elite เท่านั้น แต่ถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์ Forex ทั่วๆไป อาจจะใช้แค่บัญชีสมาชิกฟรีก็เพียงพอแล้ว เพราะข้อมูลสำคัญๆ เกี่ยวกับสกุลเงิน ข่าวสาร และการอัปเดตต่างๆ ก็มีให้ใช้งานในระดับพื้นฐานอยู่แล้ว
ดูคลิปเพิ่มเติมการใช้งานได้ที่ https://youtu.be/fWichqfnGmY?si=kXoLTBZwB93sL5P_
ภาพแสดงราคาในการสมัครเข้าใจงานแบบเสียเงิน โดยรายเดือนจะอยู่ที่ $39.50 ส่วนรายปี จะอยู่ที่ $299.50 หรือตกเฉลี่ยเดือนละ $24.96
Finviz จะไม่มีรูปแบบทดลองใช้ แต่จะมีเพียงการเข้าใช้งานฟรีสำหรับบุคคลทั่วไปเท่านั้น
ข้อดีและข้อจำกัดของ Finviz – มองให้รอบด้านก่อนนำมาใช้งานจริง
ข้อดีของ Finviz
- การนำเสนอที่ยอดเยี่ยม: ใช้งานง่าย เป็นมิตรต่อสายตา เข้าใจข้อมูลได้ง่ายๆ เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมือเก๋า
- เครื่องมือครบ: มีเครื่องมือหลากหลาย ทั้งการคัดกรองหุ้น, กราฟ, ข่าวสาร, การอัปเดตข้อมูลเรียลไทม์และอื่นๆอีกมากมาย ครบจบในเว็บเดียว
- Backtest ได้ด้วย (สำหรับElite): เอาไว้ทดสอบกลยุทธ์การเทรดของคุณด้วยข้อมูลในอดีต ช่วยให้ฝึกฝนและพัฒนากลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับแต่งได้ตามใจ: สร้างรายการติดตาม ตั้งค่าแจ้งเตือนในสินทรัพย์ที่สนใจ ทำให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญ
ข้อจำกัดของ Finviz
- เน้นตลาดหุ้นเป็นหลัก: เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อตลาดหุ้น เครื่องมือส่วนใหญ่จึงอาจจะไม่คุ้นเคยสำหรับเทรดเดอร์ในตลาดอื่น ๆ เช่น Forex
- ฟีเจอร์จำกัดสำหรับผู้ใช้ฟรี: อยากเข้าถึงแบบพรีเมียมก็จำเป็นที่จะต้องเข้าใช้งานแบบมีค่าใช้จ่าย จึงจะสามารถปรับแต่ง เพิ่มเติม การตั้งค่า หรือเข้าใจงานเต็มรูปแบบได้
- ไม่มีแอปพลิเคชัน: ยังไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ ทำให้ไม่สะดวกเท่าที่ควร
ความจำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ Forex
- เครื่องมือ: เทรดเดอร์ Forex คริปโต ล้วนมีแพลตฟอร์มในการเทรดเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นนักที่จะใช้เครื่องมือใด ๆ ของทง Finviz อย่างเต็มรูปแบบ
- Forex: ตะกร้าค่าเงิน ที่ใช้เปรียบเทียบค่าเงินอ่อนหรือแข็งค่า และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน นับว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ที่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ทุกคนต้องติดตาม
- ข่าว: การติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการเงินการลงทุน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เทรดเดอร์รู้เท่าทันสถานการณ์โลก เพื่อนำมาปรับใช้กับการเทรด เครื่องมือมีการอัปเดตทุกนาที นับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการติดตามข่าวสารได้เป็นอย่างดี
- ภาพรวมตลาด: แม้ตลาดหุ้น เทรดเดอร์หลายคนไม่ได้สนใจมากนัก แต่ตลาดหุ้น ล้วนมีผลอย่างใดอย่างหนึ่งกับสกุลเงิน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่หุ้นกำลังเติบโต นั่นหมายถึงเศรษฐกิจในประเทศนั้น ๆ กำลังคึกคัก ย่อมส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าได้เช่นเดียวกัน การมองภาพรวมตลาดว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร จะยิ่งทำให้เข้าใจสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้นได้เช่นกัน
ความคุ้มค่า สำหรับโปรแกรมสมาชิกในรูปแบบของการจ่ายเงิน
ถูกแพงอยู่ที่ใจ และความคุ้มค่าก็เช่นกัน แต่ถ้าลองนำมาพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ขอแบ่งเพื่อเป็นการนำเสนอพิจารณาดังต่อไปนี้
- ตลาดหุ้น: แน่นอนว่าเครื่องมือนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดหุ้น จึงมีข้อมูลและเครื่องมือสำหรับแสกนหุ้นโดยเฉพาะ พื้นที่สมาชิกในรูปแบบของการจ่ายเงิน เปิดให้เข้าใจอย่างเต็มที่ อีกทั้งนักลงทุนในต่างประเทศ ยังกล่าวถึงบ่อย ๆ ว่าเป็นเครื่องมือแสกนหุ้นที่ดีอันดับต้น ๆ มีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน
- ตลาด Forex และอื่น ๆ : อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือในเชิงลึกมากนัก เพียงเมนูเฉพาะ เช่น Forex, Crypto, News, Portfolio ที่เข้าใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายค่าสมัคร ก็เพียงพอต่อการใช้ข้อมูลและการเทรด ถ้าจะจ่ายเงินเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ อาจจะไม่คุ้ม
ดูข้อมูลและการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่นี่
- Help: หน้านี้จะมีข้อมูลที่สำคัญ ๆ สำหรับเทรดเดอร์หรือนักลงทุน ที่ต้องการรู้จักเครื่องมือนี้มากยิ่งขึ้น
- แยกเมนู: เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งาน
- Screener/Data: เป็นข้อมูลและแนวทางในการใช้เครื่องมือ ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น การแสกนหาหุ้นและข้อมูลต่าง ๆ ที่นักลงทุนสนใจ
- Technical Analysis: หน้านี้จะพูดถึง เทคนิคอลคืออะไร โดยเริ่มต้นจากพื้นฐานและแนวคิด เพราะ Finviz ไม่เพียงที่จะสามารถแสกนจากข้อมูลต่าง ๆ ของหุ้นได้แล้ว ยังสามารถแสกนด้วยเงื่อนไขทางเทคนิคได้อีกด้วย
- Maps: ภาพตัวอย่าง และคำแนะนำในการใช้แผนภูมิความร้อนอย่างละเอียด
- Groups: เป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง มีวิธีใช้ที่แตกต่าง
- FINVIZ*Elite: พื้นที่สมาชิกในรูปแบบเสียเงิน แผนเปรียบเทียบ 3 รูปแบบที่ได้กล่าวไปแล้วเบื้องต้น และแผนการจ่ายรายเดือน หรือรายปี
- FAQ: คำถามที่พบบ่อย แน่นอนว่าหากมีข้อสงสัย เป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้ อาจจะมีผู้ที่มีความสงสัยคล้าย ๆ กับเรา ลองเข้าไปทำความเข้าใจกับคำถามที่พบบ่อย อาจจะได้คำตอบพร้อมคำแนะนำดี ๆ ได้เลยทันที
- Guided Tour: คลิปวิดีโอของทางแพลตฟอร์ม เพื่อแนะนำการใช้งานในเบื้องต้นสำหรับมือใหม่
คำเตือน
- เครื่องมือ เป็นเพียงส่วนช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้เข้าถึงข้อมูล เพื่อนำมาตัดสินใจให้ง่ายขึ้น
- แม้จะมีข้อมูลดีเช่นไร ก็ไม่ได้การันตีผลแพ้ชนะในตลาด เทรดเดอร์หรือนักลงทุนจะต้องรับผิดชอบผลได้เสียแต่เพียงผู้เดียว
- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ที่ลงทุน ควรศึกษารายละเอียด หาข้อมูล และฝึกฝนใช้เครื่องมือให้ชำนาน เข้าใจตลาด ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เช่นเดียวกัน
สรุป
Finviz เป็นกล่องเครื่องมือสำหรับเทรดเดอร์นักลงทุนในทุก ๆ ตลาด เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย มีทุกอย่างที่จำเป็นอย่างมากสำหรับนักลงทุน เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชาวไทยที่รู้จักในนาม “ตะกร้าค่าเงิน”
ที่จะต้องเข้ามาเช็คการอ่อนค่าหรือแข็งค่าก่อนการเข้าเทรดเสมอ แม้จะไม่ใช่เทรดเดอร์สายปัจจัยพื้นฐาน แต่ข้อมูลในที่นี่ เสมือนการวิเคราะห์จากปัจจัยดังกล่าว กลั่นกรองออกมาเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประกอบการวิเคราะห์ หรือตัดสินใจได้ในทันที
เพราะในโลกการลงทุน “ข้อมูลคือหัวใจสำคัญ” ที่ทุกการเคลื่อนไหวของตลาดย่อมทิ้งร่องรอยอะไรบางอย่างให้นักสืบอย่างเราๆ ต้องคอยตามกลิ่นเงินอยู่เสมอ Finviz จึงเป็นเหมือนผู้ช่วยที่คอยส่งมอบข้อมูลและเครื่องมือที่จำเป็นที่จะใช้วิเคราะห์ เพื่อให้นักลงทุนทุกคนสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและประสบความสำเร็จในการลงทุน