Commissions คืออะไรในตลาด Forex
- ค่าคอมมิชชั่น (Commissions) คือ ค่าธรรมเนียมที่ โบรกเกอร์ เก็บจากนักเทรด ทุกครั้งที่มีการเปิดหรือปิดออเดอร์
- ปกติจะถูกกำหนดเป็น จำนวนเงินต่อ 1 Lot เช่น $7 ต่อการเทรด 1 Lot
- ถ้าเทรด 1 Lot EUR/USD แล้วปิดออเดอร์ จะเสีย $7
- ถ้าเทรด 0.1 Lot จะเสีย $0.7 ต่อการเทรด
- หากเทรดออก Lot ในรูปแบบอื่น ๆก็จะไล่สัดส่วนกันไปตามจำนวน Lot ที่ออกเทรด
- ยิ่งขนาด Lot ใหญ่ ค่าคอมก็จะสูงขึ้นตามสัดส่วน
ความแตกต่างระหว่าง Commissions กับ Spread
- Spread คือค่าธรรมเนียมแฝงที่โบรกเกอร์บวกเพิ่มจากส่วนต่างราคา Bid และ Ask โดยไม่คิดเป็นตัวเลขชัดเจน
- Commission คือค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์คิดตรง ๆ ต่อการเปิดปิดออเดอร์ มองเห็นเป็นตัวเลขแน่นอน
- Spread จ่ายทันทีทุกครั้งที่เข้าออเดอร์ ส่วน Commission จ่ายแยกเป็นค่าธรรมเนียมชัดเจน ทำให้บางสายเทรดเลือกแบบที่เหมาะกับกลยุทธ์
- บัญชี Standard ส่วนใหญ่จะ ไม่มีค่าคอม แต่ Spread กว้างกว่า
- บัญชี Standard ใช้ EUR/USD Spread 1.5 pips ไม่มี Commission
- บัญชี ECN หรือ Raw Spread จะ Spread ต่ำมาก แต่มีการเก็บ Commission แทน
- บัญชี ECN ใช้ Spread แค่ 0.1 pip แต่เก็บ Commission $7 ต่อ Lot
ภาพอธิบายเกี่ยวกับ การคิดค่าคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์ อธิบายว่า ต่อ 1 Lot นั้น เสียค่าคอมมิชชั่นอย่างไร ?
โบรกเกอร์ Forex มีกี่รูปแบบการคิด Commissions
- แบบต่อ Lot คงที่ ค่าคอมเป็นเงินตายตัว เช่น $7 ต่อ Lot
- แบบเปอร์เซ็นต์ของ Volume คิดตามมูลค่าการซื้อขาย เช่น 0.003% ของ Volume
- แบบ Zero Commission ไม่เก็บค่าคอม แต่ขยาย Spread ให้กว้างขึ้นแทน
- แบบรวมใน Spread เหมือนจะไม่มีคอม แต่จริง ๆ แฝงมากับ Spread แล้ว
- ตัวอย่าง
- โบรกเกอร์ A ใช้บัญชี ECN คิด $7 ต่อ Lot
- โบรกเกอร์ B ไม่มีคอม แต่ Spread EUR/USD = 2 pips
ตารางที่ 1 การคิด Commissions ของโบรกเกอร์ Forex
รูปแบบการคิด Commissions | ลักษณะการคิดค่าใช้จ่าย | เหมาะกับใคร |
---|---|---|
แบบไม่มีค่าคอม (Spread Only) | ไม่คิดค่าคอม แต่บวกค่าธรรมเนียมเข้าไปใน Spread ให้กว้างขึ้น | มือใหม่ หรือคนที่ไม่อยากคำนวณต้นทุนซับซ้อน |
คอมต่อ Lot (Fixed Commission per Lot) | คิดค่าคอมชัดเจน เช่น $7 ต่อการซื้อขาย 1 Lot (เปิด+ปิด) | เทรดเดอร์สาย Scalping หรือ Day Trade ที่ต้องการ Spread ต่ำ |
คอมผันแปรตามขนาด Lot | ยิ่งเปิด Lot ใหญ่ ค่าคอมก็สูงขึ้นตาม เช่น $3.5 ต่อ 0.5 Lot | เทรดเดอร์ที่ใช้การบริหารพอร์ตหลายขนาด Lot |
คอมตามประเภทบัญชี (Account Type Based) | บัญชี Standard = Spread สูง ไม่มีคอม / บัญชี ECN = Spread ต่ำ แต่มีคอม | คนที่เลือกบัญชีตามสไตล์การเทรด |
Hybrid (Spread + Commission) | เก็บทั้ง Spread และ Commission พร้อมกัน แต่ทั้งสองฝั่งถูกกว่าปกติ | เทรดเดอร์ที่อยากได้ราคากลาง ๆ ไม่สูงเกินไปทั้งคู่ |
- Spread Only
- เหมาะกับมือใหม่ เพราะไม่ต้องคำนวณต้นทุนแยก ค่าธรรมเนียมรวมใน Spread แล้ว
- ข้อเสียคือ Spread กว้างกว่า ทำให้เวลาปิดออเดอร์เร็ว ๆ กำไรจะหายไปบางส่วน
- คุ้มค่าเมื่อเทรดไม่ถี่ เช่น Swing Trade หรือถือยาว เพราะไม่เสียคอมแฝงบ่อย ๆ
- Fixed Commission per Lot
- ได้ Spread ที่แคบมาก กราฟตรงกับตลาดจริง (Raw Spread)
- ค่าคอมชัดเจน เช่น $7 ต่อ 1 Lot ทำให้คำนวณต้นทุนได้แม่นยำ
- คุ้มสำหรับ Scalper หรือ Day Trader ที่เน้นเปิดปิดบ่อย เพราะ Spread แคบช่วยให้เข้าออกแม่นขึ้น
“ถ้าเทรดไม่บ่อย ชอบถือยาว เลือก Spread Only จะคุ้มกว่า แต่ถ้าเทรดถี่ เน้นสั้น ๆ แบบ Fixed Commission ต่อ Lot จะเหมาะสุด”
ภาพแสดงถึงความต่างของค่าคอมมิชชั่นกับค่าสเปรด ที่มีความแตกต่างคือ ค่าคอมจะนิ่ง เปิดหรือปิด ยังไงก็เสียต้นทุนแฝง แต่ตัว Spread ขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาด
Commissions คิดยังไงต่อการเทรด
- ค่าคอมจะถูกคิดแบบ “ต่อรอบการซื้อขาย”
- หมายถึง เปิดออเดอร์ครั้งหนึ่ง = คิดครึ่งหนึ่ง
- ปิดออเดอร์ครั้งหนึ่ง = คิดอีกครึ่งหนึ่ง
- รวมแล้วเรียกว่า Round Turn Commission หรือ การเปิด กับ ปิดครบ 1 รอบ
- Lot ที่ใหญ่ขึ้น ค่าคอมก็เพิ่มตามสัดส่วน
- ถ้า 1 Lot = $7 ต่อรอบ
- เทรด 0.1 Lot = $0.7 ต่อรอบ
- เทรด 0.01 Lot = $0.07 ต่อรอบ
- ดังนั้นทุนใหญ่ Lot ใหญ่ ต้นทุนค่าคอมก็โตขึ้นตามไปด้วย
- ความถี่ในการเทรดมีผลมาก
- Scalper หรือ Day Trader ที่เข้าออกบ่อย วันหนึ่งอาจเปิดปิด 20–50 ออเดอร์
- ค่าคอมจะสะสมเป็นก้อน แม้จะดูเหมือนน้อยต่อออเดอร์ แต่รวม ๆ แล้วมีผลกับกำไรสุทธิ
- ตัวอย่างการคำนวณต้นทุนจริง
- ค่าคอมโบรกเกอร์อยู่ที่ $7 ต่อ 1 Lot / รอบ
- ถ้าเทรด 0.5 Lot ค่าคอมจะอยู่ที่ $3.5 ต่อรอบ
- เปิดวันละ 5 ออเดอร์ (0.5 Lot ต่อออเดอร์) เท่ากับจ่าย $17.5 ต่อวัน
- ทำต่อเนื่อง 20 วันต่อเดือน จะกลายเป็น $350 ต่อเดือน
- นี่คือต้นทุนที่ค่อย ๆ กินกำไรไปแบบไม่รู้ตัว ถ้าไม่วางแผนให้ดี
ภาพตัวอย่างประเภทบัญชีของโบรกเกอร์ Exness ที่มีบัญชี Standard กับ Cent ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่ถ้าหากใช้บัญชี Zero และ Raw Spread ที่มีค่าคอมมิชชั่นต่อ Lot ดังภาพ
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดแบบมี Commissions
ข้อดี
- Spread ต่ำมาก
- เหมาะกับ Scalper และ Day Trader ที่ต้องการเข้าหลายไม้ในระยะสั้น
- ราคาที่เห็นใกล้เคียงกับ “ราคาจริง” ของตลาด
- เหมาะกับกลยุทธ์ที่อ่อนไหวต่อ Spread
- เช่น Scalping 3–5 pips, Breakout, News Trading
- การที่ Spread แคบช่วยให้ไม่เสียเปรียบตอนเข้าออกออเดอร์
- เหมาะกับ EA หรือ Algo Trading
- หุ่นยนต์เทรดที่เปิด–ปิดออเดอร์บ่อย จะได้ประโยชน์จาก Spread ต่ำ
- การ Backtest และ Forward Test แม่นยำมากขึ้น
- ต้นทุนโปร่งใส
- เห็นชัดเจนว่าเสียคอมเท่าไรต่อ Lot
- ทำให้นักเทรดสามารถคำนวณ Risk: Reward ได้แม่นยำ
- โอกาสได้ราคาดี (Best Execution)
- บัญชี ECN ที่มีคอมมักส่งคำสั่งไปที่ตลาดจริง
- ทำให้ Slippage (ราคาไหล) ลดลงเมื่อเทียบกับบัญชี Market Maker
ข้อเสีย
- ค่าคอมสะสมเยอะถ้าเทรดถี่
- Scalper เปิดวันละ 20–50 ออเดอร์ อาจเสียคอมมากกว่ากำไร
- ทำให้ต้องชนะด้วยอัตรา % ที่สูงกว่าปกติ
- ต้นทุนสูงสำหรับทุนเล็ก
- ถ้าใช้บัญชี $100–$200 การเสียคอม $7 ต่อ Lot อาจกินกำไรส่วนใหญ่ไป
- เทรดเล็ก ๆ หลายครั้ง สุดท้ายอาจไม่คุ้ม
- ไม่เหมาะกับคนที่เทรดไม่สม่ำเสมอ
- ถ้าเปิดปิดแบบไม่วางแผน ค่าคอมจะทำให้ต้นทุนต่อการเทรดสูงโดยไม่จำเป็น
- ต้องคำนวณซับซ้อนกว่าบัญชี Standard
- มือใหม่อาจสับสนว่าจะบวก Spread + Commission ยังไง
- อาจเผลอประเมิน Risk/Reward ผิด
- บางโบรกเกอร์แฝงคอมเพิ่ม
- โบรกเกอร์บางเจ้าโฆษณา Spread 0.0 pip แต่จริง ๆ คอมต่อ Lot สูงกว่ามาตรฐาน
ภาพตัวอย่างการคำนวณ ค่าคอมมิชชั่น ที่กำหนด $7 Commission/Lot ซึ่งการเทรดน้อย ค่าคอมไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเทรดบ่อย ๆ ก็สะสมไปเยอะ อาจจะเป็นต้นทุนแฝงมากกว่าที่คิด
มุมมองตามสไตล์การเทรด กับ ค่าคอมมิชชั่น
- Scalping
- ข้อดี: Spread ต่ำ ทำกำไรจากการขยับไม่กี่ pips ได้ง่ายกว่า
- ข้อเสีย: ค่าคอมสะสมมหาศาลถ้าเปิดหลายครั้งต่อวัน
- Day Trading
- ข้อดี: Spread แคบช่วยลดต้นทุน
- ข้อเสีย: ถ้าเปิด 5–10 ไม้ต่อวัน ต้นทุนคอมยังสูงพอสมควร
- Swing Trading
- ข้อดี: ไม่ค่อยรู้สึกถึงคอม เพราะเปิดน้อยครั้ง
- ข้อเสีย: อาจไม่ได้คุ้มค่าถ้าเทรดไม่ถี่ บัญชี Standard อาจเหมาะกว่า
- Position Trading (ถือยาว)
- ข้อดี: ค่าคอมแทบไม่มีผลเมื่อถือเป็นสัปดาห์/เดือน
- ข้อเสีย: ไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Spread ต่ำมากนัก
- Algo / EA Trading
- ข้อดี: ระบบอัตโนมัติทำกำไรได้จริงเมื่อ Spread ต่ำ
- ข้อเสีย: ถ้าไม่ Optimize ให้ดี ค่าคอมจะกลืนกำไรทั้งหมด
- มือใหม่
- ข้อดี: ได้เรียนรู้โครงสร้างต้นทุนจริงในตลาด
- ข้อเสีย: อาจสับสนและเสียต้นทุนมากกว่าที่คิด
ตัวอย่าง
- Scalper เทรดวันละ 30 ออเดอร์ ขนาด 0.5 Lot ค่าคอมรวม $105 ต่อวัน
- Swing Trader เปิดเพียงสัปดาห์ละ 2 ออเดอร์ ขนาด 1 Lot ค่าคอมแค่ $14 ต่อสัปดาห์ แทบไม่กระทบกำไร
- EA (Grid Trading) เปิดออเดอร์เล็ก ๆ ถึง 200 ครั้งต่อเดือน ขนาด 0.1 Lot ค่าคอมรวมพุ่งเป็น $140 ต่อเดือน แม้แต่ละไม้จะได้กำไรนิดหน่อย แต่สุดท้ายต้นทุนกินหมด
มีค่าคอมหรือ ไม่มีค่าคอม แบบไหนคุ้ม
- ถ้าเป็น มือใหม่ แนะนำบัญชี Standard ไม่มีคอม เทรดง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ
- ถ้าเป็น Scalper / Day Trader ใช้บัญชี ECN Spread ต่ำ แม้มีคอมก็ยังคุ้ม
- ถ้าเป็น Swing / Position Trader เลือกบัญชีไหนก็ได้ เพราะจำนวนออเดอร์น้อย คอมไม่ใช่ต้นทุนหลัก
ข้อดีของการใช้ คอมมิชชั่น หรือ การเทรดแบบมีคอมมิชชั่น คือ ค่า Spread ของบัญชีนั้นจะถูกมาก เหมาะเลยสำหรับคนที่ชอบเทรดแบบ Scalper ใช้กลยุทธ์ที่ต้น Risk ต่ำ แต่ต้องการ Reward สูง
ตัวอย่างการคำนวณ Commissions ในการเทรดจริง
- โบรกเกอร์คิด $7 ต่อ Lot
- เทรด 1 Lot EUR/USD เปิด Buy และปิด เสีย $7
- เทรด 0.2 Lot $7 × 0.2 = $1.4 ต่อรอบ
- ถ้าเปิดวันละ 10 ออเดอร์ ขนาด 1 Lot ค่าคอมวันนั้น = $70
- ถ้าเดือนหนึ่งเทรด 200 ออเดอร์ Lot ละ 0.5 ค่าคอมรวม = $350
Commissions มีผลต่อกำไรระยะยาวของนักเทรดยังไง
- ถ้าเทรดน้อย คอมไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเทรดถี่ ค่าคอมสะสมอาจเยอะกว่าที่คิด
- สำหรับ Scalper หรือ EA (บอท) ต้องคำนวณคอมให้ละเอียด ไม่งั้นกำไรจะหาย
- สำหรับสาย Swing ผลกระทบไม่มาก เพราะจำนวนน้อย
- ตัวอย่าง
- บัญชี A Spread 2 pips ไม่มีคอม
- บัญชี B Spread 0.1 pip + คอม $7 ต่อ Lot
- ถ้าเปิดวันละ 50 ครั้ง บัญชี B จะถูกกว่าเกือบครึ่งหนึ่งในระยะยาว
วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่า Commissions คุ้มค่าที่สุด
- ตรวจสอบ ค่า Commission ต่อ Lot แล้วเปรียบเทียบกับ Spread
- เลือกโบรกที่เป็น ECN จริง (A-Book) ไม่ใช่หลอกว่า ECN แต่บวกเพิ่ม
- คำนวณต้นทุนจริงจาก (Spread + Commission) ไม่ใช่ดูแค่ค่าใดค่าหนึ่ง
- พิจารณาความสะดวกเรื่อง ฝากถอน ค่า Swap และระบบเทรด ด้วย
- ตัวอย่าง
- โบรกเกอร์ A คอม $7 / Lot, Spread EUR/USD = 0.1 pip
- โบรกเกอร์ B ไม่มีคอม แต่ Spread 2 pips เทรดบ่อย ๆ โบรกเกอร์ A ถูกกว่าแน่นอน
ตัวอย่าง 10 โบรกเกอร์ที่มีค่า Spread และ Commissions ที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งมี Exness ติดอันดับ 1-3 อยู่ 3 บัญชี
คลิปที่น่าสนใจ
- ขอแนะนำคลิปจากช่อง thai brokerforex กับ การแนะนำ โบรกเกอร์ที่ค่า Spread + Commission และ Swap ของทองคำ ดีที่สุด ในปี 2025
- ซึ่งแน่นอนว่าในคลิปพูดถึงตัวค่า Commission ที่จะส่งผลดี และ ข้อได้เปรียบ เสียเปรียบกับเทรดเดอร์อย่างไรบ้างนั่นเองครับ
สรุป
- Commissions คือ ต้นทุนที่ทุกคนต้องจ่าย ถ้าเลือกบัญชี ECN
- สิ่งสำคัญคือการรวมต้นทุนทั้งหมด (Spread + Commission) เพื่อดูว่าคุ้มค่าหรือไม่
- เลือกบัญชีให้ตรงกับ สไตล์การเทรด ของตัวเอง เช่น มือใหม่ใช้ Standard, Scalper ใช้ ECN
- การเข้าใจเรื่องนี้ จะช่วยให้วางกลยุทธ์และคำนวณกำไร/ขาดทุนได้แม่นยำขึ้น
อ้างอิง
- What is a Commission?: https://forextraders.com/forex-education/forex-glossary/what-is-a-commission/
- What is the Commission of the trading account?: https://help.fundednext.com/en/articles/10701368-what-is-the-commission-of-the-trading-account
- Foreign Exchange Commission: https://www.kantox.com/glossary/foreign-exchange-commission
- Understanding Forex Broker Commissions and Fees: https://www.fpmarkets.com/en-th/education/trading-guides/understanding-forex-broker-commissions-fees-and-how-they-facilitate-trades/
- Commission: Definition and Examples, Vs. Fees: https://www.investopedia.com/terms/c/commission.asp
FAQ – Commissions คืออะไร นักเทรด Forex ต้องอ่าน
2. Commission: ค่าบริการที่โบรกเกอร์คิด
ส่วนบัญชีไม่มีค่า commission (Standard) จะรวมค่าบริการของโบรกเกอร์เข้าไปใน Spread ทำให้ Spread กว้างกว่าปกติ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่นิยมเลือกบัญชี ECN จะได้เห็นต้นทุนอย่างชัดเจน