ก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกของการเทรด Forex อย่างมั่นใจ สิ่งแรกที่เราต้องรู้จักก็คือ “คู่เงิน” นั่นเอง แล้ว ทำไมคู่เงินถึงสำคัญ? เพราะแต่ละคู่เงินมีนิสัยที่แตกต่างกันไปครับ บางคู่เคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนรถแข่ง บางคู่เคลื่อนไหวช้าๆ เหมือนเดินชมสวน การเข้าใจลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนการเทรดได้อย่างแม่นยำและเหมาะสมกับสไตล์ของเราและสำหรับมือใหม่ครับ การเริ่มต้นจาก 7 คู่ เงิน หลัก forex  ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? เราไปดูกันครับ

คู่เงินหลัก Forex คืออะไร

ในโลกของ Forex คู่เงิน (Currency Pair) คือการเปรียบเทียบระหว่างสองสกุลเงินครับ เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY โดย คู่เงินหลัก (Major Pairs) คือกลุ่มคู่เงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาด Forex ซึ่งประกอบด้วย 7 คู่เงินหลักที่มีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นส่วนหนึ่งเสมอ

คู่เงินหลักทั้ง 7 มีดังนี้ครับ

  1. EUR/USD – ยูโร/ดอลลาร์
  2. USD/JPY – ดอลลาร์/เยนญี่ปุ่น
  3. GBP/USD – ปอนด์/ดอลลาร์
  4. USD/CHF – ดอลลาร์/ฟรังก์สวิส
  5. AUD/USD – ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์
  6. USD/CAD – ดอลลาร์/ดอลลาร์แคนาดา
  7. NZD/USD – ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์

ทำไมถึงถูกเรียกว่าคู่เงินหลัก

  • คู่เงินเหล่านี้ถือว่าเป็น คู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก เพราะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหลักของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอังกฤษครับ 
  • ด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงนี้เองทำให้คู่เงินหลักมี สภาพคล่องดีเยี่ยม หมายความว่าคุณสามารถเข้า-ออกตลาดได้ง่าย และการเคลื่อนไหวของราคาก็มีความต่อเนื่อง
  • คู่เงินหลักมัก โปร่งใส และมีข่าวสารให้ติดตามอยู่เสมอ ทำให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์และคาดเดาทิศทางได้ง่ายกว่า เช่น การเทรด EUR/USD ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมันสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

ทำไมคู่เงินหลักถึงเป็นที่นิยม ?

  • คาดเดาง่ายกว่า: มีข้อมูลข่าวสารรองรับ ทำให้การวิเคราะห์แนวโน้มง่ายขึ้น
  • สเปรดต่ำ: ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายต่ำกว่าคู่เงินรอง
  • สภาพคล่องสูง: ไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อขายในปริมาณมาก

7 คู่เงินหลัก Forex มีอะไรบ้าง

EUR/USDรูปที่ 1 อธิบายความหมายของคู่สกุลเงิน EUR/USD คู่เงินนี้เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาคใหญ่ที่สุดในโลก

ความหมายของคู่สกุลเงิน

EUR/USD คือคู่เงินที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ยูโร (EUR) ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของสหภาพยุโรป และ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) สกุลเงินหลักของโลก คู่เงินนี้เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาคใหญ่ที่สุดในโลก

ช่วงเวลาที่ควรเทรด

  • ช่วงที่ตลาด ลอนดอน และ นิวยอร์ก เปิดพร้อมกัน (ประมาณ 19:00 – 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย)
  • ช่วงนี้มีปริมาณการซื้อขายสูงและความเคลื่อนไหวชัดเจน

เหมาะกับการเทรดสไตล์

  • Day Trading: เพราะคู่เงินนี้มีความผันผวนไม่สูงเกินไป ทำให้เหมาะกับการเทรดในระยะสั้น
  • Swing Trading: สำหรับผู้ที่ต้องการถือสถานะข้ามวัน เพราะแนวโน้มของ EUR/USD มักชัดเจนในช่วงยาว

กลยุทธ์ที่แนะนำ

  1. Breakout Strategy
    • สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาที่ใกล้แนวรับหรือแนวต้าน และเตรียมเข้าเทรดเมื่อราคาทะลุระดับสำคัญ
    • เหมาะสำหรับช่วงที่ตลาดนิวยอร์กเปิด
  2. Trend Following
    • ใช้ Moving Averages (MA) หรือ MACD เพื่อระบุทิศทางแนวโน้ม และเทรดตามแนวโน้มหลัก
  3. ข่าวเศรษฐกิจ
    • ติดตามข่าวสำคัญ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของ ECB และ FED หรือรายงาน NFP (Non-Farm Payrolls)
    • เข้าเทรดตามทิศทางที่ราคาตอบสนองหลังข่าว
  4. Scalping
    • สำหรับผู้ที่มีเวลาเทรดแบบเกาะติดตลาดในระยะสั้น ใช้กรอบเวลาเล็ก (1-5 นาที) เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวในจังหวะสั้น

USD/JPY

รูปที่ 2 อธิบายความหมายของคู่สกุลเงิน USD/JPY  คู่เงินนี้เป็นตัวแทนของสกุลเงินที่เป็นสัญลักษณ์ของเศรษฐกิจเอเชีย

ความหมายของคู่สกุลเงิน

USD/JPY เป็นคู่เงินที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่าง ดอลลาร์สหรัฐ (USD) สกุลเงินหลักของโลก และ เยนญี่ปุ่น (JPY) สกุลเงินที่เป็นสัญลักษณ์ของเศรษฐกิจเอเชีย คู่เงินนี้ได้รับความนิยมสูงเพราะทั้งสองสกุลเงินเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่นเดียวกันครับ

ช่วงเวลาที่ควรเทรด

  • ช่วงตลาดโตเกียวเปิด: (06:00 – 15:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ราคามักตอบสนองต่อข่าวเศรษฐกิจจากญี่ปุ่น
  • ช่วงตลาดนิวยอร์กเปิด: (19:00 – 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) มีปริมาณการซื้อขายสูง ราคามักเคลื่อนไหวอย่างมีทิศทาง

เหมาะกับการเทรดสไตล์

  • Scalping: เพราะ USD/JPY มีสภาพคล่องสูงและเคลื่อนไหวรวดเร็ว
  • News Trading: ราคาตอบสนองต่อข่าวเศรษฐกิจใหญ่ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ย หรือรายงานตัวเลขการจ้างงาน (NFP)
  • Swing Trading: สำหรับนักเทรดที่ต้องการจับแนวโน้มระยะกลาง

กลยุทธ์ที่แนะนำ

  1. Breakout Strategy
    • สังเกตการเคลื่อนไหวในช่วงที่ราคาถูกบีบตัวในกรอบแคบ และเตรียมเข้าเทรดเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
    • เหมาะในช่วงตลาดนิวยอร์กที่มักเกิดความผันผวนสูง
  2. Carry Trade Strategy
    • เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของเยนญี่ปุ่นมักต่ำกว่าสหรัฐ การทำ Carry Trade โดยถือสถานะ Long USD/JPY เพื่อรับผลต่างอัตราดอกเบี้ยสามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้
  3. Trend Following
    • ใช้เครื่องมืออย่าง RSI หรือ MACD เพื่อระบุแนวโน้มหลัก และเข้าเทรดตามทิศทางนั้น
    • เหมาะสำหรับช่วงที่มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับนโยบายการเงิน
  4. ข่าวสำคัญ
    • ติดตามข่าวจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และ Federal Reserve (FED) รวมถึงข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น GDP หรืออัตราเงินเฟ้อ

GBP/USD

รูปที่ 3 อธิบายความหมายของคู่สกุลเงิน GBP/USD หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Cable” คู่เงินที่มีชื่อเสียงเรื่องความผันผวนสูง

ความหมายของคู่สกุลเงิน

GBP/USD หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Cable” เป็นคู่เงินที่เปรียบเทียบมูลค่าระหว่าง ปอนด์อังกฤษ (GBP) และ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) คู่เงินนี้มีชื่อเสียงเรื่องความผันผวนสูง เนื่องจากเศรษฐกิจของอังกฤษมีขนาดเล็กกว่าสหรัฐฯ และได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น ข่าวการเมืองและเศรษฐกิจ

ช่วงเวลาที่ควรเทรด

  • ช่วงตลาดลอนดอนเปิด: (14:00 – 17:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ราคามักเคลื่อนไหวตามข่าวจากอังกฤษ
  • ช่วงตลาดนิวยอร์กเปิด: (19:00 – 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้น และมักเกิดการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน

เหมาะกับการเทรดสไตล์

  • Day Trading: ความผันผวนสูงของ GBP/USD เหมาะกับการเข้า-ออกในระยะสั้นเพื่อทำกำไร
  • News Trading: ราคาตอบสนองอย่างชัดเจนต่อข่าวเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์สำคัญ เช่น การประกาศนโยบายธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
  • Scalping: สำหรับนักเทรดที่ชอบการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว

กลยุทธ์ที่แนะนำ:

  1. Breakout Strategy
    • สังเกตกรอบแนวรับและแนวต้านในช่วงข่าวสำคัญ เช่น รายงาน GDP หรือการประกาศดอกเบี้ย
    • เข้าเทรดทันทีเมื่อราคาทะลุกรอบและเคลื่อนไหวในทิศทางใหม่
  2. News Trading
    • ติดตามข่าวจากธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อหรือรายงานการจ้างงาน
    • วางคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเกาะกระแสราคาหลังข่าว
  3. Range Trading
    • ใช้ในช่วงที่ตลาดไม่มีข่าวสำคัญ สังเกตการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และเทรดเมื่อราคากลับตัวใกล้แนวรับ-แนวต้าน
  4. Trend Following
    • ใช้ Moving Averages (MA) หรือ MACD เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มหลัก
    • เข้าเทรดตามทิศทางของแนวโน้มเมื่อราคายืนยันทิศทางใหม่

คำแนะนำเพิ่มเติม

GBP/USD อาจมีความผันผวนมากกว่าคู่เงินหลักอื่นๆ ดังนั้นควรตั้ง Stop Loss อย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยง และติดตามข่าวการเมืองของอังกฤษ เช่น ข่าว Brexit ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาค่อนข้างมากครับ

USD/CHF

รูปที่ 4 อธิบายความหมายของคู่สกุลเงิน USD/CHF เป็นคู่เงินที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และ ฟรังก์สวิส (CHF) ซึ่งมักถูกเรียกว่า “คู่เงินปลอดภัย” (Safe Haven Pair)

ความหมายของคู่สกุลเงิน

USD/CHF เป็นคู่เงินที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และ ฟรังก์สวิส (CHF) ซึ่งมักถูกเรียกว่า “คู่เงินปลอดภัย” (Safe Haven Pair) เพราะฟรังก์สวิสได้รับการยอมรับว่าเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนหรือนักลงทุนกังวลกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ช่วงเวลาที่ควรเทรด

  • ช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน: (19:00 – 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) เป็นช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูงและราคามีความเคลื่อนไหวชัดเจน
  • ช่วงที่มีข่าวสำคัญ: เช่น การประกาศนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) หรือ Federal Reserve (FED)

เหมาะกับการเทรดสไตล์

  • Day Trading: ความเคลื่อนไหวที่ไม่รุนแรงของคู่เงินนี้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความเสถียร
  • Position Trading: เหมาะสำหรับการถือสถานะระยะยาวในช่วงตลาดที่มีความไม่แน่นอน
  • Safe Haven Trading: ใช้ในช่วงที่ตลาดโลกมีความผันผวนสูง

กลยุทธ์ที่แนะนำ

  1. Range Trading
    • เนื่องจาก USD/CHF มีนิสัยเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงที่ตลาดไม่มีข่าวสำคัญ คุณสามารถเทรดในแนวรับและแนวต้านด้วยความมั่นใจได้เป็นอย่างดี
    • ใช้ RSI หรือ Bollinger Bands เพื่อระบุจุดกลับตัวในกรอบ
  2. Trend Following
    • ใช้ Moving Averages (MA) หรือ MACD เพื่อติดตามแนวโน้มใหญ่
    • เข้าเทรดเมื่อแนวโน้มได้รับการยืนยัน เช่น ราคาเคลื่อนไหวเหนือหรือใต้เส้น MA
  3. News Trading
    • ราคาของ USD/CHF ตอบสนองต่อข่าวการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น การประกาศดอกเบี้ยของ SNB หรือ FED
    • วางคำสั่งซื้อขายตามทิศทางราคาที่เคลื่อนไหวหลังข่าว
  4. Carry Trade Strategy
    • ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์ แม้ไม่สูงมาก แต่สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้

คำแนะนำเพิ่มเติม

USD/CHF มีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับคู่เงินอื่นๆ ในช่วงปกติ แต่ราคาจะเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนในช่วงข่าวใหญ่ การใช้ Stop Loss และการติดตามข่าวสำคัญเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคู่เงินนี้ครับ

AUD/USD

รูปที่ 5 อธิบายความหมายของคู่สกุลเงิน AUD/USD เป็นคู่เงินที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) คู่เงินนี้มักถูกเรียกว่า “คู่เงินสินค้าโภคภัณฑ์”

ความหมายของคู่สกุลเงิน

AUD/USD เป็นคู่เงินที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) คู่เงินนี้มักถูกเรียกว่า “คู่เงินสินค้าโภคภัณฑ์” เพราะเศรษฐกิจของออสเตรเลียพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ และสินแร่ต่างๆ ราคาของ AUD/USD จึงตอบสนองอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าเหล่านี้

ช่วงเวลาที่ควรเทรด

  • ช่วงตลาดซิดนีย์เปิด: (06:00 – 15:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ช่วงนี้เหมาะกับการเทรดเพราะตลาดออสเตรเลียมีการเคลื่อนไหว
  • ช่วงตลาดนิวยอร์กเปิด: (19:00 – 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ราคามักเคลื่อนไหวแรงเมื่อมีข่าวเศรษฐกิจจากสหรัฐ

เหมาะกับการเทรดสไตล์:

  • Day Trading: ราคาของ AUD/USD มีความผันผวนปานกลาง เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น
  • Swing Trading: แนวโน้มของ AUD/USD มักสัมพันธ์กับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เหมาะสำหรับการจับแนวโน้มระยะยาว
  • News Trading: ราคามักตอบสนองต่อข่าวเศรษฐกิจและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ

กลยุทธ์ที่แนะนำ

  1. Correlation Strategy
    • สังเกตความสัมพันธ์ระหว่าง AUD/USD กับราคาทองคำหรือสินแร่เหล็ก
    • หากราคาทองคำหรือสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้น ราคาของ AUD/USD ก็มักจะขึ้นตาม
  2. Trend Following
    • ใช้ Moving Averages (MA) หรือ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้มหลัก
    • เข้าเทรดตามแนวโน้ม เช่น เมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นหรือขาลงที่ชัดเจน
  3. Breakout Strategy
    • ระบุแนวรับและแนวต้านในกราฟ และเข้าเทรดเมื่อราคาทะลุกรอบ
    • เหมาะสำหรับช่วงที่ตลาดนิวยอร์กเปิด
  4. News-Based Trading
    • ติดตามข่าวเศรษฐกิจของออสเตรเลีย เช่น รายงานตัวเลขการจ้างงานหรือการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)
    • เข้าเทรดตามทิศทางราคาที่เคลื่อนไหวหลังข่าว

คำแนะนำเพิ่มเติม

AUD/USD เป็นคู่เงินที่ได้รับผลกระทบจากข่าวเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างออสเตรเลียกับจีน (คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย) หากคุณเป็นนักเทรดที่ชื่นชอบติดตามข่าวสารและวิเคราะห์กราฟ คู่เงินนี้ถือว่าเหมาะมากครับ

USD/CAD

รูปที่ 6 อธิบายความหมายของคู่สกุลเงิน USD/CAD เป็นคู่เงินที่เปรียบเทียบระหว่าง ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และ ดอลลาร์แคนาดา (CAD) มักถูกเรียกว่า “คู่เงินน้ำมัน”

ความหมายของคู่สกุลเงิน

USD/CAD เป็นคู่เงินที่เปรียบเทียบระหว่าง ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และ ดอลลาร์แคนาดา (CAD) มักถูกเรียกว่า “คู่เงินน้ำมัน” เพราะเศรษฐกิจของแคนาดาขึ้นอยู่กับการส่งออกน้ำมันดิบ ราคาของ USD/CAD มักมีความสัมพันธ์ผกผันกับราคาน้ำมัน เช่น หากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น CAD มักจะแข็งค่าขึ้น

ช่วงเวลาที่ควรเทรด

  • ช่วงตลาดนิวยอร์กเปิด: (19:00 – 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ช่วงนี้มีปริมาณการซื้อขายสูง เนื่องจากทั้งสหรัฐและแคนาดาอยู่ในช่วงเวลาทำการ
  • ช่วงประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ: เช่น รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ (EIA) หรือดัชนีการจ้างงานของแคนาดา

เหมาะกับการเทรดสไตล์

  • News Trading: ราคามีความไวต่อข่าวเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน
  • Swing Trading: เนื่องจาก USD/CAD มีแนวโน้มที่ชัดเจนในระยะยาว จึงเหมาะสำหรับการจับจังหวะเทรดในแนวโน้มใหญ่
  • Day Trading: การเคลื่อนไหวของ USD/CAD ในระหว่างวันสามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ โดยเฉพาะในช่วงตลาดนิวยอร์ก

กลยุทธ์ที่แนะนำ

  1. Oil Price Correlation Strategy
    • ติดตามราคาน้ำมันดิบ (WTI) ซึ่งมีความสัมพันธ์ผกผันกับ USD/CAD
    • หากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ให้พิจารณา Short USD/CAD และหากราคาน้ำมันลดลง อาจพิจารณา Long
  2. Trend Following
    • ใช้เครื่องมือ Moving Averages (MA) หรือ MACD เพื่อระบุแนวโน้มหลัก
    • เข้าเทรดตามแนวโน้ม เช่น หากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น ให้หาจังหวะเข้าในช่วงย่อตัว
  3. Breakout Strategy
    • ระบุกรอบแนวรับ-แนวต้าน และเข้าเทรดเมื่อราคาทะลุกรอบ
    • เหมาะสำหรับช่วงที่มีข่าวสำคัญ เช่น การประกาศดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา
  4. Range Trading
    • ใช้ในช่วงที่ตลาดไม่มีข่าวสำคัญ หรือราคานิ่งในกรอบ
    • เข้าเทรดเมื่อราคาดีดตัวจากแนวรับหรือแนวต้าน

คำแนะนำเพิ่มเติม

USD/CAD เป็นคู่เงินที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐและแคนาดา รวมถึงผู้ที่ติดตามราคาน้ำมันดิบ หากคุณเข้าใจปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้และวิเคราะห์กราฟได้ดี คู่เงินนี้สามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรได้อย่างแน่นอนครับ

NZD/USD

รูปที่ 7 อธิบายความหมายของคู่สกุลเงิน NZD/USD คือคู่เงินที่เปรียบเทียบระหว่าง ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) และ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยดอลลาร์นิวซีแลนด์มักถูกเรียกว่า “Kiwi”

ความหมายของคู่สกุลเงิน

NZD/USD คือคู่เงินที่เปรียบเทียบระหว่าง ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) และ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยดอลลาร์นิวซีแลนด์มักถูกเรียกว่า “Kiwi” คู่เงินนี้สะท้อนถึงเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ผลิตภัณฑ์นม และสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองแดงและไม้ ราคาของ NZD/USD มักตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าเหล่านี้เป็นอย่างมาก

ช่วงเวลาที่ควรเทรด

  • ช่วงตลาดซิดนีย์และเอเชียเปิด: (06:00 – 15:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ราคามีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนในช่วงเวลานี้ เนื่องจากข่าวเศรษฐกิจจากนิวซีแลนด์
  • ช่วงตลาดนิวยอร์กเปิด: (19:00 – 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ราคามักเคลื่อนไหวแรงเมื่อมีข่าวเศรษฐกิจจากสหรัฐ

เหมาะกับการเทรดสไตล์

  • News Trading: NZD/USD มีความอ่อนไหวต่อข่าวเศรษฐกิจจากนิวซีแลนด์ เช่น รายงานดอกเบี้ยของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ)
  • Swing Trading: เหมาะสำหรับการจับจังหวะในแนวโน้มระยะยาว โดยพิจารณาปัจจัยพื้นฐานร่วมด้วย
  • Day Trading: การเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างสม่ำเสมอของ NZD/USD เหมาะสำหรับนักเทรดระยะสั้น

กลยุทธ์ที่แนะนำ

  1. Correlation Strategy
    • สังเกตความสัมพันธ์ระหว่าง NZD/USD กับราคาสินค้าเกษตร เช่น ผลิตภัณฑ์นม หรือราคาทองแดง
    • หากราคาสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้น NZD มักแข็งค่าขึ้นตาม
  2. Range Trading
    • ใช้ในช่วงที่ตลาดไม่มีข่าวสำคัญ
    • สังเกตแนวรับและแนวต้าน และเข้าเทรดเมื่อราคาดีดตัวจากระดับเหล่านี้
  3. Trend Following
    • ใช้เครื่องมือ Moving Averages (MA) หรือ RSI เพื่อติดตามแนวโน้มหลัก
    • เข้าเทรดเมื่อราคายืนยันการเคลื่อนไหวในทิศทางใหม่
  4. Breakout Strategy
    • ระบุกรอบราคา และเข้าเทรดเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
    • กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับช่วงที่มีข่าวสำคัญ เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ยของ RBNZ

คำแนะนำเพิ่มเติม

NZD/USD เป็นคู่เงินที่ตอบสนองต่อข่าวเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์และสหรัฐ รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หากคุณเป็นนักเทรดที่สนใจการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและกราฟราคา คู่เงินนี้จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และยังเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการคู่เงินที่มีการเคลื่อนไหวแบบสม่ำเสมอนั่นเองแหละครับ

สรุป

การเลือกคู่เงินก็เหมือนการเลือกคู่ชีวิตครับ ถ้าเราเข้าใจนิสัยและความเป็นตัวตนของเขา การเทรดก็จะราบรื่นและประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะทุกคู่เงินมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้น เลือกคู่ที่เข้ากับสไตล์ของคุณ แล้วทำความรู้จักให้ลึกซึ้งครับ เพราะการเริ่มต้นจาก คู่เงินหลัก (Major Pairs) ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

  • คู่เงินหลักมี สภาพคล่องสูง ทำให้เทรดง่าย
  • มี ข้อมูลและข่าวสารเยอะ ให้เราวิเคราะห์
  • การเคลื่อนไหวของราคามักจะ คาดเดาได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับคู่เงินอื่นๆ

ดังนั้น การทำความเข้าใจคู่เงินหลักถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเรียนรู้ และที่สำคัญ มันจะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาด Forex ได้ครับ

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

 

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen