Spot Market คืออะไร?

  • เป็นตลาดที่ทำการซื้อขายสินทรัพย์กัน “แบบทันที” หรือใกล้เคียงกับเวลาปัจจุบันมากที่สุด
  • ราคาที่เห็นเรียกว่า Spot Price คือราคาที่ใช้ในการซื้อขาย ณ ขณะนั้น
  • สินทรัพย์ที่นิยมใน Spot Market เช่น

ลักษณะเด่นของ Spot Market

  • ซื้อจริง ขายจริง ไม่ใช่สัญญาเหมือน Futures
    • การเทรดในตลาด Spot คือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์จริง เช่น เงินสดกับทองคำ หรือเงินสดกับสกุลเงินดิจิทัล โดยผู้ซื้อจะได้รับสินทรัพย์นั้นทันทีหลังทำรายการ
    • ต่างจาก Futures ที่เป็นเพียงสัญญาซื้อขายในอนาคต ไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์จริงในทันที (ยกเว้นในบางกรณีของการส่งมอบทางกายภาพ)
  • ใช้ราคาตลาดปัจจุบันทันที ไม่มีการคาดการณ์ล่วงหน้า
    • ราคาที่เห็นและซื้อขายกันใน Spot Market คือราคาตลาด ณ เวลานั้น (Real-Time Price)
    • ไม่มีการประเมินหรือบวกลบความคาดหวังในอนาคตเข้าไป จึงสะท้อนสภาพคล่องและอุปสงค์อุปทานในขณะนั้นอย่างแท้จริง
  • ความผันผวนมักสะท้อน “สถานการณ์จริงตอนนั้น”
    • ราคาสินทรัพย์ใน Spot Market จะตอบสนองทันทีต่อข่าวสาร เหตุการณ์ หรือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง
    • จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นภาพราคาที่ชัดเจนและโปร่งใส

ในภาพตัวอย่าง ราคาของ Gold Spot จะแตกต่างจาก XAUUSD แต่แท้จริงแล้วห่างกันไม่เท่าไหร่ ส่วนการซื้อขายนั้นก็เป็นการซื้อขายราคาจริง ไม่ต้องรอ เช่น ราคาทองตอนนี้ก็ซื้อตอนนี้เลยได้ราคานี้เลย

  • เหมาะกับคนที่ต้องการถือสินทรัพย์จริง เช่น ซื้อทอง หรือซื้อเหรียญคริปโต
    • นักลงทุนสามารถถือครองสินทรัพย์จริงไว้ในพอร์ต เช่น ทองคำแท่ง หุ้น หรือเหรียญคริปโต และใช้ประโยชน์จากการเก็บรักษามูลค่าหรือใช้ในเชิงพาณิชย์ได้
    • สามารถขายคืนหรือโอนสินทรัพย์เหล่านั้นได้ตามต้องการโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องสัญญาหมดอายุ
  • ไม่มีการหมดอายุของสัญญา ไม่ต้องกังวลเรื่อง Roll Over
    • นักลงทุนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับวันหมดอายุของสัญญาหรือการต่ออายุสัญญา (Roll Over) เหมือนในตลาด Futures
    • จึงเหมาะสำหรับการถือสินทรัพย์ระยะยาวโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสถานะบ่อยครั้ง
  • ค่าธรรมเนียมและต้นทุนต่ำกว่า Futures
    • โดยทั่วไป ตลาด Spot มีต้นทุนการซื้อขายที่ต่ำกว่า เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่าง Funding Fee หรือค่า Rollover ที่เกิดขึ้นในตลาด Futures
  • สภาพคล่องสูงในสินทรัพย์หลัก
    • สินทรัพย์หลักใน Spot Market อย่างสกุลเงินหลัก (เช่น USD, EUR) และทองคำมักมีสภาพคล่องสูง ทำให้สามารถซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว
  • เหมาะกับการลงทุนแบบ Buy-and-Hold
    • นักลงทุนที่เน้นการถือครองสินทรัพย์ระยะยาว มักเลือกใช้ Spot Market เพื่อสะสมสินทรัพย์จริงและหลีกเลี่ยงความซับซ้อนของสัญญาล่วงหน้า
  • ไม่มีความเสี่ยงจากการหมดอายุหรือการถูกบังคับขาย
    • ต่างจากตลาด Futures ที่ถ้าถึงวันหมดอายุแล้วไม่ปิดสัญญา อาจถูกบังคับให้ส่งมอบสินค้าหรือถูกปิดสถานะโดยโบรกเกอร์

ภาพอธิบายสรุปถึงลักษณะเด่นของ Spot Market ที่ให้คุณได้ซื้อจริง และ เป็นเจ้าของสิ่งนั้นจริง

Futures Market คืออะไร?

  • เป็นตลาดซื้อขาย “สัญญา” ที่จะส่งมอบสินทรัพย์ใน “อนาคต”
  • ราคาซื้อขายเป็นการ คาดการณ์ล่วงหน้า ว่าสินทรัพย์จะมีค่าเท่าไรในวันครบกำหนด
  • มักมีการกำหนดวันหมดอายุของสัญญา เช่น รายเดือน รายไตรมาส
  • ผู้เทรดไม่จำเป็นต้องรับของจริง เพียงเก็งกำไรจากส่วนต่างราคา

ภาพอธิบายสรุปความหมายของการเทรด Futures ซึ่งตรงตัวเลยก็คือ สัญญาที่จะส่งมอบกันในอนาคต อธิบายได้เข้าใจง่าย ๆ ดังตัวอย่างในภาพ

ลักษณะเด่นของ Futures Market

  • สามารถเก็งกำไรขาขึ้นหรือขาลงได้เท่า ๆ กัน
    • ตลาด Futures เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถ “Short Sell” หรือขายทำกำไรจากราคาที่คาดว่าจะลดลงได้อย่างเสรี
    • ต่างจากตลาด Spot ที่การขายขาลงอาจทำได้ยากหรือมีข้อจำกัด
    • ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรในทุกสภาวะตลาด
  • ใช้เงินน้อยกว่าในการเปิดสัญญา (เพราะมี Leverage)
    • Futures Market ใช้ระบบ Leverage ทำให้เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะใหญ่กว่าทุนที่มีจริงได้หลายเท่า
    • ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงขาดทุนเช่นกัน
    • การใช้ Leverage ต้องอาศัยความรู้และการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการถูกบังคับปิดสถานะ (Liquidation)
  • มีการเปิดสัญญาแล้วปิดก่อนวันหมดอายุได้ ไม่ต้องถือถึงวันสุดท้าย
    • เทรดเดอร์สามารถเลือก “ปิดสถานะ” (Close Position) ได้ตลอดเวลาก่อนวันครบกำหนดสัญญา
    • ช่วยให้ไม่ต้องถือสัญญาจนหมดอายุซึ่งอาจมีความเสี่ยงจากการส่งมอบสินค้าจริงหรือค่าใช้จ่ายเพิ่ม
    • มีความยืดหยุ่นในการบริหารพอร์ตและกลยุทธ์เทรดมากขึ้น
  • เหมาะกับคนที่ต้องการเทรดสั้น กลาง หรือระยะยาว โดยอิงจากการวิเคราะห์แนวโน้ม
    • Futures Market รองรับกลยุทธ์การเทรดหลากหลายตั้งแต่ Scalping (เทรดเร็ว) ไปจนถึง Position Trading (ถือระยะยาว)
    • สามารถเลือกสัญญาที่มีวันหมดอายุสั้นหรือยาวตามความต้องการได้
    • เหมาะกับผู้ที่มีความรู้เรื่องการวิเคราะห์เชิงเทคนิคและเชิงพื้นฐานเพื่อจับโอกาสกำไรในช่วงเวลาต่าง ๆ
  • ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงในสินทรัพย์หลัก
    • Futures Market สินทรัพย์หลัก เช่น ดัชนีหุ้น น้ำมัน ทองคำ มีตลาดขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูง ทำให้เปิดปิดสถานะได้รวดเร็ว
  • มีโอกาสใช้กลยุทธ์ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยง
    • นักลงทุนหรือธุรกิจสามารถใช้สัญญา Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวน เช่น เกษตรกรใช้ Futures ป้องกันราคาข้าวตกต่ำ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
    • นอกจากสเปรดและค่าคอมมิชชั่น ยังมีค่า Funding Rate หรือค่า Rollover สำหรับการถือสถานะข้ามคืน ซึ่งเทรดเดอร์ต้องเฝ้าระวัง
  • ความซับซ้อนและต้องการความเข้าใจสูงกว่า Spot Market
    • Futures Market เหมาะกับผู้ที่มีความรู้เรื่องสัญญา การบริหาร Margin และกลยุทธ์เทรดที่หลากหลาย

ภาพอธิบายถึงการสรุปลักษณะเด่นของการเทรด Futures คนที่เก็งกำไรเก่ง ๆ ก็มีโอกาสสร้างกำไรจากการเทรดนี้ได้

เปรียบเทียบความเสี่ยงระหว่าง Spot Market กับ Futures Market

ตารางที่ 1 เปรียบเทียบความเสี่ยงของ Spot กับ Futures ใน 8 ประเด็นความเสี่ยง

ประเด็นความเสี่ยงSpot MarketFutures Market
ความเสี่ยงเรื่องเงินทุนต้องใช้เงินทุนเต็มจำนวนสำหรับซื้อสินทรัพย์จริง ไม่มี Leverage มากนัก ทำให้ความเสี่ยงเรื่องขาดทุนสูงสุดจำกัดเท่ากับเงินลงทุนใช้ Leverage สูง ทำให้สามารถเปิดสถานะใหญ่กว่าทุนจริงหลายเท่า ความเสี่ยงขาดทุนสูงกว่า อาจสูญเงินทุนทั้งหมดและเกินได้ถ้าไม่มีการบริหารดี
ความเสี่ยงเรื่องราคาราคาขึ้นลงตามตลาดจริงทันที ไม่มีการบิดเบือนราคาจากสัญญาล่วงหน้าราคาสัญญาอาจถูกบิดเบือนจากปัจจัยคาดการณ์ในอนาคต อาจเกิดความต่างของราคา Futures กับ Spot (Basis Risk)
ความเสี่ยงจากวันหมดอายุไม่มีวันหมดอายุสินค้า สามารถถือสินทรัพย์ได้ตลอดเวลาต้องปิดสัญญาหรือ Roll Over ก่อนหมดอายุ ถ้าลืมหรือปิดไม่ทันอาจเจอการส่งมอบจริงที่ไม่ต้องการ
ความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายหลักคือสเปรดและค่าธรรมเนียมซื้อขายทั่วไป ไม่มีค่า Funding หรือ Rolloverมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น Funding Fee, ค่า Rollover, ค่าธรรมเนียมเปิด-ปิดสัญญา ค่าใช้จ่ายสะสมอาจสูงถ้าเปิดสถานะนาน
ความเสี่ยงจากการบริหารทุนความเสี่ยงจำกัดตามเงินทุนที่ลงไป ไม่ต้องกังวลเรื่อง Margin Callต้องดูแล Margin อย่างใกล้ชิด อาจโดน Liquidation (ถูกบังคับปิดสถานะ) หากขาดทุนเกิน Margin
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องสินทรัพย์บางประเภทอาจมีสภาพคล่องจำกัด แต่ตลาด Spot โดยทั่วไปสภาพคล่องสูงบางสัญญา Futures อาจมีสภาพคล่องต่ำในช่วงก่อนหมดอายุ ทำให้ราคากระโดดหรือสเปรดกว้างขึ้น
ความเสี่ยงทางกฎหมาย/ตลาดตลาด Spot บางตลาดถูกควบคุมเข้มงวดกว่า และมีความโปร่งใสสูงตลาด Futures อาจมีความซับซ้อนด้านกฎหมายและข้อบังคับมากกว่า
ความเสี่ยงจากความผันผวนผันผวนตามตลาดจริง ไม่มีการบิดเบือนจากสัญญาผันผวนสูงจาก Leverage และการเก็งกำไรในตลาดสัญญา
  • Spot Market มีความเสี่ยงค่อนข้างตรงไปตรงมา เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมทุนและความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง
  • Futures Market มีโอกาสทำกำไรมากกว่าแต่ความเสี่ยงสูงกว่า โดยเฉพาะเรื่อง Leverage และการบริหาร Margin ต้องเข้มงวด
  • มือใหม่ควรเริ่มจาก Spot เพื่อเรียนรู้ตลาดจริงก่อน แล้วค่อยขยับไป Futures เมื่อมีประสบการณ์และเข้าใจความเสี่ยงเต็มที่

เทรดแบบไหนเหมาะกับใคร? Spot หรือ Futures

  • สายลงทุนระยะยาว / เก็บของจริง / เสี่ยงต่ำ  เหมาะกับ Spot Market
  • สายเก็งกำไร / เทรดเร็ว / ใช้ Leverage / เปิดสั้นปิดเร็ว  เหมาะกับ Futures
  • คนที่มีวินัยเรื่องการบริหารทุนสูง  Futures เหมาะ เพราะสามารถควบคุม Leverage ได้
  • คนที่ต้องการสะสมเหรียญ คริปโต หรือทองคำ  Spot เหมาะกว่า เพราะได้ของจริง

ภาพอธิบายถึงการตัดสินใจเลือกว่าจะลงทุนแบบไหนดี ? ซึ่งแน่นอนเลยว่า Spot กับ Futures นั้นแตกต่างกันทางด้าน นิสัยส่วนตัวของเทรดเดอร์

มือใหม่ควรเริ่มจากตลาดไหนก่อน?

  • เริ่มจาก Spot ก่อน เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของราคาและฝึกการวิเคราะห์เทคนิค
  • เมื่อเข้าใจโครงสร้างตลาดดีแล้ว ค่อยขยับไป Futures เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร
  • ไม่ควรใช้ Leverage สูงเกินไปในช่วงเริ่มต้น เพราะจะเจอจุดตายได้ง่าย
  • ศึกษากฎของตลาด Futures ให้ละเอียด เช่น วันหมดอายุของสัญญา, Funding Rate, Margin
  • เลือกแพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ที่รองรับทั้งสองตลาด จะได้เปรียบในอนาคต

คลิปที่น่าสนใจ

  • สำหรับคลิปนี้จะอธิบายเกี่ยวกับตลาด Spot ทั้งความหมายและรายละเอียด ซึ่งเป็นคลิปเพียง 1 นาที ที่จะทำให้คุณเข้าใจความหมายได้ 
  • ตลาดสปอตคืออะไร? จากช่อง Marketing Business Network

สรุป

  • Spot Market เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการถือสินทรัพย์จริง เน้นความเรียบง่าย โปร่งใส และควบคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่า
    • ไม่มีค่าใช้จ่ายซ่อนเร้นและไม่ต้องกังวลเรื่องวันหมดอายุ
    • ข้อจำกัดหลักคือ Leverage ต่ำ ทำให้กำไรอาจโตช้ากว่า และไม่เหมาะกับเทรดแบบ Short Sell
  • Futures Market เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการโอกาสทำกำไรสูงในระยะเวลาสั้นหรือกลาง ด้วยการใช้ Leverage และกลยุทธ์เก็งกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง
    • มีเครื่องมือ Hedging และสภาพคล่องสูงในสินทรัพย์หลากหลาย
    • ข้อควรระวังคือ ความซับซ้อนสูง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และเสี่ยงถูกบังคับปิดสถานะหากบริหารทุนไม่ดี

แนวทางการเลือกใช้ตลาด

  • มือใหม่ควรเริ่มต้นจาก Spot Market เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมราคาจริง และฝึกวินัยการลงทุนก่อน
  • เมื่อมีประสบการณ์และความรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยง สามารถขยับมาเทรด Futures Market เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรและใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนขึ้น

อ้างอิง

FAQ – Spot Market คืออะไร แตกต่างกับ Futures ยังไง เปรียบเทียบชัด ๆ

เพราะมันสะท้อนแรงซื้อขายจริง ณ เวลานั้น ไม่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าเหมือน Futures ที่ราคาอาจเบี่ยงเพราะต้นทุนถือครองหรือความคาดหวังในอนาคต ใครที่ดูพฤติกรรมตลาดแบบตรง ๆ มักยึด Spot เป็นหลัก เพราะมันบอกว่า “ตอนนี้” ตลาดคิดยังไงจริง ๆ
เพราะ Futures ใช้ Leverage ได้สูงกว่า เปิดสั้น-ยาวก็ง่าย คนที่ชอบเก็งเร็ว ๆ หรือเล่นขาลงจะคล่องมือกว่า แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงจากพวก funding rate หรือ margin call ให้ได้ด้วย
เริ่มจาก Spot จะดีกว่า เพราะเข้าใจง่าย เทรดด้วยเงินที่มีจริง ไม่ต้องวุ่นวายกับ Leverage หรือวันหมดอายุของสัญญา เสี่ยงน้อยกว่า และช่วยให้เข้าใจภาพรวมตลาดได้ก่อน
กราฟ Spot คือราคาจริงที่ตลาดเทรดกัน ส่วน Futures อาจมีเบี่ยงเพราะ premium/discount ถ้าชอบจุดเข้าแม่น ๆ อย่าง Breakout หรือ Demand Zone แนะนำยึดกราฟ Spot เป็นหลัก แล้วใช้ Futures แค่เป็นช่องทางเปิดออเดอร์
ถ้าเน้นความแม่นของจุดเข้า กราฟ Spot ดีกว่า เพราะมันไม่ถูกบิดเบือนจากปัจจัยแทรกของสัญญา Futures เหมาะกับเทรดเร็ว ๆ ที่ต้องการความแม่นยำแบบจุดต่อจุด

 

เขียนโดย

Somchai Witthtaya

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon