ทำความเข้าใจว่า Forex คืออะไร

  • Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ
  • ตลาดนี้เปิด 24 ชั่วโมงต่อวัน จันทร์ถึงศุกร์ เทรดกันทั่วโลกแบบออนไลน์
  • ซื้อขายเป็น คู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD หมายถึง ซื้อยูโรขายดอลลาร์
  • ราคาขึ้นลงตามปัจจัยพื้นฐาน ข่าวเศรษฐกิจ และอารมณ์นักลงทุนทั่วโลก
  • ไม่ใช่การเล่นการพนัน แต่เป็นการซื้อขายทรัพย์สินทางการเงินที่มี ความเสี่ยง ถ้าเข้าใจระบบดี ก็ทำกำไรได้ยาว ๆ
  • Forex ไม่ใช่แค่การแลกเงิน แต่คือ “สนามจิตวิทยา” ที่ใครควบคุมอารมณ์ได้มากกว่า คนนั้นจะอยู่รอด
  • ควรเข้าใจว่าเงินที่เรากำลังเทรด มันสะท้อนพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลก ถ้าเราดูกราฟเป็น ก็คือเราเข้าใจพฤติกรรมของฝูงชน
  • ตลาดนี้ไม่มีเจ้ามือแบบคาสิโน แต่มีกลไกจากฝั่งสถาบันใหญ่ ที่เราต้อง “ตามเกม” ให้ทัน

การเทรด Forex ต้องเตรียมอะไรบ้าง

  • มีอินเทอร์เน็ตที่เสถียร กับมือถือหรือคอมฯ เครื่องเดียวก็เริ่มได้
  • ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับรู้จักคำศัพท์พวก 
  • เงินทุนเริ่มต้นนั้น ไม่ต้องเยอะก็ได้ หลักร้อยหรือ บัญชี Demo ก็เพียงพอสำหรับฝึก
  • Mindset ที่ชัดเจน เพราะเข้ามาเรียนรู้ ไม่ใช่เข้ามารวยเร็ว
  • ต้องรู้ว่าเทรดคือธุรกิจ ไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวยแบบข้ามคืน
  • อย่ามองแค่เครื่องมือหรือเงินทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “แรงขับภายใน” ว่ากำลังจะมาเทรดเพื่ออะไร
  • เทรดเพื่อเรียนรู้ หรือเทรดเพื่อหนีปัญหาชีวิต? ถ้าตอบคำถามนี้ได้ชัด จะมีภูมิคุ้มกันเวลาเจอพอร์ตติดลบ
  • การมี “เพื่อนร่วมทาง” เช่น กลุ่มเทรดเล็ก ๆ ที่ไว้ใจได้ จะช่วยให้ไม่โดดเดี่ยว

การเทรด Forex เป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ เงินยูโร เปลี่ยนกับ เงินดอลลาร์ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน เป็นราคาซื้อ กับ ราคาขาย 

เปิดบัญชีเทรด Forex อย่างไรให้ปลอดภัย

  • สมัครกับโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตชัดเจน เช่น FCA, ASIC, CySEC
  • เตรียมเอกสารยืนยันตัวตน KYC เช่น บัตรประชาชน กับใบแจ้งหนี้ที่แสดงที่อยู่
  • กรอกข้อมูลตามจริงเพื่อป้องกันปัญหาตอนถอนเงิน
  • แนะนำให้เริ่มจากบัญชี Demo ก่อนเพื่อดูว่าแพลตฟอร์มใช้งานง่ายไหม
  • โบรกเกอร์ที่ดี ไม่ใช่แค่ใบอนุญาต แต่ต้องดู “ประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง” ผ่านรีวิวและกลุ่มเทรด
  • ควรทดลองถอนเงินก่อนใส่เงินจริงเยอะ ๆ  มีคนเทรดเก่งแต่พอร์ตโดนระงับเพราะเอกสารไม่ชัดเจน
  • ระบบฝากถอนอัตโนมัติมีข้อดี แต่ต้องเช็กว่า Support ตอบไวแค่ไหนตอนมีปัญหา

เลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะกับมือใหม่

  • โบรกเกอร์ที่ระบบฝากถอนง่าย รองรับบัญชีธนาคารไทย
  • มี Support ภาษาไทย คุยง่าย ตอบไว
  • Spread ต่ำ ไม่กินกำไรตอนเข้าออเดอร์
  • มี บัญชี Cent หรือบัญชี Demo สำหรับฝึกเทรดโดยไม่เสี่ยง
  • ระบบหลังบ้านต้องเสถียร เช่น มีพื้นที่จัดการบัญชีบนเว็บ ชัดเจน
  • บางโบรกเกอร์มีโปรโมชั่นที่ดูน่าสนใจ แต่แฝงข้อจำกัด เช่น ต้องเทรดครบ 10 Lot ถึงถอนได้ ควรอ่านเงื่อนไขละเอียด
  • ระบบ Copy Trade หรือ Social Trading ที่บางโบรกมีให้ ก็ช่วยมือใหม่ได้ ถ้าเลือกตามเทรดเดอร์ที่มีประวัติเทรดยาวนาน

ภาพอธิบายถึงโบรกเกอร์ต่าง ๆ จะต้องมีการกำกับดูแล พร้อมทั้งตรวจสอบใบอนุญาตจากหน่วยงานเหล่านั้นได้ โดย ASIC และ FCA เป็นหน่วยงานอันดับแรก ๆ หรือ จัดอยู่ใน Rank A น่าเชื่อถือสูงมาก

รู้จักประเภทบัญชีเทรดและวิธีเลือกให้เหมาะกับตัวเอง

  • บัญชี Cent: เหมาะกับมือใหม่ เพราะความเสี่ยงต่ำ คิดเงินเป็นเซ็นต์
  • บัญชี Standard: เทรดเงินจริง Lot ปกติ เหมาะกับคนเริ่มมั่นใจ
  • บัญชี Raw Spread หรือ ECN: Spread ต่ำ ค่าคอมชัดเจน เหมาะกับสาย Scalping
  • เลือกตามสไตล์การเทรดและเงินทุน ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากบัญชีใหญ่
  • แนะนำให้เทรดบัญชี Cent หรือบัญชีเงินน้อยไปก่อน ไม่ใช่เพราะเสี่ยงน้อย แต่เพราะช่วยฝึกความอดทน
  • เวลาใช้บัญชีจริง ความรู้สึกจะเปลี่ยนจากตอนเทรด Demo ทันที  เพราะ “เงินจริง” มีอารมณ์แทรกเสมอ

แพลตฟอร์มเทรดที่นิยมใช้ และการติดตั้งใช้งานเบื้องต้น

  • MetaTrader 4 (MT4): คลาสสิก ใช้ง่าย รองรับทุกโบรกเกอร์
  • MetaTrader 5 (MT5): ฟีเจอร์เยอะขึ้น กราฟไหลลื่นกว่า MT4
  • cTrader: เหมาะกับสายเทรดมืออาชีพ Interface สะอาด สั่งออเดอร์เร็ว
  • ปัจจุบันมี Trading View ที่บางโบรกเกอร์สามารถเทรดบนแพลตฟอร์มนี้ได้เลย 
  • ติดตั้งได้ทั้งบนมือถือและคอม มีแอปพลิเคชันให้โหลดใน App Store และ Google Play
  • เปิดแอปพร้อมทั้งล็อกอินด้วยบัญชีจากโบรกเกอร์  และพร้อมเทรดทันที

ภาพเปรียบเทียบถึงบัญชี Cent /Micro เมื่อเปรียบเทียบกับบัญชีประเภท Standard หรือ Pro แล้ว มีความแตกต่างตามประสบการณ์เทรด แน่นอนเลยว่า บัญชี Pro อาจจะใช้ชื่ออื่น ๆ เช่น Raw Spread หรือ ECN

ศึกษาเรื่อง Lot, Leverage, Margin และวิธีคำนวณ

  • Lot: ขนาดของออเดอร์
    • 1 Lot = 100,000 หน่วย
    • Mini Lot = 0.1, Micro Lot = 0.01
  • Leverage: ตัวคูณเงินทุน เช่น 1:100 หมายถึง เงิน $100 เทรดได้เหมือนมี $10,000
  • Margin: เงินที่ถูกล็อกไว้ตอนเปิดออเดอร์
  • Pip: หน่วยวัดความเปลี่ยนแปลงของราคา 1 pip = 0.0001 ในคู่เงินหลัก
  • ต้องคำนวณเพื่อบริหารความเสี่ยง ไม่เทรดเกินตัว
  • Lot ไม่ได้แปลว่าใหญ่คือดี เล็กคือแย่ แต่ต้องสัมพันธ์กับทุนและแผนเทรด
  • Leverage สูงเกินไปจะเหมือนถือระเบิดไว้ในพอร์ต เหมาะกับ Scalper ที่คุมเกมได้
  • ควรฝึกใช้เครื่องคิดเลข Margin Calculator ของโบรกเป็นนิสัย จะช่วยให้ไม่เปิดออเดอร์เกินตัว

รูปแบบการเทรดในตลาด Forex มีกี่แบบ

  • Scalping: เปิดปิดออเดอร์เร็วในไม่กี่นาที กำไรเล็กแต่บ่อย
  • Day Trading: เทรดในวันเดียว ไม่ถือข้ามวัน
  • Swing Trading: จับเทรนด์ ถือออเดอร์หลายวันหรือเป็นสัปดาห์
  • Position Trading: ถือยาวตามปัจจัยพื้นฐาน ไม่สน Noise รายวัน
  • เลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ เช่น ทำงานประจำ  อาจเหมาะกับ Swing หรือ Position
  • เทรดแบบไหนไม่สำคัญเท่ากับ “รู้หรือยังว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง”
  • คนที่ทำ Scalping เก่ง มักจะมีวินัยสูง คุมอารมณ์เก่ง  ไม่ใช่แค่เปิดปิดเร็วแล้วกำไร
  • ลองทุกแบบแล้วจดบันทึกผลลัพธ์ จะค่อย ๆ รู้ว่าตัวเองควรเป็นเทรดเดอร์แบบไหน

หมายเลข 1 คือ ราคาคู่เงิน Market Watch, หมายเลข 2 คือ หน้าต่างการตั้งค่ากำหนด indicator,หมายเลข 3 คือ Indicator ที่เปิดใช้งาน, หมายเลข 4 คือ กราฟราคา ที่มี indicator ร่วมด้วย, หมายเลข 5 คือ เครื่องมือที่ใช้ในการขีดเขียน ตีเส้น ขยายเข้า-ออก, หมายเลข 6 กรอบเวลาในการเทรด, หมายเลข 7 ราคาปัจจุบันของผลิตภัณฑ์

วิธีวิเคราะห์ตลาด: พื้นฐาน vs เทคนิค

  • ก่อนที่จะหาเงินได้จากตลาดนี้ควรเข้าใจพื้นฐาน พร้อมกับ เทคนิคในการวิเคราะห์ตลาดซะก่อน
  • ตลาดการเงิน Forex มีหลายปัจจัยมากที่จะทำให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เราคิด 
  • ทุกการเทรดไม่มีการคาดเดาแบบไม่มีเหตุผล ไม่ใช่การพนัน แต่มันคือการวิเคราะห์จนตกผลึก 
  • ทุกๆ การเคลื่อนไหวของราคา คือ พฤติกรรมของตลาดที่ให้เราวิเคราะห์

วิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

  • ติดตามข่าวเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย ตัวเลขจ้างงาน
  • ใช้ในคู่เงินที่อ่อนไหวต่อข่าว เช่น USD, JPY
  • บางคนใช้ทั้งสองแบบผสมกัน เพื่อให้มุมมองแม่นยำขึ้น
  • อย่าติดกับดักเครื่องมือเยอะ แต่ไม่เข้าใจวิธีใช้ เช่น มี RSI, MACD, Stochastic พร้อมกัน แต่ไม่รู้จะฟังเสียงใคร
  • บางจุด Price Action เพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว เช่น Breakout หรือ Pin Bar
  • ข่าวใหญ่ เช่น FOMC หรือ Non-Farm จะเปลี่ยนเทรนด์ในกราฟได้แบบพลิกมือ ต้องระวังถ้าเทรดสั้น

วางแผนการเทรดและการบริหารความเสี่ยง

  • วางแผนก่อนเทรดทุกครั้ง ว่าเข้าเพราะอะไร ออกตรงไหน
  • ตั้ง Stop Loss และ Take Profit ให้ชัด ไม่ใช้อารมณ์
  • เสี่ยงต่อเทรดไม่เกิน 1–2% ของพอร์ต
  • ไม่เพิ่มล็อตเพื่อ “เอาคืน” ถ้าแพ้
  • เขียน Trading Journal บันทึกทุกออเดอร์เพื่อเรียนรู้จากข้อผิดพลาด 
  • การไม่วางแผนเทรด คือแผนที่จะขาดทุนแบบไม่รู้ตัว
  • เวลาแพ้ อย่าถามแค่ว่า “แพ้เพราะอะไร” อย่างเดียว แต่ให้ถามด้วยว่า “พอหรือยังที่จะหยุดวันนี้”
  • ใครที่ใช้สูตร Risk:Reward 1:2 หรือ 1:3 สม่ำเสมอ จะมีพอร์ตที่นิ่งในระยะยาว แม้จะชนะน้อยกว่าครึ่ง

ฉายา และ รูปแบบของการเทรดในตลาด Forex ถ้าหากว่าคุณชอบการเทรดแบบกำไรระยะสั้น Scalping ก็จะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด แต่ถ้าหากเป็นคนใจเย็น เน้นกำไรก้อนโต การเทรดแบบ Position Trading ก็เยี่ยมไปเลย

เริ่มต้นเทรดด้วยบัญชี Demo ก่อนลงเงินจริง

    • บัญชี Demo = เงินปลอม ให้ฝึกเทรดได้เหมือนของจริง
    • ใช้ฝึกวางแผน เข้าออกออเดอร์ ใช้เครื่องมือ
    • ทดสอบระบบเทรดที่ออกแบบไว้ก่อนใช้เงินจริง
    • อย่ามองข้าม เพราะ Demo จะช่วยลดโอกาสล้างพอร์ตได้จริง
    • ใช้ Demo ให้เหมือนจริงที่สุด อย่าปล่อยออเดอร์มั่วเพราะเป็นเงินปลอม
    • ฝึกวางแผนรายวัน ตั้งเป้า Stop/Profit เสมือนจริง เพื่อสร้างวินัยก่อนเทรดบัญชีจริง
    • หาก Demo ล้างพอร์ต ยังถือว่า “โชคดี” เพราะยังไม่เสียเงินจริง
  • นักเทรดหลายคนมองว่าเสียเวลา แต่การเริ่มต้นอย่างปลอดภัย และ มีความรู้ ยังไงก็อยู่รอดได้ยาวในตลาดนี้ 

ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักเจอ และวิธีหลีกเลี่ยง

    • เทรดเยอะเกินไป ไม่รู้จักคำว่า “พอ”
    • ไม่ตั้ง Stop Loss ปล่อยให้อารมณ์พาไป
    • เลือก Leverage สูงโดยไม่เข้าใจ
    • เทรดตามคนอื่น โดยไม่วิเคราะห์เอง
  • หลงเชื่อระบบ “สูตรลับ” หรือ “Bot รวยเร็ว” ที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน
  • ไม่ควรอิงกับอารมณ์ เช่น แพ้แล้วเพิ่มล็อต หรือกำไรแล้วลืมปิดออเดอร์ แบบนั้นเรียกว่า Overtrade
  • วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ: เขียน Check-list ก่อนเทรดทุกครั้ง
  • วิธีแก้ให้ฝึกจดบันทึก ฝึกใจให้เย็น เรียนรู้ต่อเนื่อง อย่าหยุดแค่พื้นฐาน

สร้างวินัยการเทรด เพื่อพัฒนาเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

  • ตั้งเวลาเทรด ไม่เทรดมั่วตามอารมณ์
  • อ่านกราฟให้เป็น ไม่เน้นเดาสุ่ม
  • มองเทรดเป็นธุรกิจ ไม่ใช่การพนัน
  • พัฒนาระบบเทรดของตัวเองให้ชัดเจน เข้าใจว่า “ความเสี่ยง” คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
  • เน้นเรียนรู้ระยะยาว ไม่ต้องรีบรวย
  • วินัยไม่ได้สร้างในวันเดียว แต่เริ่มได้จาก “ยอมรับความผิดพลาด”
  • เทรดเดอร์ที่รอดมาได้นาน มักเป็นคนที่แพ้บ่อย แต่แพ้อย่างมีกลยุทธ์
  • สร้างกรอบเวลาเทรด เช่น เทรดเฉพาะ 13.00–16.00 เท่านั้น เพื่อไม่ให้ตลาดควบคุมชีวิตเรา

ภาพอธิบายถึงเทรนด์ของกราฟราคา XAU/USD ที่เป็นเทรนด์ใหญ่ขาขึ้น กรอบสีแดงคือ แนวต้าน กรอบสีเขียวคือ แนวรับ เป็นจุดเข้า Buy และ เข้า Sell ตามแผน แน่นอนเลยว่าถ้ากำหนดแผนแบบนี้ รวย! เส้นหมายเลข 1 กับ หมายเลข 2 เป็นแนวที่กำหนดว่าเราจะเทรดในโซนไหน ? 

คลิปที่น่าสนใจ

  • ขอแนะนำคลิปจากช่อง Lucid Trader อธิบายขั้นตอนง่าย ๆ การเทรด FOREX กับคลิป 4 ขั้นตอน เริ่มเทรด Forex สำหรับมือใหม่
  • เลือกโบรกเกอร์ 0:50 
  • ยืนยันตัวตน 5:55 
  • โปรแกรมเทรด 7:52
  • เลือกสไตล์การเทรด 10:12

สรุป

  • ถ้าอยากเป็นหมอ ก็ต้องเรียนตำราหมอ อยากเป็นเทรดเดอร์ก็เช่นเดียวกันครับ ต้องศึกษาพื้นฐานให้เข้าใจแบบตกผลึก 
  • เลือกโบรกเกอร์ที่ตรงกับสไตล์การเทรด โดยโบรกเกอร์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และ การช่วยเหลือมือใหม่น่าใช้งาน 
  • ฝึกเทรดในบัญชี Demo ก่อนที่จะลงสนามจริง เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของราคา แล้วจะรู้ว่าตลาดโหดร้าย หรือ ใจดีกับเรามากขนาดไหน 
  • สร้างแผนในการเทรดอย่างชัดเจน ว่าจะเป็น DayTrader หรือ Scalping แน่นอนเลยว่าจุดนี้คุณเองก็เลือกได้กับการเทรด Forex 
  • เรื่องสำคัญคือ วินัยในการเทรด มั่นใจในแผน และ ต้องมีการควบคุมอารมณ์ขั้นสูงสุด 
  • ไม่มีใครเริ่มต้นแล้ว “โปร” ทันที  ทุกคนเริ่มจาก Demo ทุกคนเคยล้างพอร์ต หรือ คนอื่นอาจจะไม่เคยแต่ก็นะ
  • คนที่อยู่รอดไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ “รู้จักปรับตัว” และ “ไม่ยอมแพ้”

อ้างอิง

FAQ — วิธีเทรด Forex เริ่มต้นยังไง เทรดแบบไหนได้บ้าง step-by-step

สำหรับมือใหม่แนะนำให้เริ่มต้น $100 ในบัญชี Cent และไม่ต้องโฟกัสที่การทำกำไร แต่ให้ใช้เป็น ค่าเทอมที่ถูกที่สุดในสนามเทรดจริง โฟกัสที่การควบคุมอารมณ์และวินัยด้วยเงินจริง แต่ถ้าเจาะจงว่า เท่าไหร่ถึงจะเริ่มมีความหมาย คำตอบคือเงินที่คุณสามารถเสี่ยงได้ 1% แล้วไม่รู้สึกเดือดร้อน เช่น ถ้าคุณมีทุน $1,000 คุณสามารถเสี่ยงไม้ละ $10 (ประมาณ 300 กว่าบาท) ซึ่งเป็นจุดที่เริ่มเห็นกำไรแบบจับต้องได้ และไม่กดดันเกินไป การเริ่มต้นด้วยทุนที่น้อยเกินไปจะบีบให้ Overtrade เพื่อหวังรวยเร็ว และนั่นคือทางลัดสู่การล้างพอร์ต
การพนัน คือ การวางเดิมพันบนโชค โดยไม่มีความได้เปรียบในระยะยาว แต่การเทรด Forex คีย์จริงๆ คือการบริหารความน่าจะเป็น บนพื้นฐานของระบบที่มีความได้เปรียบ + ใช้การจัดการความเสี่ยง ต้องลองถามตัวเองก่อนว่า ก่อนจะเข้าออเดอร์ คุณได้วิเคราะห์กราฟ, วางแผนจุดเข้า/ออก, คำนวณความเสี่ยงไว้บ้างมั้ย? ถ้าใช่ คุณคือ “นักลงทุน” แต่ถ้าคุณแค่กด Buy/Sell ตามความรู้สึก คุณก็คือ “นักพนัน” ที่ใช้กราฟเป็นเครื่องมือช่วยเฉยๆ ความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่ตลาด แต่อยู่ที่กระบวนการของผู้เล่น
ให้ปิดเสียงรบกวนทั้งหมด แล้วกลับมาโฟกัสที่ 3 อันนี้ก่อน 1) การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) — ต้องรู้วิธีคำนวณ Lot Size และการจำกัดความเสี่ยง เช่น ตั้งไว้ 1% 2) การอ่านพฤติกรรมราคา (Price Action) — ทำความเข้าใจเรื่องแนวรับ/ต้าน, trendline, และรูปแบบแท่งเทียนพื้นฐาน 3) จิตวิทยาการเทรด (Trading Psychology) — อ่านหนังสือหรือฟังเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีคิดของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ รากฐาน 3 อย่างนี้แข็งแรงเมื่อไหร่ ค่อยไปต่อยอดเรื่องกลยุทธ์หรือ indicator อื่น ๆ
ได้แน่นอน และเอาจริงๆ คืออาจจะดีกว่าคนที่เฝ้าจอทั้งวันด้วยซ้ำ เพราะคุณจะถูกบังคับให้อดทนรอ และไม่ Overtrade ไปในตัว ให้ใช้กลยุทธ์ Swing Trading บน Timeframe ใหญ่ๆ อย่าง 4 ชั่วโมง (H4) หรือ Day แทน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยคือ ช่วงหัวค่ำ (ประมาณ 19.00 – 23.00 น.) เพราะเป็นช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทับซ้อนกัน (London-New York Overlap) ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนและมีสภาพคล่องสูงมาก
ไม่ใช่ความฉลาด ไม่ใช่การวิเคราะห์ที่แม่นยำ แต่คือ “ความสามารถในการทำสิ่งเดิมซ้ำๆ อย่างมีวินัย” เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จคือคนที่สามารถทำตามแผนการเทรด + เคารพกฎการบริหารความเสี่ยงของตัวเองได้แบบขั้นสุด ไม่ว่าวันนั้นจะกำไรหรือขาดทุน ไม่ว่าอารมณ์จะดีใจหรือเสียใจ ก็จะยึดมั่นในแผน เพราะรู้ดีว่าผลลัพธ์ในระยะยาวมาจากความสามารถในการทำซ้ำ แบบสม่ำเสมอ

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon