รูปแบบแท่งเทียน Dark Cloud Cover คืออะไร?

Dark Cloud Cover (เมฆดำปกคลุม) คือ รูปแบบกราฟแท่งเทียนคู่ (Two-Candle Pattern) ที่ส่งสัญญาณ “การกลับตัวเป็นขาลง” (Bearish Reversal) โดยมักปรากฏขึ้นในช่วงที่ตลาด forex, หุ้น หรือ ตลาดการเงินกำลังเป็น แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างแข็งแกร่ง

ข้อควรระวัง: รูปแบบนี้มีเพียง “ขาเดียว” คือ Bearish (ขาลง) เท่านั้น “ไม่มี” รูปแบบที่เป็น Bullish (ขาขึ้น) ในชื่อนี้

  • เหตุผล: เพราะชื่อ “Dark Cloud” (เมฆดำ) สื่อความหมายถึงลางร้ายหรือพายุฝนที่กำลังจะมาบดบังท้องฟ้าที่สดใส (ขาขึ้น) ดังนั้นโดยนิยามของชื่อและพฤติกรรมราคา มันจึงเป็นสัญญาณ “ลบ” หรือการกลับตัวลงเสมอ

เกร็ดความรู้

(คู่ตรงข้ามของมันที่เป็นสัญญาณขาขึ้น มีชื่อเรียกว่า Piercing Pattern ซึ่งมีลักษณะกลับหัวกัน คือเปิดต่ำแล้วปิดสูงทะลุกึ่งกลาง) ซึ่งมีลักษณะเหมือนภาพสะท้อนในกระจกของ Dark Cloud Cover คือประกอบด้วย “แท่งแดงยาว” ตามด้วย “แท่งเขียว” ที่เปิดต่ำกว่าเดิม (Gap Down) แต่พุ่งสวนขึ้นมาปิดสูงกว่ากึ่งกลางแท่งแดง

  • ความเหมือนที่สำคัญ (The 50% Rule): สิ่งที่ทั้งสองรูปแบบยึดถือเหมือนกันคือ “กฎ 50%”
  • Dark Cloud Cover: ต้องปิด “ต่ำกว่า” 50% ของแท่งเขียว
  • Piercing Pattern: ต้องปิด “สูงกว่า” 50% ของแท่งแดง

ข้อควรระวัง: หากราคาพยายามสวนกลับแต่ไปไม่ถึงกึ่งกลาง (ปิดไม่ถึง 50%) ในทางเทคนิคจะไม่นับว่าเป็นสัญญาณกลับตัว แต่จะเรียกว่ารูปแบบ On-Neck หรือ In-Neck ซึ่งแปลว่าตลาดยังมีแนวโน้มจะไปในทิศทางเดิมต่อ (Continuation) ไม่ใช่การกลับตัว

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบแท่งเทียน Dark Cloud Cover

เงื่อนไขเบื้องต้น (Spot the Pattern): ต้องเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดมี “แนวโน้มขาขึ้น” (Uptrend) เท่านั้น รูปแบบนี้จะไม่มีความหมายหากเกิดในเทรนด์ขาลงหรือไซด์เวย์ แท่งที่ 1 (Bullish Candle): เป็นแท่งเทียนสีเขียว (หรือสีขาว) ที่มีลำตัวยาว (Long Body) แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงควบคุมตลาดและมีความมั่นใจ แท่งที่ 2 (Bearish Candle): คือแท่งสัญญาณสำคัญ มีลักษณะดังนี้:

  • ราคาเปิด (Open): ต้องเปิดกระโดดขึ้น “เหนือจุดสูงสุด” (High) ของแท่งแรก (Gap Up) ซึ่งหลอกให้ดูเหมือนว่าตลาดยังจะไปต่อ
  • ราคาปิด (Close): ต้องถูกแรงขายกดลงมาปิด “ต่ำกว่าจุดกึ่งกลาง” (Below the Midpoint / 50%) ของลำตัวแท่งแรก

ลักษณะของรูปแบบแท่งเทียน Dark Cloud Cover

รูปแบบ Dark Cloud Cover มี “ขาเดียว” คือ Bearish (ขาลง) เท่านั้น

รูปแบบนี้แสดงถึงจิตวิทยาของ “กับดักกระทิง” (Bull Trap) ที่ผู้ซื้อไล่ราคาเปิดกระโดดขึ้นไป แต่กลับถูกผู้ขายรายใหญ่เทขายสวนลงมาจนเสียทรงกราฟแท่งเทียน

กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy)

  1. รอการยืนยัน (Wait for Confirmation): แม้ Dark Cloud Cover จะดูน่ากลัว แต่คุณไม่ควรรีบเข้าเทรดทันทีเพียงเพราะเห็นรูปแบบนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ “ความอดทน” (Patience) รอดูแท่งถัดไปว่าเป็นแท่งแดงซ้ำอีกครั้ง (Bearish Candle) หรือเกิดการเปิดกระโดดลง (Gap Down) เพื่อยืนยันว่าแรงซื้อหมดแล้วจริงๆ
  2. จุดเข้าขาย (Short Entry): เมื่อรูปแบบได้รับการยืนยัน พิจารณาปิดสถานะซื้อ (Exit Long) หรือเตรียมเปิดสถานะขาย (Short Position) เพื่อทำกำไรจากขาลง
  3. การตั้ง Stop Loss และเป้าหมาย:
  • Stop Loss: ตั้งไว้เหนือ “จุดสูงสุด” ของแท่ง Dark Cloud Cover (แท่งที่ 2) เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาทะลุทำ New High ได้
  • Target (TP): มองหาแนวรับที่ใกล้ที่สุด (Nearest Support Level) หรือใช้สัดส่วน Risk-Reward Ratio ที่คุณยอมรับได้

เคล็ดลับเพิ่มเติม (Trading Tips)

  • แนวต้าน (Resistance Level): สัญญาณจะแม่นยำขึ้นมากหาก Dark Cloud Cover เกิดขึ้นที่บริเวณ “แนวต้านสำคัญ” หรือหลังจากที่ราคาขึ้นมายาวนาน (Prolonged Uptrend)
  • การวิเคราะห์ร่วม (Additional Analysis): อย่าใช้แค่แท่งเทียนเพียงอย่างเดียว ควรดู Indicator อื่นๆ ประกอบด้วย เช่น RSI ที่เข้าเขต Overbought หรือ Volume ของแท่งที่สองที่เพิ่มสูงขึ้น

 

คลิปที่น่าสนใจ

เรื่อง Candlestick Pattern Trading #6: What is a Dark Cloud Cover by Rayner Teo

โดย Rayner Teo

ช่วงนาทีสำคัญที่ Rayner Teo อธิบายเกี่ยวกับ Dark Cloud Cover

  • 0:33คำนิยามของรูปแบบ: Rayner อธิบายว่า Dark Cloud Cover คือการที่แท่งเทียนที่สอง (แท่งล่าสุด) มีราคาปิดต่ำกว่า “ระดับ 50%” หรือกึ่งกลางของแท่งเทียนแรก
  • 0:51ความแตกต่างจาก Bearish Engulfing: เขาชี้ให้เห็นว่า Dark Cloud Cover ต่างจาก Bearish Engulfing ตรงที่ Engulfing จะต้องปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งแรก (คือกลืนกินทั้งแท่ง) ในขณะที่ Dark Cloud Cover ลงมาปิดต่ำกว่าแค่ครึ่งแท่งก็ถือว่าเป็นรูปแบบนี้แล้ว
  • 1:10ระดับความรุนแรง: Dark Cloud Cover เป็นรูปแบบกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) ก็จริง แต่ถือว่าเป็น “สัญญาณรอง” (Secondary) ต่อจาก Bearish Engulfing คือมีความรุนแรงของขาลงน้อยกว่า เพราะราคาไม่ได้ลงไปกลืนกินแท่งก่อนหน้าทั้งหมด
  • 2:26คำเตือนสำคัญ: ประโยคสุดท้ายที่เขาเน้นย้ำคือ “Don’t trade it in isolation” หรือ “อย่าเทรดด้วยรูปแบบนี้เพียงอย่างเดียว” (ควรใช้องค์ประกอบอื่นยืนยันด้วย)

สรุป

Dark Cloud Cover เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณทางเทคนิคที่มีนัยสำคัญที่สุดในการบ่งบอกถึง “จุดเปลี่ยนของโมเมนตัม” (Momentum Shift) จากบวกเป็นลบ เปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning) ที่ตะโกนบอกนักลงทุนว่า “ปาร์ตี้ขาขึ้นกำลังจะจบลง” 

ความสำคัญที่แท้จริงของรูปแบบนี้ ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่อยู่ที่ “เรื่องราวทางจิตวิทยา” ที่มันกำลังบอกเรา มันคือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ฝั่งขาย (Sellers) ที่เคยเงียบหายไป ได้กลับมารวบรวมกำลังและโจมตีจนสามารถเอาชนะฝั่งซื้อ (Buyers) ได้อย่างเด็ดขาดในช่วงเวลาสำคัญ การเพิกเฉยต่อเมฆดำก้อนนี้ อาจหมายถึงการปล่อยให้กำไรที่สะสมมาละลายหายไปกับพายุขาลง 

ดังนั้น จงใช้รูปแบบนี้เป็นเครื่องเตือนสติให้ “ระวังตัว” และจำกฎเหล็กข้อสำคัญไว้เสมอว่า “เมฆดำต้องอยู่ข้างบน” รูปแบบนี้จึงมีหน้าที่เดียวคือการส่งสัญญาณ Bearish Reversal (กลับตัวลง) เท่านั้น การเข้าใจบทบาทที่ชัดเจนนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจหนีออกจากตลาดได้ก่อนที่ฝนจะตกหนัก

แหล่งอ้างอิง

FAQ – คำถามที่พบบ่อย รูปแบบแท่งเทียน Dark Cloud Cover

A: จุดต่างคือ “อำนาจในการข่ม” Bearish Engulfing แท่งแดงจะใหญ่จน “กลืนกิน” แท่งเขียวก่อนหน้าทั้งหมด แต่ Dark Cloud Cover ขอแค่ปิดต่ำกว่า “จุดกึ่งกลาง (50%)” ของแท่งเขียวก็ถือว่าครบเงื่อนไขแล้ว ซึ่งแม้จะดูอ่อนแรงกว่า Engulfing เล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นสัญญาณกลับตัวที่น่าเชื่อถือมาก
A: ไม่มี Dark Cloud Cover เป็นสัญญาณ Bearish (ขาลง) เท่านั้น เพราะชื่อ “เมฆดำ” สื่อถึงพายุหรือขาลง หากคุณเจอรูปแบบที่มีลักษณะ “กลับหัวกัน” (แท่งแรกแดง แท่งสองเขียวเปิดต่ำแล้วสวนขึ้นมาปิดเกินครึ่ง) นั่นคือคนละรูปแบบที่ชื่อว่า “Piercing Pattern” 
A: ตามทฤษฎีต้นฉบับ จำเป็น เพราะ Gap Up คือกับดักที่ล่อให้แมงเม่าไล่ราคา (“opening above the high of the previous bullish candle”) ก่อนจะถูกทุบ แต่ในตลาดที่ไม่มีการปิดรายวัน (เช่น Forex) อาจอนุโลมให้ดูแค่การเปิดเหนือราคาปิด (Close) ได้ แต่ความขลังจะสู้แบบมี Gap ไม่ได้ 
A: ให้ดู “ตำแหน่ง” (Location) เป็นหลัก Dark Cloud Cover จะเป็นสัญญาณกลับตัวที่ทรงพลังที่สุดก็ต่อเมื่อมันก่อตัวที่บริเวณ “แนวต้าน” (Resistance Level) หรือหลังจากที่ตลาดเป็นขาขึ้นมายาวนาน (Prolonged uptrend) เท่านั้น หากเกิดกลางทางโดยไม่มีแนวต้านรับรอง ให้ระวังไว้ก่อน 
A: ไม่แนะนำ กฎเหล็กของรูปแบบนี้คือ “ความอดทน” (Patience) คุณควรรอ “การยืนยัน” (Confirmation) จากแท่งถัดไปก่อน เช่น แท่งถัดไปเป็นสีแดงอีกครั้ง หรือราคาเปิดกระโดดลง (Gap Down) เพื่อยืนยันว่าแรงซื้อหมดแล้วจริงๆ ถึงจะปลอดภัยที่สุด

 

เขียนโดย

Somchai Witthtaya

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon