KYC คืออะไร?
- KYC ย่อมาจาก Know Your Customer
- เป็นกระบวนการที่ โบรกเกอร์ Forex ใช้ในการ ยืนยันตัวตนของลูกค้า ก่อนอนุญาตให้เริ่มทำธุรกรรม
- ฝากเงิน
- ถอนเงิน
- เริ่มต้นเทรด
- เป็นมาตรฐานสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลที่เปิดบัญชีเป็น “ตัวจริง” ไม่ใช่บุคคลที่แอบอ้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฟอกเงินหรือก่ออาชญากรรมทางการเงิน
ทำไมโบรกเกอร์ Forex ต้องขอ KYC?
เหตุผลหลักในการทำ KYC ของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เป็นมาตรฐานเลยก็คือ ภาพรวมของการยืนยันตัวตน ความบริสุทธิ์นั่นแหละครับ
- ป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering – AML) นโยบาย “เอ-เอ็ม-แอล”
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทุนที่นำมาเทรด
- ลดความเสี่ยงจากบัญชีปลอม / บอท (Bot) / ใช้เอกสารบุคคลอื่น
- ทำให้กระบวนการฝาก-ถอนเป็นไปตามกฎหมายสากล
- ปกป้องลูกค้า หากเกิดปัญหาการขโมยบัญชี
ถ้าหากไม่มีการทำ KYC โบรกเกอร์อาจไม่สามารถถอนเงินให้คุณได้ ถึงแม้ว่าคุณจะทำกำไรจากการเทรดก็ตาม ต้องระวัง สำหรับบางโบรกเกอร์ เช่น XM แค่ฝากเงิน ก็เริ่มเทรดได้เลย แต่ถอนไม่ได้จนกว่าจะยืนยันตัวตน
ภาพอธิบายความหมายของ KYC ที่เป็นกระบวนการหนึ่งของ โบรกเกอร์ Forex ใช้ยืนยันตัวตนของลูกค้า ก่อนที่จะอนุญาตให้เริ่มทำธุรกรรม เพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลที่เปิดบัญชีเป็น “ตัวจริง”
เอกสาร KYC ที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง?
- โดยทั่วไปโบรกเกอร์ Forex จะขอเอกสาร 2 ประเภท
เอกสารยืนยันตัวตน (Proof of Identity – POI)
ตัวอย่างเอกสารที่ใช้ได้
- บัตรประชาชน (ID Card)
- หนังสือเดินทาง (Passport)
- ใบขับขี่ (Driver’s License)
เงื่อนไขของการใช้เอกสารเหล่านี้คือ
- ต้องไม่หมดอายุ
- ต้องเห็นชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และรูปถ่ายชัดเจน
- ต้องเป็นภาพสี ไม่ตัดมุม
ตัวอย่างถูกต้อง
- บัตรประชาชนที่ถ่ายชัด มีแสงสว่าง ไม่สะท้อน หรือมัว
ตัวอย่างไม่ผ่าน
- รูปมัว, แสงสะท้อน, มุมบัตรโดนตัด, มีการเบลอข้อมูล
เอกสารที่ชัดเจนในดังในรูปภาพจะทำให้ผ่านการสมัคร หรือ ยืนยันตัวตนได้ง่าย
เอกสารยืนยันที่อยู่ (Proof of Address – POA)
- ใช้เพื่อยืนยันว่าคุณอาศัยอยู่ที่อยู่ตามที่กรอกไว้จริง
- โบรกเกอร์ต้องการหลักฐานว่าเป็นบุคคลจริง ไม่ใช่ Bot หรือมิจฉาชีพแอบแฝงเปิดบัญชีเพื่อฟอกเงิน
ตัวอย่างเอกสารที่ใช้ได้
- บิลค่าน้ำ / ค่าไฟ / ค่าโทรศัพท์ (ออกไม่เกิน 3 เดือน)
- ใบแจ้งหนี้จากธนาคาร (Bank Statement)
- ใบเสร็จเคเบิลอินเทอร์เน็ต / อินเทอร์เน็ตบ้าน
- หนังสือรับรองที่อยู่จากราชการอื่น ๆ
- แนะนำว่าเป็น บิลค่าน้ำ / ค่าไฟ / ค่าโทรศัพท์ก็ได้
เงื่อนไขของเอกสาร
- ต้องมีชื่อและที่อยู่ตรงกับชื่อในเอกสารยืนยันตัวตน
- ต้องออกโดยหน่วยงานที่เป็นทางการ
- ต้องไม่ใช่เอกสารที่เขียนด้วยลายมือ
ตัวอย่างถูกต้องคือ
- ใบแจ้งหนี้ค่าน้ำ ที่มีชื่อ “นายสมชาย เทรดเดอร์” และที่อยู่ “99/1 ถนนหลัก แขวงหลักเมือง กรุงเทพฯ 10200”
ตัวอย่างไม่ผ่าน
- บิลไม่มีชื่อผู้ถือบัญชี
- เอกสารหมดอายุเกิน 3 เดือน
- สแกนเอกสารบางส่วนหรือขาดข้อมูลสำคัญ
อธิบายถึงการใช้เอกสาร 2 รูปแบบ (1)เอกสารยืนยันตัวตน (2)เอกสารยืนยันที่อยู่ แน่นอนเลยว่าจะต้องไม่หมดอายุ และ เห็นภาพชัด อีกทั้งชื่อต้องตรงกับที่อยู่เอกสารยืนยันตัวตนด้วยถึงจะผ่านได้
วิธีการอัปโหลดเอกสาร KYC
ในปัจจุบันนี้การส่งเอกสาร KYC จะทำผ่านระบบโบรกเกอร์ออนไลน์
ขั้นตอนทั่วไป
- เข้าสู่ระบบหลังบ้าน (Back Office) ของโบรกเกอร์
- ไปที่เมนู “Upload Documents” หรือ “ยืนยันตัวตน”
- แนบไฟล์เอกสาร (รองรับ JPG / PNG / PDF)
- ตรวจสอบความชัดเจนก่อนกด “ส่ง”
- รอผลการอนุมัติ (โดยมากใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง)
- ถ่ายด้วยมือถือได้ แต่ควรใช้แอป Scan เช่น Adobe Scan, Microsoft Lens
- ตรวจสอบให้ครบทุกมุม / ไม่มีเงา / ไม่เอียง
ปัญหาที่พบบ่อยในการส่ง KYC
- เอกสารไม่ชัด / ภาพเบลอ
- รูปถ่ายบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ไม่ชัดเจน ระบบไม่สามารถอ่านข้อมูลได้
- ชื่อไม่ตรงกับบัญชี
- ชื่อในเอกสาร KYC ไม่ตรงกับชื่อที่ใช้ลงทะเบียนบัญชีเทรด เช่น ใช้ชื่อเล่น หรือตัวสะกดไม่เหมือนกัน
- เอกสารหมดอายุ
- ส่งบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ตที่หมดอายุแล้ว ทำให้โบรกเกอร์ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้
- ใช้เอกสารผิดประเภท
- บางคนส่งบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ไม่ใช่ชื่อของตัวเอง หรือเอกสารที่ไม่สามารถใช้ยืนยันที่อยู่ได้
- ไม่มีลายเซ็นหรือตราประทับ (ถ้าจำเป็น)
- เอกสารบางประเภทต้องมีลายเซ็นรับรองหรือออกโดยหน่วยงานทางการ เช่น หนังสือรับรองที่อยู่
ใช้เวลานานแค่ไหนในการอนุมัติ KYC
- ปกติ 1 – 24 ชั่วโมง
- หากเอกสารถูกต้องและชัดเจน มักจะได้รับการอนุมัติภายในวันเดียว
- กรณีเอกสารมีปัญหา 1 – 3 วันทำการ
- หากมีข้อผิดพลาด เช่น เอกสารไม่ชัด ชื่อไม่ตรง หรือใช้เอกสารหมดอายุ ระบบจะต้องแจ้งให้แก้ไขและส่งใหม่ ทำให้ล่าช้า
- โบรกเกอร์บางราย
- ใช้ระบบ ตรวจสอบอัตโนมัติ (Auto-KYC) อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีแต่บางรายที่ใช้การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ อาจใช้เวลานานกว่า
ตัวอย่างปัญหาที่พบบ่อยของการ KYC เอกสาร ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับชื่อไม่ตรงกับ บัญชี รวมไปถึงการใช้เอกสารผิดประเภท รวมไปถึงรูปถ่ายบัตรประชาชนที่ไม่ชัดเจน ระบบไม่สามารถอ่านข้อมูลได้
ข้อควรระวังในการอัปโหลดเอกสาร KYC (Know Your Customer)
1. ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
- เอกสารต้องเป็นของจริง, ไม่หมดอายุ, และต้องตรงกับชื่อที่ใช้ลงทะเบียน
- หลีกเลี่ยงการใช้เอกสารที่มีข้อมูลไม่ตรงกัน เช่น บัตรประชาชนชื่อหนึ่ง แต่บัญชีชื่ออีกชื่อหนึ่ง
2. ปิดข้อมูลที่ไม่จำเป็น (หากโบรกเกอร์อนุญาต)
- เช่น เลขบัตรบางหลัก, รายละเอียดบัญชีธนาคารบางส่วน เพื่อความเป็นส่วนตัว
- แต่ต้องแน่ใจว่าไม่ได้ปิดข้อมูลสำคัญที่โบรกเกอร์ต้องใช้ยืนยัน
3. ตรวจสอบแหล่งที่อัปโหลด
- ต้องอัปโหลดผ่านเว็บไซต์หรือแอปของโบรกเกอร์ที่เป็น ทางการเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการส่งเอกสารผ่านอีเมลหรือแอปแชทที่ไม่ปลอดภัย
4. อย่าใช้ Wi-Fi สาธารณะ
- เพื่อป้องกันข้อมูลถูกดักจับ ควรใช้อินเทอร์เน็ตส่วนตัวหรือ VPN เมื่อต้องส่งเอกสารสำคัญ เป็นข้อแนะนำ อย่างไรก็ตามเป็นการป้องกันไว้ดีกว่า
5. ตรวจสอบสิทธิ์และการเข้ารหัสของเว็บไซต์
- ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ขึ้นต้นด้วย https:// ๆและมีไอคอนรูปแม่กุญแจในแถบ URL
- เป็นสัญญาณว่าเว็บไซต์มีระบบเข้ารหัสป้องกันข้อมูล
6. เก็บสำเนาเอกสารไว้กับตัวเอง
- เพื่อใช้ตรวจสอบย้อนหลัง หรือส่งใหม่ในกรณีระบบขัดข้อง
ตัวอย่างโบรกเกอร์ยอดนิยม กับ เวลาในการอนุมัติเอกสาร KYC
ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลโบรกเกอร์ คะแนนความน่าเชื่อถือจาก และเวลาในการอนุมัติ KYC
| โบรกเกอร์ | คะแนน Trust Pilot | เวลาในการอนุมัติ KYC (โดยประมาณ) | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|
| Exness | 4.6/5 | ภายใน 5 นาที – 2 ชั่วโมง | ระบบอัตโนมัติ รวดเร็วมาก ถ้าเอกสารครบและชัดเจน |
| IC Markets | 4.8/5 | ภายใน 1 – 24 ชั่วโมง | ต้องตรวจสอบเอกสารด้วยเจ้าหน้าที่ หากส่งนอกเวลาทำการอาจใช้เวลานานขึ้น |
| Pepperstone | 4.5/5 | ภายใน 1 – 12 ชั่วโมง | เอกสารต้องครบถ้วน และชื่อ-สกุลตรงกับบัญชีธนาคารที่ใช้ฝากเงิน |
| XM | 3.6/5 | ภายใน 1 – 24 ชั่วโมง | หากส่งในช่วงเวลาทำการ อาจได้รับอนุมัติภายในไม่กี่ชั่วโมง |
| FP Markets | 4.9/5 | ภายใน 1 – 24 ชั่วโมง | เอกสารต้องชัดเจน โดยเฉพาะใบแสดงที่อยู่ (Proof of Address) |
| Tickmill | 4.2/5 | ภายใน 1 – 12 ชั่วโมง | ระบบมีความเร็วในการตรวจสอบเอกสารดีมาก ถ้าไม่มีข้อผิดพลาด |
| FBS | 4.3/5 | ภายใน 5 นาที – 1 ชั่วโมง | ระบบอัตโนมัติ รองรับหลายประเทศ รวมถึงไทย |
| Eightcap | 4.2/5 | ภายใน 2 – 12 ชั่วโมง | เอกสารต้องอยู่ในรูปแบบที่รองรับ เช่น .jpg, .pdf เท่านั้น |
คลิป
ตัวอย่าง วิธีการยืนยันตัวตนกับ Exness ใช้เวลาตรวจสอบรวดเร็วมาก เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น สมกับเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำ🥰
ตัวอย่างการมองหาโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงผ่านเว็บไซต์ Trustpilot ในภาพนี้เป็น โบรกเกอร์ Exness ที่มีคะแนนสูง และ มีการยอมรับในประเทศไทยว่าเป็นผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือสูงมาก
สรุป
KYC คือ การส่งเอกสาร (เช่น บัตรประชาชน, บิล) ให้โบรกเกอร์เพื่อ ยืนยันว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน
- ทำไมต้องทำ? ป้องกันการโกง ฟอกเงิน และทำตามกฎหมาย
- ถ้าไม่ทำ? อาจ ถอนเงินกำไรไม่ได้ แม้จะเทรดได้
- ใช้เวลานานไหม? ไม่นาน ส่วนใหญ่ไม่เกิน 24 ชม. (บางทีแค่ 5 นาที)
ควรทำ KYC ให้เสร็จ จะได้ฝาก-ถอน-เทรดได้ไม่มีปัญหา
อ้างอิง :
- Know Your Client (KYC): What It Means and Compliance Requirements : https://www.investopedia.com/terms/k/knowyourclient.asp
- Trustpilot Reviews: Experience the power of customer reviews: https://www.trustpilot.com/










