ความหมายของ Chart Patterns ในการเทรด Forex
- Chart Patterns คือ รูปแบบหรือรูปทรงที่ปรากฏบนกราฟราคาของ ตลาด Forex
- สามารถใช้ในการทำนายทิศทางราคาหรือการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้
- โดยทั่วไปแล้ว Chart Patterns จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักได้แก่
- Reversal Patterns คือ รูปแบบกลับตัวของแนวโน้ม
- Continuation Patterns คือ รูปแบบต่อเนื่องของแนวโน้ม
Reversal Patterns (การกลับตัว)
รูปแบบเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลงเป็นขาขึ้น เช่น
- Head and Shoulders
- Double Top/Bottom
Continuation Patterns (การต่อเนื่อง)
รูปแบบเหล่านี้แสดงถึงแนวโน้มที่ยังคงต่อเนื่องในทิศทางเดิม
- Triangles
- Flags
- Pennants
Chart Patterns มีประเภทกลับตัว และ ประเภทราคาต่อเนื่อง ซึ่งจะบ่งบอกถึงลักษณะของกราฟที่จะเคลื่อนที่ต่อในอนาคต
ทำไม Chart Patterns ถึงสำคัญในตลาด Forex
- ช่วยให้นักเทรดคาดการณ์ทิศทางราคา
- นักเทรดสามารถใช้ Chart Patterns เพื่อตรวจจับความเป็นไปได้ที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- ตัวอย่างเช่น เมื่อเห็นรูปแบบ Head and Shoulders = คาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจจะเปลี่ยนเป็นขาลง
- ระบุจุดเข้าและจุดออกที่เหมาะสม
- เมื่อเข้าใจรูปแบบกราฟ นักเทรดสามารถวางแผนได้ดีขึ้นว่าจะเข้าเทรดเมื่อใดและจะออกจากการเทรดเมื่อไหร่
- ใช้ Chart Patterns ในการคำนวณ ราคาเป้าหมาย (Target Price) และ จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss)
- การเสริมความแม่นยำในการตัดสินใจเทรด
- การใช้ Chart Patterns ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น Indicators (RSI, MACD) ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ
Chart Patterns เป็นการคาดการณ์ทิศทางของราคา ว่ากำลังขึ้น หรือ ลง พร้อมทั้ง เป็นการระบุจุดเข้า กับ จุดออกที่เหมาะสมด้วย เห็นจากภาพ จะรู้ว่ากราฟลงไปสุดที่เท่าไหร่ และ ขึ้นสุดที่เท่าไหร่
Reversal Patterns การกลับตัว มีอะไรบ้าง?
- Head and Shoulders
- รูปแบบยอดนิยมที่มักเกิดในแนวโน้มขาขึ้น
- บ่งชี้ว่าราคากำลังจะกลับตัวเป็นขาลง
- ประกอบด้วยไหล่ซ้าย, ศีรษะ, และไหล่ขวา
- ตรงข้ามกันคือ Inverse Head and Shoulders จะเกิดในขาลง บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้น
- Double Top
- รูปแบบ “M” ที่เกิดในช่วงขาขึ้น
- ราคาทดสอบแนวต้าน 2 ครั้งแต่ไม่สามารถทะลุได้
- บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เริ่มอ่อนลง และมีโอกาสกลับตัวลง
- Double Bottom
- รูปแบบ “W” ที่เกิดในช่วงขาลง
- ราคาทดสอบแนวรับ 2 ครั้งแต่ไม่สามารถหลุดได้
- เป็นสัญญาณว่าราคามีแนวโน้มจะกลับตัวขึ้น
- Triple Top / Triple Bottom
- ลักษณะคล้าย Double Top/Bottom แต่ราคาทดสอบแนวต้าน/แนวรับถึง 3 ครั้ง
- ถือว่าเป็นสัญญาณการกลับตัวที่แข็งแกร่งกว่า
- Rounding Top / Rounding Bottom
- เป็นรูปแบบการกลับตัวแบบโค้งช้า ๆ
- มักเกิดในระยะเวลานาน เหมาะกับการวิเคราะห์ใน Timeframe ใหญ่
- Rounding Top = ขาขึ้นกลับตัวลง
- Rounding Bottom = ขาลงกลับตัวขึ้น
ตัวอย่างชื่อ Reversal Patterns กราฟที่แสดงลักษณะของการกลับตัวของราคา โดยทั้ง 6 แบบในภาพนั้นพบเจอได้บ่อยในตลาด Forex
Continuation Patterns ราคาไปต่อ มีอะไรบ้าง?
- Flag Pattern (ธง)
- เกิดหลังจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง (เรียกว่า Flagpole) แล้วราคาจะพักตัวอยู่ในกรอบเล็กๆ มี 2 แบบ
- Bullish Flag: แนวโน้มขาขึ้น หยุดพักเล็กน้อยก่อนขึ้นต่อ
- Bearish Flag: แนวโน้มขาลง หยุดพักก่อนลงต่อ
- มักตามมาด้วยการ Breakout ไปในทิศทางเดิม
- เกิดหลังจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง (เรียกว่า Flagpole) แล้วราคาจะพักตัวอยู่ในกรอบเล็กๆ มี 2 แบบ
- Pennant Pattern (ธงสามเหลี่ยมเล็ก)
- ลักษณะคล้าย Flag แต่การพักตัวจะเกิดในรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร
- มักเกิดหลังจากการพุ่งของราคา และพักตัวช่วงสั้น ๆ ก่อนจะไปต่อในทิศทางเดิม
- Triangle Pattern (รูปแบบสามเหลี่ยม) มี 3 ประเภทหลัก:
- Ascending Triangle (สามเหลี่ยมฐานเฉียงขึ้น): แนวต้านเท่าเดิม แต่แนวรับสูงขึ้น บ่งบอกโอกาสขึ้นต่อ
- Descending Triangle (สามเหลี่ยมฐานเฉียงลง): แนวรับเท่าเดิม แต่แนวต้านลดลง บ่งบอกโอกาสลงต่อ
- Symmetrical Triangle (สามเหลี่ยมสมมาตร): แนวรับ-แนวต้านบีบเข้าหากัน ราคาจะเบรกออกไปทางใดทางหนึ่ง (มักตามแนวโน้มเดิม)
- Rectangle Pattern (กล่องราคาหรือกรอบราคา) – เรีก
- ราคาเคลื่อนที่อยู่ในกรอบระหว่างแนวรับและแนวต้าน หรือที่เรียกว่า Side Way
- เป็นช่วงที่ตลาดพักตัวก่อนเลือกทิศทาง
- หากเบรกขึ้น = ไปต่อขาขึ้น
- หากเบรกลง = ไปต่อขาลง
ตัวอย่างแพทเทิร์นราคาที่บอกว่ากราฟจะไปต่อเนื่อง มีการพักตัวของราคาดังภาพ ก่อนที่จะทำการเคลื่อนที่ในทิศทางเดิมไปต่อ
ข้อดีและข้อเสีย ของการใช้ Chart Patterns
ตารางที่ 1 สรุปข้อดีข้อเสียของการใช้ Chart Patterns ในการเทรด
ข้อดีของการใช้ Chart Patterns | ข้อเสียของการใช้ Chart Patterns |
---|---|
ช่วยทำนายทิศทางราคา สามารถระบุทิศทางที่ราคาจะเคลื่อนไหวในอนาคตได้จากรูปแบบกราฟ เช่น การกลับตัวหรือการต่อเนื่องของราคา | ไม่สามารถรับประกันความแม่นยำ 100% การตีความ Chart Patterns อาจไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะตลาดมีการเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดเสมอไป |
การใช้งานในหลายๆ Time Frame สามารถใช้ Chart Patterns ได้ทั้งในกราฟระยะสั้นและระยะยาว ช่วยให้การวิเคราะห์มีความยืดหยุ่น | ความเสี่ยงจาก Fake Patterns ในบางครั้งรูปแบบที่ปรากฏอาจไม่ใช่ Chart Patterns ที่แท้จริง ซึ่งอาจทำให้เกิดการหลอกลวงและเสียเงินได้ |
ช่วยในการตั้ง Stop Loss และ Take Profit นักเทรดสามารถใช้ Chart Patterns เพื่อกำหนดจุดเข้าออกที่แม่นยำ เช่น การตั้ง Stop Loss ที่จุดสำคัญของ Pattern | ต้องใช้การยืนยันจากเครื่องมืออื่น บางครั้งการตีความ Pattern อาจต้องการเครื่องมือเสริมเช่น Indicators เพื่อยืนยันความถูกต้อง |
เพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ การมีการวิเคราะห์ Chart Patterns ทำให้การตัดสินใจในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนมีความมั่นใจมากขึ้น | การตีความผิดพลาด การวิเคราะห์ Chart Patterns อาจผิดพลาดได้หากไม่ได้ใช้ข้อมูลสนับสนุนหรือไม่ได้มองหลายมุมมอง |
ช่วยในการระบุจุดกลับตัวหรือการคงแนวโน้ม นักเทรดสามารถใช้ Chart Patterns ในการทำนายการกลับตัวหรือการต่อเนื่องของราคาได้อย่างแม่นยำ | ต้องการประสบการณ์และการฝึกฝน การตีความ Chart Patterns ให้แม่นยำนั้นต้องใช้เวลาและประสบการณ์ในการเรียนรู้และฝึกฝน |
ตัวอย่างการใช้ Chart Patterns ในการเทรด Forex
ตัวอย่างที่ 1 EUR/USD เกิด Head and Shoulders กลับตัวลง
สถานการณ์
- คู่เงิน: EUR/USD
- แนวโน้มก่อนหน้า: ขาขึ้นต่อเนื่อง
- บนกราฟ Timeframe H1 ปรากฏรูปแบบ Head and Shoulders ชัดเจน
ขั้นตอนการเทรด
- สังเกตรูปแบบ
- ราคาทำยอดสูง (Head) สูงกว่าจุดสูงก่อนหน้า (Shoulder ซ้าย)
- แล้วเริ่มย่อลง และขึ้นไม่ถึงยอดเดิม (Shoulder ขวา)
- ลากแนวคอ (Neckline)
- เชื่อมจุดต่ำระหว่างไหล่ซ้ายและขวา เพื่อใช้เป็นแนวรับ
- จุดเข้า (Entry Point)
- รอราคา เบรกแนวคอลงอย่างชัดเจน พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
- เปิด Sell เมื่อเกิด Breakout
- ตั้ง Stop Loss
- เหนือไหล่ขวาเล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยง
- ตั้ง Target Price
- วัดระยะจากยอดหัวถึงแนวคอ แล้วลากลงมาเป็นจุดทำกำไร
ตัวอย่างของราคา
- Head สูงสุดที่: 1.1100
- Neckline อยู่ที่: 1.1000
- ความสูงรูปแบบ: 100 pips
- เป้าหมายทำกำไร: 1.0900
- Stop Loss ที่: 1.1050
ตัวอย่างการเกิด Pennant Pattern บนกราฟทองคำ XAUUSD ซึ่งบอกราคาในอนาคตว่าจะมีการเคลื่อนที่ขึ้นต่อเนื่อง
ตัวอย่างที่ 2 GBP/USD เกิด Flag ราคาย่อแล้วไปต่อ
สถานการณ์
- คู่เงิน: GBP/USD
- แนวโน้มก่อนหน้า: ขาขึ้นรุนแรง
- บนกราฟ Timeframe H1 มีการพักตัวของราคาในลักษณะ Flag ชัดเจน
ขั้นตอนการเทรด
- สังเกตรูปแบบ Bullish Flag
- ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจะถูกเรียกว่า “เสาธง”
- จากนั้นราคาเคลื่อนไหวลงแบบเอียงเล็กน้อยในกรอบขนานจะมีลักษณะคล้ายธง
- รอ Breakout
- รอให้ราคาทะลุกรอบธงด้านบนอย่างชัดเจน
- อาจใช้แท่งเทียน breakout + ปริมาณ Volume เพิ่มขึ้นเป็นตัวช่วยยืนยัน
- จุดเข้า (Entry Point)
- เปิด Buy เมื่อราคาเบรกขึ้นเหนือกรอบธง
- ตั้ง Stop Loss
- ด้านล่างของกรอบธง เพื่อจำกัดความเสี่ยง
- ตั้ง Target Price
- วัดความสูงของ “เสาธง” แล้วนำมาบวกจากจุดเบรกเอาท์
ตัวอย่างตัวเลข
- ราคาพุ่งขึ้นจาก 1.2500 เป็น 1.2700 ความห่าง= 200 pips
- ราคาพักตัวในกรอบ 1.2700 – 1.2650
- Breakout ที่: 1.2700 พร้อมที่จะ เปิด Buy
- Stop Loss: 1.2640
- Target Price: 1.2700 + 200 = 1.2900
ตัวอย่างการเกิด Rectangle Pattern บนกราฟทอง XAUUSD ที่มีการ Side Way ราคาก่อนทำการเคลื่อนที่ทะลุกรอบราคาเดิม และ เคลื่อนที่ขึ้นต่อ
คลิป
- ขอแนะนำคลิปแท่งเทียนกลับตัว ที่ใช้ได้จริงในการเทรด forex หุ้น เป็นพื้นฐานกราฟแท่งเทียน แบบกลับตัว | candlestick จากช่อง DudeeTrading ดูดีเทรดดิ้ง
สรุป
Chart Patterns คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเทรด Forex อ่านพฤติกรรมราคาได้เหมือนการตีความ “ภาษากายของตลาด” รูปแบบเหล่านี้ไม่ใช่แค่ลวดลายบนกราฟ แต่เป็นสัญญาณที่สามารถชี้นำว่า “ราคาอาจกำลังจะเปลี่ยนทิศ” หรือ “มีแนวโน้มจะไปต่อ” ได้อย่างแม่นยำขึ้น แม้จะไม่แม่น 100% แต่เมื่อใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น เช่น อินดิเคเตอร์หรือแท่งเทียน ก็สามารถเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อ้างอิง
- How to Spot Key Stock Chart Patterns: https://www.investopedia.com/articles/technical/112601.asp
- 10 chart patterns every trader needs to know: https://www.ig.com/en/trading-strategies/10-chart-patterns-every-trader-needs-to-know-190514
- Pattern: Meaning, Trends, Different Types: https://www.investopedia.com/terms/p/pattern.asp
FAQ – Chart Patterns คืออะไร? สรุปในทุกแง่มุม
มีโอกาสรวยได้แต่ยากมากๆและต้องพึ่งดวงแบบขั้นสุด ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จเค้าไม่ได้พึ่ง Chart Pattern อย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบอื่นๆด้วย ไม่ใช่จำชื่อแพทเทิร์นแล้วจะรวยได้ ในสนามจริง คนที่อยู่รอดได้ยาว เขาไม่ได้เน้นแค่ “Pattern” แต่เขาโฟกัสเรื่อง 3M (ที่ Pattern เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ Method แต่การรวยจากตลาด ต้องเอา 3 อย่างนี้ให้ครบ)
- Mindset: เทรดแบบมีวินัย, รู้จักอดทน, ไม่ไล่ราคา, ไม่ Revenge Trade
- Method: ใช้ Pattern ได้ ต้องมี “ระบบเทรด” ที่ชัด → จะเข้าเมื่อไหร่?, ออกยังไง?, ตัดขาดทุนตรงไหน?
- Money Management: วาง Position Size อย่างมีสติ เสีย 3 ไม้ติดก็ยังอยู่ในเกม
ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการ test ด้วย เพราะบาง Pattern อาจแม่น 100% ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่วัดผล แต่ถ้าเอาตลอดกาล แบบเกิดแล้วเตรียมนอนนับเงินรอ ก็ยังไม่เคยเจอที่แม่นระดับ 90% เหมือนกัน เพราะ Pattern จำเป็นต้องดู context ด้วย เช่น สภาวะตลาด (Sideway หรือ Trending), Timeframe ที่ใช้, Volume หรือ Momentum สนับสนุนไหม? ไม่งั้นต่อให้เป็น Head & Shoulders หรือ Cup & Handle — ถ้าอยู่ในบริบทผิด มันก็เจ๊งได้
เอาจริงคือมีเยอะเลย ที่โหลดเป็น indicator หรือtemplate มาใช้ได้เลย เช่น TradingView Pattern Script, ZigZag + Price Action Indicators แต่นี่คือความจริง ว่าสิ่งที่ระบบเจอ กับสิ่งที่ตลาด “จะทำจริง” มักไม่ค่อยตรงกันเสมอ เช่น บางทีมันเจอ Double Top ตอนที่ตลาดเพิ่งเริ่มพุ่ง สุดท้ายก็ต้องกลับมาวาดเองอยู่ดี ถ้าจะเอาแบบเกิดประโยชน์ได้ศึกษาจริงๆ แนะนำ AutoChartist โปรแกรมจะตีกราฟชี้ช่องให้เลยพร้อมราคาที่คาดว่าจะไปถึง สามารถเอาไปแกะต่อยอดได้ ว่าทำไมถึงมองแบบนี้
มี 3 อย่างที่จะช่วยให้การใช้ Chart Pattern มีประสิทธิภาพ ไม่มโน
1. Context: ดูก่อนเลยว่าตลาดอยู่ช่วงไหน (Sideway, Trend, Reversal) อันนี้ สำคัญกว่า Pattern เองด้วยซ้ำ — เพราะ Pattern เดียวกัน ถ้าอยู่คนละบริบท ผลลัพธ์ก็ต่างกันสุดขั้ว อย่าดูแค่รูปแบบ ให้ดูว่า “มันอยู่ตรงไหนของโครงสร้างตลาด
2. Confirmation: ใช้ Volume, Momentum หรือ Breakout Candle ช่วยกรอง เช่น ราคาทะลุแนวต้าน พร้อม Volume พุ่ง ถ้าไม่มีแรงสนับสนุน ก็อย่าพึ่งให้ความสำคัญมาก
3. Structure: ความสมมาตรที่ชัดเป๊ะตามตำรา แต่ถ้ามีทั้ง context และ confirmation แล้ว ต่อให้ Structure มันดู “บิดเบี้ยว” แบบต้องจินตนาการ มโนเยอะ ไม้นี้ก็ยังน่าเล่นอยู่ดี คุม RRR ดีๆ แล้วใส่ได้เลย แต่.. ถ้าขาดทั้ง Context + Confirmation ต่อให้วาดสวยขนาดไหน ก็เป็นแค่ “ภาพหลอนบนกราฟ”