Head and Shoulders คืออะไร?
- Head and Shoulders (เฮท แอนด์ โซวเดอร์) เป็นรูปแบบกราฟราคาที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยมีลักษณะเฉพาะที่สามารถบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม จากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
- แพทเทิร์นนี้ช่วยให้นักเทรดทอง หรือ Forex สามารถใช้ในการจับจังหวะการขายหรือเปิดออเดอร์ Sell ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ชื่อของแพทเทิร์นมาจากรูปร่างของกราฟราคาที่คล้ายกับ “หัว” และ “ไหล่ทั้งสองข้าง”
- เมื่อเห็นรูปแบบนี้เกิดขึ้น จะเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจจบลง และแนวโน้มขาลงกำลังจะเริ่มต้น
องค์ประกอบสำคัญของแพทเทิร์น Head and Shoulders
- ไหล่ซ้าย (Left Shoulder)
ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุด แล้วปรับตัวลงเล็กน้อย - หัว (Head)
ราคาขึ้นอีกครั้ง ทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าไหล่ซ้าย แล้วปรับตัวลง - ไหล่ขวา (Right Shoulder)
ราคาขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่สูงเท่าหัว จากนั้นเริ่มกลับตัวลง - เส้นคอ (Neckline)
เส้นแนวรับที่ลากผ่านจุดต่ำของไหล่ซ้ายและไหล่ขวา ถ้าราคาทะลุเส้นนี้ลง จะเป็นสัญญาณกลับตัวชัดเจน เราสามารถตั้ง Pending Order ในจุดนี้ได้เพื่อไม่ให้ตกรถ
จากองค์ประกอบข้างต้นจะประกอบดังรูปด้านล่างที่เผยถึงองค์ประกอบสำคัญของการคาดเดาราคาจาก Price Action ของกราฟ
ภาพแสดงถึงการเกิด Head and Shoulders ที่มีลักษณะประกอบ 4 ลักษณะคือ ไหล่ซ้าย-หัว-ไหล่ขวา และ เส้นคอ โดยในภาพจะเหมือน หัว + ไหล่ จึงถูกเรียกว่า “เฮท แอนด์ โชวเดอร์”
ตัวอย่างการเกิด Head and Shoulders
สมมติว่าคู่เงิน EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และเริ่มเกิดพฤติกรรมราคาตามนี้
- ไหล่ซ้าย
ราคาขึ้นไปที่ระดับ 1.1000 แล้วปรับตัวลงมาที่ 1.0900 - หัว
ราคากลับขึ้นไปอีกครั้ง ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1.1100 แล้วลงมาอีกครั้งที่ 1.0900 (จุดต่ำเท่าเดิม) - ไหล่ขวา
ราคาขึ้นอีกครั้ง แต่ไปได้แค่ 1.1000 (ต่ำกว่าหัว) แล้วเริ่มอ่อนตัวลง - เส้นคอ
เส้นแนวรับที่ลากผ่านจุดต่ำที่ 1.0900 ของไหล่ซ้ายและขวา - จุดยืนยัน
เมื่อราคาทะลุเส้นคอลงไปที่ 1.0880 ถือเป็นสัญญาณขาย (Sell)
ภาพประกอบถึงตัวอย่างการเกิด Head and Shoulders กับ ราคาของ EUR/USD ที่อธิบายไปแล้วข้างต้น เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับ Pattern นี้ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
รูปแบบกลับทิศ Inverse Head and Shoulders
- Inverse Head and Shoulders คือแพทเทิร์นที่กลับด้านกัน ใช้ในการวิเคราะห์การกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น
- องค์ประกอบและลักษณะเหมือนกัน เพียงแต่ทุกอย่างกลับด้าน
- ราคาทำ จุดต่ำสุด ที่เป็น “หัว” อยู่ตรงกลาง
- จุดต่ำรองลงมาทั้งสองข้างเป็นไหล่ซ้ายและขวา
- เมื่อราคาทะลุขึ้นผ่านเส้นคอ (Neckline) จะถือเป็นการกลับตัวขึ้น
Head and Shoulders คือการบอกว่ากราฟกำลังเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง ส่วน Inverse Head and Shoulders ก็ตรงข้ามกัน คือจากแนวโน้มขาลงกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้น
หลักการหาแพทเทิร์น Head and Shoulders
- ควรใช้กราฟรายวัน (Daily) หรือราย 4 ชั่วโมง (H4) ขึ้นไป เพื่อความน่าเชื่อถือ
- ใช้เครื่องมือช่วยวาดเส้นแนวโน้ม (Trendline) และเครื่องมือวาดเส้น Neckline
- ดูปริมาณการซื้อขาย (Volume) ควบคู่ด้วย ถ้าปริมาณลดลงระหว่างการเกิด “หัว” และ “ไหล่ขวา” มักยืนยันการกลับตัวได้ดีขึ้น
กลยุทธ์การเทรดด้วยแพทเทิร์น Head and Shoulders
- รอให้แพทเทิร์นครบรูปแบบ
- สังเกตเห็นไหล่ซ้าย เกิด หัว เกิด ไหล่ขวา อย่ารีบร้อนเข้าออเดอร์จนกว่ารูปแบบจะสมบูรณ์
- ยืนยันสัญญาณเมื่อราคาทะลุเส้นคอ (Neckline)
- หากเป็นแพทเทิร์นปกติ: รอ ทะลุลง เพื่อ เตรียม Sell
- หากเป็น Inverse: รอ ทะลุขึ้น เพื่อ เตรียม Buy
- เปิดออเดอร์ (Entry)
- เข้าออเดอร์ทันทีที่เกิด Breakout
- หรือรอให้ราคากลับมาทดสอบเส้นคออีกครั้ง (Pullback) แล้วค่อยเข้า
- วาง Stop Loss
- Head and Shoulders ปกติ → วางไว้ เหนือไหล่ขวา
- Inverse → วางไว้ ใต้ไหล่ขวา
- ตั้ง Take Profit
- วัดระยะจาก “หัว” ถึง “เส้นคอ” แล้วใช้ระยะเท่ากันในการตั้งเป้ากำไร
ข้อสังเกตที่สำคัญ
- การยืนยันสัญญาณเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุเส้นคอลงไปอย่างชัดเจน
- ใช้เครื่องมือเสริมอย่าง Volume เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเปิดออเดอร์
- ควรตรวจสอบใน Timeframe ใหญ่ เช่น Daily หรือ H4 เพื่อให้ได้สัญญาณที่น่าเชื่อถือควรดูแนวรับของราคา + เทรนด์แนวโน้มหลักของตลาดด้วย
ข้อดีและข้อเสียในการใช้ Head and Shoulders
ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบข้อดี และข้อเสียของการใช้แพทเทิร์น Head and Shoulders
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
รูปแบบชัดเจน สังเกตง่าย ด้วยลักษณะเฉพาะที่เหมือน "หัว" และ "ไหล่" สองข้าง | ไม่แม่นยำ 100% (เกิดสัญญาณผิดพลาดได้) |
กำหนดจุดเข้า/ออก และจัดการความเสี่ยงได้ชัดเจน เข้าเทรด เมื่อราคาทะลุเส้นคอ (Neckline), ตั้ง Stop Loss เหนือ/ใต้ไหล่ขวา, และ ตั้ง Take Profit โดยวัดระยะจากหัวถึงเส้นคอ | มีโอกาสเกิดสัญญาณหลอก (Fakeout / False Break)บางครั้งราคาอาจพุ่งทะลุเส้น Neckline ไปเพียงเล็กน้อย แล้ววกกลับอย่างรวดเร็ว ทำให้เทรดเดอร์ที่รีบเข้าตามสัญญาณ Breakout ติดกับดักและขาดทุนได้ง่าย |
ได้รับความนิยมและยอมรับกว้างขวาง เป็นรูปแบบพื้นฐานที่เทรดเดอร์จำนวนมากทั่วโลกใช้กัร ทำให้หาข้อมูลเรียนรู้ได้ง่าย และเมื่อคนเห็นเหมือนกันเยอะๆ ก็อาจช่วยยืนยันการเคลื่อนไหวของราคาได้ระดับหนึ่ง | ใช้เวลาในการฟอร์มตัวและยืนยันนาน การรอให้เกิดครบทั้งไหล่ซ้าย-หัว-ไหล่ขวา และรอจนกว่าราคาจะทะลุเส้น Neckline เพื่อยืนยันสัญญาณ อาจใช้เวลานานหลายแท่งเทียน |
ใช้ได้กับหลากหลายตลาดและ Timeframe ทั้งในตลาด Forex, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโตฯ และใช้ได้ในหลาย TF (แต่จะน่าเชื่อถือกว่าใน Timeframe ใหญ่ เช่น H4, Day, Week) | ไม่สามารถวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้ H&S บอกแค่ "จุดเริ่มต้น" ของการกลับตัว แต่ไม่ได้การันตีว่าแนวโน้มใหม่ที่เกิดขึ้นจะแข็งแกร่ง หรือจะเคลื่อนที่ไปได้ไกลแค่ไหน |
Head and Shoulders เหมาะกับใคร?
- คนที่ชอบหาจังหวะ “กลับตัวของเทรนด์” (Trend Reversal Traders)
- นี่คือหัวใจหลักของแพทเทิร์นนี้เลย ที่เตือนได้ว่า “เทรนด์เก่ากำลังจะจบ อาจจะถึงเวลาเปลี่ยนทิศทางแล้ว”
- ถ้าคุณเป็นสายที่ชอบเข้าเทรดตอนต้นๆ ของเทรนด์ใหม่ หรือมองหาจุดออกก่อนที่เทรนด์เดิมจะหมดแรง H&S (และ Inverse H&S สำหรับเทรนด์ขาลง) นี่คือเหมาะเลย
- สายเทคนิคที่เน้น “อ่านกราฟราคา” (Price Action / Chart Pattern Traders)
- ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบกราฟเปล่า สะอาดตา ไม่สนใจใช้อินดิเคเตอร์หลายๆ ตัว
- H&S ให้สัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนจากตัวกราฟเองเลย ทั้งจุดที่น่าจะเข้าเทรด (ตอนทะลุเส้นคอ), จุดที่ควรจะหนี (Stop Loss เหนือ/ใต้ไหล่ขวา), และเป้าหมายกำไรคร่าวๆ (วัดระยะจากหัว)
- มอง “ภาพใหญ่” เทรด “ระยะกลางถึงยาว” (Medium/Long-term Traders)
- รูปแบบ H&S ที่เกิดใน Timeframe ใหญ่ๆ (เช่น กราฟ Day, Week) ยิ่งมีความน่าเชื่อถือสูง
- เหมาะกับคนที่ไม่ได้เทรดเข้าออกบ่อยๆ แต่มองภาพรวมระยะกลางหรือยาว
- คนที่ “มีประสบการณ์” และรู้จัก “รอการยืนยัน” (Experienced Traders)
- ถึงแม้รูปแบบจะดูไม่ซับซ้อน แต่การจะใช้งานให้ได้ผลดีจริงๆ (โดยเฉพาะใน Timeframe เล็กๆ ที่อาจมีสัญญาณหลอกบ่อย) ต้องอาศัยประสบการณ์ในการตีความองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น ดูปริมาณการซื้อขาย (Volume) หรือรอสัญญาณยืนยันที่ชัดเจน
ภาพอธิบายถึงตัวอย่างการเกิด Head and Shoulders ในกราฟราคาทองคำ ที่สำคัญควรตรวจสอบจากกรอบเวลาใหญ่อย่าง 4 ชั่วโมง เพราะจะเป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถือที่สุด
คลิปที่น่าสนใจ
ขอแนะนำคลิปจาก TraderSumo ที่พูดถึงรูปแบบ Head and Shoulders ในมุมลึกที่ไม่ใช่แค่ดูรูปแบบกราฟ แต่เข้าใจ “เหตุผล” ที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ
- นาที 0:00 – 1:15 — Head and Shoulders คืออะไร
- นาที 1:50 — “ความลับ” อยู่ตรงไหน?
- นาที 2:50 – 3:40 — Momentum เปลี่ยน = สัญญาณกลับตัว
- นาที 7:02 — Secret จริง ๆ “Head and Shoulders เป็น Distribution Pattern ที่ทำให้ตลาดดึงสภาพคล่องออก (remove liquidity) และเปลี่ยน Momentum ไปจากเดิม”
สรุป
“Head and Shoulders เรียกได้ว่าเป็นอาวุธลับของนักเทรดมืออาชีพ”
สำหรับ การเทรด Forex รูปแบบ Head and Shoulders (ทั้งแบบปกติและแบบกลับหัว) ถือเป็นสัญญาณ “กลับตัวของแนวโน้ม” ที่สำคัญและคลาสสิกมาก แต่เพื่อเพิ่มความสำเร็จ ควรใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์ Volume ที่มักเพิ่มขึ้นตอน Breakout หรือสัญญาณขัดแย้ง (Divergence) จาก Indicator อื่นๆ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สำเร็จคือ รูปแบบที่ชัดเจนสมบูรณ์ใน Timeframe ใหญ่ (เช่น H4 ขึ้นไป) และการมีวินัยรอสัญญาณทะลุเส้นคอที่ชัดเจน
อ้างอิง:
- What Is a Head and Shoulders Chart Pattern in Technical Analysis? : https://www.investopedia.com/terms/h/head-shoulders.asp
- How to Trade the Head and Shoulders Pattern: https://www.babypips.com/learn/forex/head-and-shoulders
FAQ – Head and Shoulders อาวุธลับของนักเทรดมืออาชีพในตลาด Forex
ตัวอย่างเช่น หัวสูงกว่า Neckline = 200 จุด → ถ้าหลุด Neckline → ราคามีโอกาสวิ่งต่ออีก 200 จุด
นี่คือรูปแบบการ Take Profit ที่ใช้กันเยอะมาก
แน่นอนว่า ถาม 100 คน ก็ต้องตอบไปทางเดียวกันว่า ควรใช้คู่กับอินดี้อื่น ๆ หรือแม้กระทั่งการดูเส้น trendline หรือแนวรับ/ต้าน เพื่อช่วยกรองสัญญาณหลอกได้ เช่น
- Volume → ดูปริมาณการซื้อขายที่มักจะ เพิ่มขึ้น อย่างชัดเจนตอนทะลุ Neckline
- Momentum Oscillators (พวก RSI หรือ MACD) → มองหา Divergence ในช่วงที่กำลังฟอร์มตัว โดยเฉพาะที่ไหล่ขวา
- แนวรับ/แนวต้าน (S/R Levels) → ดูว่าการ Breakout สอดคล้องกับการทะลุแนวรับ/ต้านสำคัญไหม
มันเกิดสิ่งที่เป็นปกติมาก ๆ เรียกว่า Pattern Failure ซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดกับทุกอินดิเคเตอร์ และไม่มีเทรดเดอร์คนไหนหนีพ้น สาเหตุอาจเป็นเพราะ
- สัญญาณหลอก (False Breakout) ทำให้ราคาแค่ทะลุ Neckline ไปชั่วคราวแล้วถูกแรงฝั่งตรงข้ามดันกลับ
- แนวโน้มเดิมยังแข็งแกร่ง ทำให้การกลับตัวไม่สำเร็จ
- มีข่าวสำคัญเข้ามาแทรกแซงทิศทางราคา
- มีองค์ประกอบบางอย่างที่ไม่ชัดเจน หรือขาดการยืนยัน เช่น Volume ไม่สอดคล้อง
นี่คือเหตุผลที่ต้องมี Stop Loss เสมอ เพื่อจำกัดความเสียหายเมื่อรูปแบบไม่เป็นไปตามคาด